ศูนย์ข่าวขอนแก่น - บุกจับอดีตผู้ต้องหาความมั่นคงในกลุ่ม “ขอนแก่นโมเดล” เคลื่อนไหวใต้ดินเตรียมป่วนเมืองคาบ้านพักริมบึงแก่นนคร เร่งสืบข้อมูลจากของกลางมือถือขยายผลโยงหาผู้ร่วมขบวนการและคนหนุนหลัง
ภายหลังที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยข้อมูลพบการเคลื่อนไหวเตรียมการป่วนเมืองอีกรอบของคนในเครือข่าย “ขอนแก่นโมเดล” ทำเอาอารมณ์ร่วมทางสังคมที่กำลังพยายามปรองดองกันอยู่สะดุดขึ้นมาทันที และตอกย้ำให้เห็นว่าคลื่นใต้น้ำภายใต้อิทธิพลอำนาจรัฐบาลเก่ายังกระเพื่อมอยู่ใต้ดินพร้อมที่จะปะทุขึ้นมาทุกเมื่อหากมีโอกาสและจังหวะ
การจับกุม จ.ส.ต.ประทิน จันทร์เกศ คนในเครือข่ายขอนแก่นโมเดล เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ในบ้านพักของ จ.ส.ต.ประทิน แถวบึงแก่นนคร เขตเทศบาลนครขอนแก่น พร้อมกับยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือและควบคุมตัวสอบเพิ่มเพื่อขยายผล
จ.ส.ต.ประทิน อดีต รปภ.ปลอดภัย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นหนึ่งในผู้ต้องหากลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์เครือข่ายขอนแก่นโมเดล 26 คนที่ถูกจับกุมขณะเตรียมการสร้างสถานการณ์ป่วนเมือง เจ้าหน้าที่ยึดของกลางเป็นอาวุธสงครามหลายรายการ จ.ส.ต.ประทินได้รับการประกันตัวจากศาลทหารออกมาพร้อมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์
แต่หลังจากได้รับการประกันตัวออกมาแล้วกว่าปีปรากฏว่าเขาพร้อมพรรคพวกในเครือข่ายบางกลุ่มไม่หยุดเคลื่อนไหว พยายามสร้างกระแสความขัดแย้งอยู่เนืองๆ ในสังคมออนไลน์เฉพาะกลุ่ม แสดงออกให้เห็นว่ายังจงรักภักดีกับรัฐบาลเก่า ไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร อ้างตัวเองอย่างเท่ๆ ว่าเป็นกลุ่มใต้ดิน
ซึ่งการบุกเข้าจับกุม จ.ส.ต.ประทิน คาบ้านพักกลางเมืองขอนแก่นพร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือครั้งนี้ จะว่าไปแล้วเป็นการ “ตบหน้าฉาดใหญ่” หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพราะเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปจับกุมมาจากฝ่ายความมั่นคงหน่วยงานส่วนกลาง บรรดาตำรวจทหารในพื้นที่มารู้ข่าวการจับกุมในภายหลังพร้อมๆ กับชาวบ้าน สะท้อนให้เห็นความบกพร่องในการทำงานด้านการข่าวได้เป็นอย่างดี
ชนวนเหตุที่ต้องบุกจับ จ.ส.ต.ประทินคาบ้านพักชนิดที่ตั้งตัวไม่ทัน เพราะข้อความที่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ระบุในทำนองที่ว่า “ให้ติดตามวันซ้อมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ...ว่าจะมีการลอบทำร้ายบุคคลสำคัญของประเทศ “แต่ไม่ได้ระบุชื่อว่าบุคคลสำคัญนั้นเป็นใคร เมื่อฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบต่อ พบว่าคนที่โพสต์ข้อความดังกล่าวมีประวัติเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในนาม “ขอนแก่นโมเดล” และอยู่ระหว่างการประกันตัว
แหล่งข่าววงในระบุว่า การบุกชาร์จจับกุมครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ จ.ส.ต.ประทินเพียงคนเดียว ยังมีอีกหนึ่งคนที่ถูกจับได้ในจังหวัดขอนแก่น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เป็นคนในเครือข่ายอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกันแต่อยู่นอกกลุ่มขอนแก่นโมเด็ล ถือเป็นตัวละครสำคัญที่เป็นธุระจัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือเพื่อใช้ปฏิบัติการป่วนบ้านทำลายเมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งสอบสวนขยายผล ซึ่งเป้าหมายไม่ใช่แค่ วันปั่นเพื่อพ่อ 11 ธ.ค.นี้เท่านั้น รวมถึงวันสำคัญเทศกาลอื่นๆ ทั้งลอยกระทง หรือห้วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
อุปกรณ์ของกลางที่ตรวจยึด โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือนั้นน่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการสืบสวนสอบสวนขยายผลโยงไปถึงคนที่ร่วมขบวนการและคนที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง…
สำหรับ จ.ส.ต.ประทิน จันทร์เกศ ถือเป็นจำเลยที่ 1 ในจำนวน 26 คนถูกจับกุม พร้อมยึดอาวุธปืนและระเบิดหลายชนิดในห้องพักอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งใน ต.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 57 (หลัง คสช.ยึดอำนาจ 1 วัน) โดยผู้ต้องหาเหล่านี้ให้การรับสารภาพว่าอาวุธสงครามเหล่านั้นเตรียมก่อการร้ายในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และหลายพื้นที่ในภาคอีสาน เรียกตามรหัสว่า “ขอนแก่นโมเดล”
ต่อมาในวันที่ 21 ต.ค. 57 ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 จ.ขอนแก่น อัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 23 ได้เบิกตัวผู้ต้องหาทั้ง 26 คนเพื่อสืบพยาน ในคดีหมายเลขดำ ที่ 10 ก./2557 โดยตั้งข้อกล่าวหาในฐานความผิด 9 ข้อกล่าวหา โทษสูงสุดถึงประหารชีวิตประกอบด้วย
1. ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง 2. ร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือรู้ว่าจะมีผู้ก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้
3. เป็นซ่องโจร 4. มีและร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย 5. มีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
6. พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร 7. มีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาต 8. มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และ 9. มีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต