xs
xsm
sm
md
lg

“วิลาศ”ชน2รองผู้ว่ากทม. ท้าโชว์พาสปอร์ตพิสูจน์ทัวร์นอกถี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายจุมพล สำเภาทอง และ นายอมร กิจชเวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เดินทางไปราชการต่างประเทศบ่อยตามที่มีการพาดพิงถึงว่า เป็นการแก้ข้อกล่าวหาที่ถูกต้อง เพราะตนไม่ได้ระบุว่าเดินทางไปราชการ แต่ไปเรื่องส่วนตัว เพราะมีการใช้เงินสดส่วนตัวจ่ายค่าเดินทาง แต่ปัญหาคือไปทำไมเกือบทุกเดือน และที่บอกว่าไปปีละครั้ง ตนขอให้รองผู้ว่าฯทั้ง 2 คนเอาพาสปอร์ตเล่มที่เพิ่งไปล่าสุดมาโชว์ว่าปีที่ผ่านมาเดินทางไปต่างประเทศกี่ครั้ง
นายวิลาศ กล่าวว่า ในส่วนของความผิดปกติจัดซื้อรถดูดเลน และรถดูดไขมันของ กทม.นั้น ตนมีหลักฐานชัดเจนจากการออกหนังสือเวียนไปยังผู้อำนวยการเขต ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มโซนของ กทม. ดูแลโซนละ 8-10 เขตเพื่อให้ออกหนังสือไปยังสำนักงานเขตต่างๆแสดงความจำนงว่าต้องการรถอะไรบ้าง แต่จะมีสเปกไว้เสร็จสรรพว่าเป็นอย่างไร เพราะมีการไปตกลงกับบริษัทผู้ผลิตจากต่างประเทศไว้แล้ว หากมีองค์กรไปตรวจสอบก็จะอ้างได้ว่าทางเขตทำเรื่องเสนอมา โดยหนังสือออกไปจากแต่ละกลุ่มโซนเอง
“ถามว่าหัวหน้าโซนมีอำนาจอะไรไปสั่งเขตอื่นๆให้ซื้อรถตามสเปกที่กำหนด พอไปถามว่าใครสั่งก็บอกว่า ท่านรองฯ เราก็ต้องเชื่อ เพราะ ผอ.เขตจะมีอำนาจอะไรไปสั่งอีกเขตให้ทำตามคำสั่งได้” นายวิลาศ ระบุ

** ยันยื่น ป.ป.ช.-ปปง.เอาเรื่องแน่
ส่วนกรณีนายจุมพลอ้างว่า โครงการซื้อรถตักไขมันเสนอในสมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม.สมัยแรก ซึ่งนายจุมพลยังไม่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม.นั้น นายวิลาศ กล่าวว่า ถือเป็นข้อมูลที่ถูกต้องถูกต้อง แต่มีการซื้อรถขุดไขมันขนาด2 คิว ทั้งที่ไม่เคยได้ใช้ เพราะไม่มีบ้านใครมีบ่อกักไขมัน อย่างไรก็ตามประเด็นของตนคือ มีการสั่งให้ซื้อใหม่ขนาด8 คิว โดยในหนังสือเวียนระบุ เมื่อ2-3 เดือนที่ผ่านมานี้เอง ส่วนวันที่แน่ชัดนั้นไม่ทราบ เพราะคนที่เอาหนังสือนี้มาให้ตนไม่กล้าเปิดเผยรายละเอียดมากนัก เพราะเกรงว่าจะได้รับความเดือดร้อน แต่เมื่อตนนำเรื่องนี้มาเปิดเผยรองผู้ว่าฯคนดังกล่าวได้สั่งให้ชะลอโครงการ แต่ยังไม่เลิกโครงการ ตนอยากถามว่าหมายความว่าอย่างไร รอให้เรื่องเงียบก่อนค่อยทำต่อใช่หรือไม่ แต่ตนเชื่อว่ามาถึงวันนี้คงไม่กล้าทำต่อแล้วอย่างไรก็ตามตนจะไม่เอาเรื่องนี้มายื่นต่อป.ป.ช.ให้สอบ เพราะถือว่าความผิดยังไม่เบ็ดเสร็จ เรื่องมาแดงเสียก่อน
“สัปดาห์หน้าผมจะไปยื่นต่อคณะกรรมาการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องเดียวคือ ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ เอาเงินจากไหนไปต่างประเทศบ้าเลือดขนาดนั้น ซื้อของทีละ5ล้านบาท พิสูจน์เส้นทางเงินก็ต้องไปชี้แจงว่าเงินที่เขาให้มาจากการทำอะไร จริงๆผมมีชื่ออยู่แล้วว่าโอนมาจากใครแต่จะไม่บอกตอนนี้ บอกใบ้ได้ว่าเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการโยธาการก่อสร้าง เพื่อ ป.ป.ง.จะได้สอบว่าอยู่ดีๆโอนเงินไปให้เขาทำไม ถ้าไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ผมไม่ได้กล่าวหาว่าคุณไปราชการมาก แต่กล่าวหาว่าคุณเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากเกือบทุกเดือน ก็มาพิสูจน์ว่ามันไม่จริง” นายวิลาศ ระบุ

** มั่นใจหลักฐานมัดแน่น-ดิ้นไม่หลุด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเอกสารหลักฐานพร้อมที่จะนำไปยื่นต่อองค์กรตรวจสอบหรือไม่ นายวิลาศกล่าวว่า ตนยอมรับว่าไม่เห็นตั๋วเครื่องบิน แต่มีหลักฐานการซื้อสินค้าจากคิงพาวเวอร์ เป็นที่ฮือฮามาก เพราะไม่มีใครเศรษฐีซื้อนาฬิกาทีเดียวจ่าย5 ล้านบาทเพื่อเอาตั๋ว100 ใบ และรู้ว่าใครไปบ้าง แต่ไม่ได้ไปฉลองเกษียณทั้งหมดทีเดียว แต่ทยอยกันไป เริ่มไปตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสายการบินไทยแอร์เวย์ แต่ที่สำคัญคือทำไมเดินทางไปประเทศยุโรปบ่อยมาก ตนไม่รู้ว่าเขารู้จักกับบริษัทไหนแต่คนที่ไปด้วยมาเล่าให้ตนฟังว่าเขาไปดูเครื่องจักรที่มาบังคับให้พวกเขตซื้อ ตนอัดเทปไว้หมด แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พยานบุคคล เพราะเป็นเรื่องเอกสาร เช่นเงินใช้เดินทางไปเยอรมัน ตนจะแสดงให้เห็นว่ามีเงินจากบริษัทนี้เข้าบัญชีรองผู้ว่าฯ ก็ต้องพิสูจน์มาว่าให้เงินไปเพื่ออะไร อยู่ดีๆไม่มีผลประโยชน์จะให้ทำไม ตนรู้ว่ามีบริษัทไหนเป็นเจ้าภาพ ทุกวันนี้ข้าราชการหน้าห้องรวยกว่าข้าราชการห้องอื่น เพราะสัปดาห์หน้ามีอีก7 คนจะเดินทางไปอเมริกา แต่อาจจะยกเลิกหลังจากตนแถลงเรื่องนี้

** ปัดจุดไฟเผาพรรคหลังแฉกันเอง
ส่วนที่นายจุมพลระบุว่าการแต่งตั้งข้าราชการเป็นหน้าที่ของปลัดกทม. กับ ผู้ว่ากทม. นายวิลาศกล่าวว่า ก็เป็นข้ออ้างที่ถูกต้อง แต่ก็ต้องถามกลับว่ามีการแต่งตั้งครั้งไหนบ้างที่รองผู้ว่าฯไม่ฝากเด็กของตัวเองเข้าไป ในตำแหน่งดีๆ และบางตำแหน่งมีการเรียกเงินด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นไม่มีการโกงกันในกทม.มากมายขนาดนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการมองว่าที่นำเรื่องนี้มาแถลงเพราะมีปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศยืนยันว่าสิ่งที่ตนออกมาแถลงไม่ใช่ว่าพรรคแตกหรือมีความขัดแย้งกันภายใน บางคนบอกว่าตนรับใบสั่งมาให้แถลง ถามว่ามีใครในพรรคที่สั่งตนได้บ้าง
“วันนี้หากคนในพรรคทุจริตแล้วเราไม่เอา หรือออกมาด่าแปลว่าร้าวหรือ หรือถ้าไม่อยากให้ร้าวแล้วปล่อยให้มันโกงไปเรื่อยๆหรืออย่างไร ผมยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีเงียบหายลอยนวลอย่างแน่นอน และจะไม่ขอให้หัวหน้าไปสั่งปลดใคร แต่จะอาศัยองค์กรอิสระเข้าไปตรวจสอบให้ชัดเจนไปเลย” นายวิลาศกล่าว

** “วัชระ” เผย “มาร์ค”หนุนสอบซีซีทีวีห่วย
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีกล้องซีซีทีวีของ กทม.ไม่มีประสิทธิภาพว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าประชาธิปัตย์ เห็นด้วยว่าจะต้องมีการตรวจสอบประสิทธิภาพและราคาของกล้องซีซีทีวี เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งตนได้รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมทั้งเสนอให้ปลดนายอมร รองผู้ว่าฯกทม.ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ โดยนายอภิสิทธิ์รับเรื่องไปพูดคุยกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ว่าฯกทม.จะปลดหรือไม่ เช่นเดียวกับพฤติกรรมของ นางเบญทราย กียปัจจ์ รองโฆษก กทม.ที่ขาดวุฒิภาวะ จึงควรจำกัดบทบาทให้อยู่ในส่วนที่เหมาะสมอย่างสร้างปัญหาด้วย
“ฝากให้ผู้ว่าฯพิจารณาด้วยความเที่ยงธรรม อย่าหลงรูป รส กลิ่น เสียง เพราะที่ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ได้เป็นผู้ว่ากทม. เพราะลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าทำงานไม่ดีพรรคก็ได้รับความเสียหายไปด้วย ถ้าหม่อมคิดว่าเป็นคนของพรรคก็ต้องคำนึงถึงด้วยว่าพรรคจะได้รับผลกระทบ” นายวัชระ กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น