xs
xsm
sm
md
lg

ทหารนำตัวอดีต ตชด.-พลเรือนเครือข่าย “ขอนแก่นโมเดล” เตรียมป่วนเมืองส่ง ตร.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ทหารคุมอดีตจ่า ตชด. หัวโจกแก๊งขอนแก่นโมเดล โพสต์หมิ่นสถาบันฯ ส่งตำรวจ ผบ.ตร. ยันของจริง ไม่จัดฉาก แฉคิดการใหญ่ สะสมอาวุธ โพสต์หมิ่นเบื้องสูง ล่าอีก 7 ยังหนี

วันนี้( 26 พ.ย.)เมื่อเวลา 14.20 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม (ผบก.ผอ.) รับมอบตัว จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน และนายณัฐพล ณวรรณ์เล ผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

เนื่องจากพบพฤติกรรมมีการสื่อสารตระเตรียมก่อ เหตุวุ่นวายในกทม. ประทุษร้ายคนสำคัญจากพล.ต.วิจารณ์ จดแตง นายทหารพระธรรมนูญ หัวหน้างายฝ่ายกฎหมายในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์และตำรวจคอมมานโด กองบังคับการปราบปราม ควบคุมตัวและดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ร่วมสอบปากคำเบื้องต้น กับคณะพนักงานสอบสวน นำหมายจับให้ผู้ต้องหายืนยัน และให้แพทย์จากรพ.ตำรวจ ตรวจร่างกายผู้ต้องหา ก่อนทำการแยกสอบสวนเบื้องต้น โดยมีทนายที่ตำรวจจัดหาให้ร่วมสอบสวนด้วย

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ห้องศรียานนท์ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้เป็นประธานในการแถลงข่าว โดยแสดงแผนผังการดำเนินคดีและเครือข่ายของกลุ่มผู้ต้องหาต่อสื่อมวลชนด้วย

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า จ.ส.ต.ประธิน นายณัฐพล อยู่ในกลุ่มที่ร่วมกันหมิ่นสถาบันฯ โดยมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มขอนแกนโมเดล ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีเมื่อปี 2557 โดยเฉพาะ จ.ส.ต.ประธิน นั้น เคยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 พ.ค.2557 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น และต่อมาตำรวจขยายผลจับกุมเครือข่ายนี้ ได้อีก รวม 26 คน สืบสวนตรวจค้นพบว่ากลุ่มนี้มีแนวคิดก่อการร้าย ซ่องสุมกำลังพล อาวุธ พร้อมจะยึดค่ายทหาร ตำรวจและหน่วยราชการ มีการตรวจค้นพบครอบครองอาวุธปืน อาวุธสงคราม กระสุนปืน วัตถุระเบิด มีการส่งข้อความทั้งในเฟชบุ๊ค แอพพลิเคชั่นไลน์ และเว็บไซต์ยูทูบ ในกลุ่มเครือข่ายหมิ่นสถาบันฯ

พฤติการณ์คือร่วมกันวางแผน ตระเตรียมสะสมอาวุธ กำลังพล เพื่อต่อต้านปฏิวัติรับประหาร โดยใช้วิธีการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหาย และความปั่นป่วนในหมู่ประชาชน ครั้งนั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ขณะยังเป็นรองผบ.ตร.และพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ขณะรักษาราชการแทนผบช.ภ.1 เป็นหัวหน้า และรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ มีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหา สมคบกันเพื่อก่อการร้าย มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อนุญาตให้ได้ มีวัตถุระเบิด ยุทธภัณฑ์ ฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ส่งพนักงานอัยการศาลทหารเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2557 และอัยการสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2557 โดยขณะคดีอยู่ในชั้นศาลผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกไป

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวต่อไปว่า กระทั่งล่าสุด ตำรวจได้รับการประสานข้อมูล จาก คสช.พบว่า จ.ส.ต. ประธิน ยังคงเคลื่อนไหวในพฤติการณ์เดิมๆ โดย ครั้งนี้ร่วมกับพวกอีกอย่างน้อย 8 คนรวมแล้ว 9 คน มีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดซ้ำในฐานความผิดหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีพฤติการณ์คือกระทำความผิดโดยการส่งข้อความอันหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทั้งแอพพลิเคชั่นไลน์ เฟซบุ๊ค และทวิตเตอร์ และยูทูป นอกจากนี้ยังพบว่าบุคคลกลุ่มนี้มีแนวคิดเตรียมก่อเหตุรุนแรงโดยมีการปรึกษาหารือกันในการตระเตรียมอาวุธที่จะนำเข้ามาทำการก่อเหตุในช่วงเทศกาลและกิจกรรมสำคัญต่างๆ ในหลายพื้นที่ โดยมีผู้สั่งการเชื่อมโยงเครือข่ายในต่างประเทศ

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า ต่อมาทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงมีคำสั่ง ตร.ที่ 682/2558 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มี พล.ต.อ.ศรีวราห์ เป็นหัวหน้า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (รองผบช.กมค.) เป็นรองหัวหน้า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อว่ามีผู้กระทำความผิด 9 คน

คือ 1.จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 112/6 ม.2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 43/2558 และ 52/2558 2.นายณัฐพล ณ.วรรณ์เล อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 166 ม.8 ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 44/2558 3.นายพิษณุ พรหมสร อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 203/45 ม.9 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 45/2558 4.นายวัลลภ บุญจันทร์ อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 88/248 ม.3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 46/2558 5.นายฉัตรชัย ศรีวงษา อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 13 ม.16 ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 47/2558 6.นายมีชัย ม่วงมนตรี อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 141 ม.18 ต.จังหาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 48/2558 7.นายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 133 ม.6 ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 49/2558 8.นายวีรชัย ชาบุญมี อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 109 ม.8 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 50/2558 9.นายพาหิรัณ กองคำ อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 16 ม.3 ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 51/2558 ร่วมกันก่อเหตุตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน เหตุเกิดที่บ้านของ จ.ส.ต.ประธิน

เบื้องต้นทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา และศาลทหารกรุงเทพ อนุมัติหมายจับในข้อหา ร่วมกันกระทำความผิดซ้ำในฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เชิญตัวมาสอบถามพร้อมควบคุมตัว จ.ส.ต.ประธิน และนายณัฐพล ไว้ตามกฎหมาย ม.44 ครบกำหนดการควบคุมตัวส่งมอบให้พนักงานสอบสวน หากปรากฏพยานหลักฐานการกระทำความผิดในคดีอื่นๆ จะดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 7คนจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี

" จ.ส.ต.ประธิน มีแนวคิดเรื่องการสร้างโมเดลขึ้นมาที่เรียกว่าขอนแก่นโมเดล มีแนวคิดแบ่งเป็นขั้นตอนในการดำเนินการ มีการสะสมบุคคล สะสมอาวุธ มีการวางแผน ซึ่งเมื่อเกิดการทำรัฐประหารหรือสิ่งที่เขาเชื่อว่าไม่ถูกต้องก็จะใช้กำลังคนและอาวุธที่เขารวมรวมอยู่เข้าทำการยึดค่ายทหาร ค่ายตำรวจ ขณะที่นายนายณัฐพล ทำหน้าที่ในการจัดหาอาวุธสำหรับเตรียมการไปก่อเหตุ ซึ่งการจับกุมดำเนินคดีครั้งนี้ เขาได้เตรียม อาวุธ เอาไว้เพื่อส่งมอบให้แก่ จ.ส.ต.ประธิน นำไปใช้ก่อเหตุรุนแรง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทหารและตำรวจได้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น บ้านของนายวีรชัย หนึ่งใน 9 ผู้ต้องหา พบอาวุธของกลางจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันระหว่าง นายณัฐพล และ นายวีรชัย โดเป็นการจัด หาอาวุธร่วมกัน ทั้งนี้มีข้อมูลชัดเจนว่า นอกจาก จ.ส.ต.ประธินแล้ว ยังมี นายมีชัย นายธนกฤต และนายพาหิรัณ รวมแล้ว 4 คน ที่เป็นผู้ต้องหาอยู่ในกลุ่มขอนแก่นโมเดลในปี 2557" พล.ต.ต.ชยพล กล่าว

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ควบคุมตัว จ.ส.ต.ประธิน และนายณัฐพล และมีการออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 7 คนในวันนี้ขอยืนยันว่าขบวนการนี้มีจริง อยากจะสื่อให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศทราบว่าขบวนการนี้มีจริง ไม่ได้อ้างขึ้นมาแต่อย่างใด มีการข่าวและมีการควบคุมตัวจริง และมีอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จริง และเรื่องนี้ไม่น่าจะคิดได้ว่าเป็นการจัดฉาก ยืนยันว่ามีจริง และกรณีที่มีเหตุวัยรุ่นพกระเบิดปิงปอง แล้วเกิดระเบิดเสียชีวิตในคืนวันลอยกระทงที่ผ่านมา ต่อมามีการส่งข้อมูลกันทางโซเชียลมีเดียว่าเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่จะเข้ามาก่อเหตุวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองกลุ่มนี้หรือกลุ่มอื่นๆนั้น

ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เป็นเหตุวัยรุ่นคึกคะนองไปซื้อระเบิดมาจาก จ.นนทบุรี มาเล่นในงานลอยกระทงแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นเท่านั้น โดย ภ.จว.นนทบุรีได้ดำเนินคดีกับผู้ขายระเบิดปิงปองให้วัยรุ่นรายนี้แล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจมีการเฝ้าระวังหาข่าวจับตาความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มขอนแก่นโมเดลนี้และกลุ่มอื่นๆอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีบางกลุ่มนอกจากกลุ่มนี้พยายามเคลื่อนไหวเตรียมก่อเหตุอยู่บ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามอยู่ จากการข่าวตำรวจและฝ่ายความมั่นคงได้เพิ่มความเข้มในการดูแลความสงบแล้ว รวมทั้งการวางกำลังในการดูแลความปลอดภัยในกิจกรรมสำคัญด้วย

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นการสืบสวนทราบมาแล้วจากทาง คสช. ว่าอาจจะมีการก่อเหตุหรือไม่ประสงค์ดีต่อชาติบ้านเมือง ไล่ตรวจสอบแอพพลิเคชั่นไลน์และไล่หลักฐานไปปรากฏว่าเป็นคนกลุ่มนี้ โดย จ.ส.ต.ประธิน ก็ถูกนำตัวไปค้นบ้านและพบหลักฐานจนไปสู่การออกหมายจับและก็ถูกควบคุมตัว

"ส่วนก๊วนของเขาก็เป็นกลุ่มเดิมที่มาตั้งแต่ถนนอักษะไล่ไปขอนแก่นโมเดลจนถึงปัจจุบันนี้ จากการตรวจสอบบ้านของผู้ที่ถูกออกหมายจับ บางบ้านก็พบอาวุธพร้อมกระสุน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางทหารดำเนินการสืบสวนต่อเนื่องเพื่อขยายผลในการยึดอาวุธต่อไป ขณะนี้เพียงการสอบสวนเบื้องต้น ข้อมูลที่ทหารส่งมา ต้องบอกว่าเขายืนยันหรือว่าพาดพิงว่ากระทำผิดจริง โดยทางกองทัพได้ตรวจสอบดูหลักฐานแล้วประกอบคำรับ มันมีหลักฐานจริง พฤติกรรมคือทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย จะเอาชีวิตใครได้หรือไม่บอกได้เพียงว่าเป็นกลุ่มที่มีอาวุธ สามารถเกิดอะไรขึ้นได้ทั้งนั้น ส่วนเป้าหมายคืออะไรยังไม่ทราบต้องรอสอบสวน เขาอาจจะมีเป้าหมายหรือไม่ก็ได้ ไม่ทราบ รู้แค่ว่ามีอาวุธ กลุ่มนี้มีศักยภาพพอที่จะก่อเหตุต่อค่ายทหาร ที่ตั้งตำรวจ ทำรุนแรงได้มากแค่ไหนผมคงตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับที่ว่าจะก่อเหตุที่ค่ายเล็กหรือค่ายใหญ่ แต่จากการสืบสวนสำนวนขอนแก่นโมเดลเดิม ปรากฏว่ากลุ่มนี้มีอาวุธอยู่ในครอบครองจำนวนมาก จึงแสดงว่ากลุ่มนี้เตรียมจะก่อเหตุวุ่นวายขึ้นแน่นอน และคาดว่าเพียงพอต่อการประสงค์ร้ายต่อบุคคลสำคัญ เพราะเขามีอาวุธ อย่างไรก็ดีวิธีก่อเหตุมีมากมาย ก่อเหตุคนเดียวก็ได้" รองผบ.ตร.กล่าว และว่า พวกนี้เคลื่อนไหวตลอดอยู่แล้ว พบประวัติตั้งแต่เหตุการณ์ถนนอักษะปี 56-57 แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมือง
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มนี้เป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์เสื้อแดงหรือไม่ รองผบ.ตร.กล่าวว่า ตนไม่ทราบ บอกไม่ได้ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือตำรวจและกองทัพกำลังสืบหาตัว เพราะมีข้อมูลอยู่ และ ผบ.ตร.ได้มีการสั่งกำชับให้เอาตัวผู้ต้องหามาให้ได้เร็วที่สุด ส่วนกลุ่มนี้จะเคยเคลื่อนไหวก่อนเหตุการณ์ที่ถนนอักษะหรือไม่ ตนไม่ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าพวกนี้จะก่อเหตุป่วนในกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ ข้อมูลของตำรวจจะก่อเหตุอย่างไร พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเพราะเหตุยังไม่เกิด แต่กลุ่มนี้มีอาวุธ เราจึงยับยั้งไว้ก่อน

เมื่อถามว่าหลักฐานสำคัญที่เชื่อว่ากลุ่มนี้จะเตรียมมาก่อเหตุ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ เนื่องจากอยู่ในสำนวนและทหารเป็นผู้ควบคุมตัวไว้ก่อนหน้านี้

ถามต่อว่ากลุ่มนี้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่พารากอนและศาลอาญารัชดา หรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่ยืนยัน ต้องรอสอบสวนเชิงลึกก่อน แต่ยืนยันว่าเขามีอาวุธร้ายแรง แต่ตอบไม่ได้ว่าพัวพันกับเหตุการณ์ทั้งหมดหรือไม่ ส่วนการเชื่อมโยงคนในต่างประเทศก็บอกไม่ได้เป็นความลับอยู่ในสำนวน เช่นเดียวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินและที่มาของอาวุธที่อยู่ในสำนวนเช่นกัน

“ยืนยันว่ากลุ่มนี้จับตามหมายจับอย่างถูกต้อง อีกทั้งการสืบสวนของสำนวนเดิมมีการกระทำผิดจริง แต่จะป่วนหรือไม่นั้น เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นเลยตอบไม่ได้ แต่มีอาวุธก็ถือว่าเป็นเหตุแล้ว มีข้อมูลหลักฐานชัด มีพฤติการณ์ชัดในสำนวนไม่เช่นนั้นศาลไม่อนุมัติหมายจับหรอก ส่วนข้อมูลการประสานติดต่อกันทางแอพพลิเคชั่นไลน์ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเข้าข่ายความผิด 112 จากนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่ทหารส่งพยานหลักฐานทุกอย่างรวมทั้งอาวุธที่ยึดได้มาให้พนักงานสอบสวนก่อน จึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้ ตอนนี้เป็นเพียงการสกัดกั้นเหตุการณ์ไว้ก่อน ตามนโยบายของ ผบ.ตร. ส่วนจะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมหรือไม่นั้นต้องรอการสอบสวน แต่ถ้าขยายผลไปถึงใครก็จะต้องดำเนินการ” รอง ผบ.ตร. กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ภัคพงษ์ เปิดเผยภายหลังสอบสวนผู้ต้องหาในเบื้องต้น ว่า ในเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองคน ยังไม่รับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวนซึ้งจะคุมตัวฝากขังต่อศาลทหาร จากนั้นจะนำตัวควบคุมที่เรือนจำชั่วคราว มทบ. 11


















 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น