xs
xsm
sm
md
lg

สยบ “ขอนแก่นโมเดล ภาค 2” ถล่มกรุงเทพฯ สังหาร ประยุทธ์-ประวิตร!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมืองไทย 360 องศา


เมื่อปีที่แล้วหลังเกิดเหตุรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ไม่กี่วันก็ได้มีการควบคุมตัวกลุ่มบุคคลหลายรายพร้อมอาวุธสงคราม พร้อมทั้งเอกสารโฆษณาชวนเชื่ออีกจำนวนมากได้ที่จังหวัดขอนแก่น โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่าเตรียมก่อเหตุรุนแรงตามจุดสำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าคนพวกนี้ล้วนเป็น “เครือข่ายของกลุ่มอำนาจเก่า” เป็นกลุ่มติดอาวุธที่มีการจัดตั้งมาก่อนหน้านี้ จากการขยายผลจับกุมครั้งนั้นจึงเป็นที่มาของคำว่า “ขอนแก่นโมเดล”

แต่ที่เป็นเหตุการณ์ครึกโครมก็คือ การลอบวางระเบิดที่ศาลพระพรหมที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แม้ว่ามูลเหตุจูงใจและคนที่ลงมือจะเป็นคนต่างชาติจะเกียวพันกับเรื่องการส่งกลับผู้อพยพชาวอุยกูร์ แต่ในเวลาต่อมาก็มีการออกหมายจับคนไทยจำนวนหนึ่งและถูกระบุว่าคนไทยดังกล่าวน่าจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่ “สมานเมตตาแมนชั่น” ที่บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เมื่อปี 53 และเหตุระเบิดที่มีนบุรีเมื่อปี 57 แม้ว่าในที่สุดแล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ เงียบหายไป มีแต่ผู้ต้องหาที่เป็นชาวต่างชาติสองคนที่เพิ่งถูกอัยการสั่งฟ้องใน 10 ข้อหาฉกรรจ์

ที่น่าสังเกตก็คือ การลงมือก่อเหตุที่แยกราชประสงค์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 17 สิงหาคม 2558 โดยผ่านพ้นวันมหามงคล และรายการ “Bike for Mom : ปั่นเพื่อแม่” เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ขณะเดียวกัน การก่อเหตุที่แยกราชประสงค์ถือว่ามีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลาย “บรรยากาศการท่องเที่ยว” โดยเฉพาะบริเวณนั้นเป็นที่นักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากต้องมากราบไหว้ ซึ่งก็ได้ผลหลังเกิดเหตุก็ทำให้การท่องเที่ยวในบ้านเราซบเซาไปพักหนึ่ง เพิ่งจะมาฟื้นตัวขึ้นมาอีกไม่นาน

แน่นอนว่าเมื่อแนวทางการสอบสวนก่อนหน้านี้ระบุว่า มีผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งที่เป็นคนไทยมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่นที่บางบัวทองเมื่อปี 2553 และเหตุระเบิดที่มีนบุรี มันก็สามารถโยงไปถึงกลุ่มการเมืองที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติอยู่ในเวลานี้

อย่างไรก็ดี คำว่า “ขอนแก่นโมเดล” ก็โผล่ขึ้นมาอีก จากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ออกมาเปิดเผยว่าเวลานี้ได้มีการออกหมายจับและควบคุมตัวบุคคลหลายคนที่ก่อเหตุในช่วงที่มีการซ้อม “Bike for Dad : ปั่นเพื่อพ่อ” และจากการสอบสวนขยายผลทำให้ทราบว่ามีการเตรียมที่จะลงมือในวันจริง โดยเฉพาะมีการวางแผนจะลงมือในกรุงเทพมหานครด้วย

มีรายงานข่าวว่า เบื้องต้นมีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้วไม่น้อยกว่า 3 คน มีการระบุชื่อและภูมิลำเนา โดยหนึ่งในนั้นเป็นอดีตตำรวจตระเวนชายแดนอายุ 60 ปี ยศจ่าสิบตำรวจ ที่เหลือเป็นชาวจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดเชียงใหม่ โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 112 รวมอยู่ด้วยนอกเหนือจากคดีความมั่นคงอื่นๆ ขณะเดียวกัน กรณีที่เกิดขึ้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีคำสั่งย้ายผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน

จากการเปิดเผยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เปิดเผยเกี่ยวกับการเตรียมการก่อเหตุในลักษณะ “ขอนแก่นโมเดล ภาค 2” ในพื้นที่กรุงเทพฯ และที่น่าตกใจก็คือ มีรายงานระบุว่าคราวนี้ยังมีเป้าหมายลงมือกับ “บุคคลสำคัญในรัฐบาล” อีกด้วย หากพิจารณาจัดลำดับบุคคลสำคัญในรัฐบาลนอกเหนือจากตัวเขาแล้วในจำนวนนั้นย่อมต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.อีกคนหนึ่งแน่นอน

ขณะเดียวกัน หากตามรายงานข่าวระบุว่า กลุ่มคนร้ายเตรียมลงมือในช่วงเทศกาลสำคัญ รวมทั้งในช่วงวัน “ปั่นเพื่อพ่อ” นั่นย่อมหมายความว่าในวันดังกล่าวมี “บุคคลสำคัญ” เข้าร่วมและอยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก ดังนั้น การที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดเผยว่ามีการจับกุมคนที่เตรียมก่อเหตุมาได้หลายคนก็ถือว่าน่าตกใจ แต่อีกด้านหนึ่งก็พอใจชื้นขึ้นมาได้บ้างเมื่อมีการออกหมายจับและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้ได้ นั่นเท่ากับว่าทางการสามารถล่วงรู้ความเคลื่อนไหวและสกัดกั้นแผนร้ายดังกล่าวได้ทันท่วงที

ดังนั้น การเปิดเผยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกี่ยวกับการทลายแผน “ขอนแก่นโมเดล” ที่มีเป้าหมายทำร้ายบุคคลสำคัญในรัฐบาล และเตรียมลงมือก่อเหตุในกรุงเทพฯ ในช่วงวันสำคัญ ถือว่าน่าหวาดเสียว เพราะหากเกิดเหตุร้ายขึ้นมาจริง นั่นก็เท่ากับว่า “หายนะ” จนไม่อยากจะหลับตาจินตนาการ นั่นคือการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ ที่กำลังเริ่มมีความเชื่อมั่นกลับมาก็จะดำดิ่ง รวมไปถึงความวุ่นวายจากการสร้างสถานการณ์ผสมโรงจะตามมาอีก แต่นาทีนี้ก็ยังไม่อาจวางใจได้เต็มร้อยแน่นอน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น