xs
xsm
sm
md
lg

“ถาวร” ชี้เลือกตั้งแบบใหม่ไม่แก้โกง หนุนบัตร 2 ใบ-โอเพนลิสต์ ค้านยืดวาระ กกต.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส.(แฟ้มภาพ)
แกนนำ กปปส.มองเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนไม่แก้ปัญหาซื้อเสียง หากไม่ให้ ปชช.ฟ้องคดีเองได้ ชี้แปลงคะแนน ส.ส.เขตไปให้บัญชีรายชื่อผิดเจตนารมณ์ หนุนแบบ “บวรศักดิ์” กาบัตรต้อง 2 ใบ เชียร์โอเพนลิสต์ขจัดคนมีเงินไร้ความสามารถ ใช้ 6 เขตเลือกตั้ง ดักแย่งกันลงก็ใช้ไพมารีโหวต ชี้ปรับเพิ่มจำนวน-วาระ กกต.ไม่จำเป็นอยู่นานสร้างอิทธิพล หนุนศาล รธน.อยู่ในหมวดศาล ทำให้คำตัดสินศักดิ์สิทธิ์

วันนี้ (10 พ.ย.) ที่มูลนิธิคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลาพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำ กปปส. กล่าวถึงการเลือกตั้งระบบจัดสรรปันสวนว่า ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาขจัดการซื้อเสียง เพราะการซื้อเสียงหากยังไม่มีการคิดถึงแนวทางที่จะป้องกัน หรือรณรงค์ให้ประชาชนทราบถึงพิษภัยการซื้อสิทธิขายเสียง ถ้ายังไม่ให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายไปฟ้องคดีหรือกล่าวโทษได้ การซื้อสิทธิขายเสียงก็ยังเหมือนเดิม ส่วนอีกเรื่องที่อ้างว่าจะเป็นวิธีการที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่ใช้สิทธิแล้ว ไม่ได้ ส.ส.ตามที่เขาต้องการ แต่เอาเสียงที่แพ้ไปคำนวณใหม่ แล้วคำนวณให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งๆ ที่ประชาชนต้องการเลือก ส.ส.เขต แต่กลับไปแปลงคะแนนให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ น่าจะเป็นการผิดเจตนารมณ์

“สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรแก้ไขในเรื่องดังกล่าวนั้น ผมคิดว่าระบบเยอรมันที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมธิการยกร่างฯ (กมธ.) คิดไว้ ที่ไม่เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมาคะแนนของการเลือกพรรคในกลุ่มของผู้แพ้แล้วเอาไปคำนวณ น่าจะเป็นเหตุเป็นผลได้มากกว่า เรื่องการกาบัตรควรมี 2 บัตร คือ ผู้สมัคร ส.ส.เขต และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ น่าจะตอบคำถามได้มากกว่า อยากให้นายมีชัย ประธาน กรธ.ได้โปรดพิจารณาตรงนี้ให้รอบคอบ” นายถาวรกล่าว

นายถาวรกล่าวต่อถึงสัดส่วนจำนวน ส.ส.ระบบเขต 350 และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 150 คน นั้นตนคิดว่า การมี ส.ส.เขตแล้ว 350 คน น่าจะคำนวณประชากรประมาณ 1.7 แสนคนต่อ ส.ส. 1 คน จะพบว่าไม่มากมาย อย่างเช่นในพื้นที่ตน ระยะทางไม่กี่ตารางกิโลเมตร จะทำให้ส.ส.ดูแลประชาชนในพื้นที่ได้ ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อเมื่อแบ่งเป็น 2 แบบก็เพื่อบ่งบอกถึงผู้ที่มีความรู้ ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่พรรคส่งไปเป็นตัวแทนให้เป็นผู้ทำหน้าที่แทนพรรค พรรคจัดสรรคนที่ดีมีความสามารถ แต่ตนเห็นว่าน่าที่จะใช้ระบบโอเพนลิสต์ เพราะเป็นการให้ประชาชนสามารถเลือกคนที่ต้องการเอง และเป็นการขจัดคนมีเงิน หรือ นายทุนพรรคที่มักได้รับการคัดเลือกให้มาอยู่ในลำดับต้นๆ และยืนยันได้ว่าระบบโอเพนลิสต์ ไม่ได้ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ แต่กลับทำพรรคเข้มแข้งดังนั้นคนที่มีความรู้ความสามารถจึงไม่ต้องกลัว ส่วนเขตเลือกตั้งควรใช้อย่างที่นายบวรศักดิ์เขียนไว้ คือ 6 เขตเลือกตั้ง (6 ภาค) ทั่วประเทศ

เมื่อถามว่าเขตการเลือกตั้งลดลงจาก 400 มาเป็น 350 เขตจะทำให้พรรคการเมืองมีปัญหาในการเลือกผู้สมัครหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า พรรคการเมืองต้องมีความกล้าในการตัดสินใจ เอาคนเก่งมีความรู้ ไม่มีที่ไหนที่จะไม่มีความขัดแย้งถ้าลดจำนวน ส.ส.จากที่คนเคยเป็นและลดลง และแต่ละคนก็ควรรู้ศักยภาพของตัวเองด้วยว่ามีความรู้ความสามารถแค่ไหนอย่างไร แต่ถ้าถึงขนาดที่จะขัดแย้งกันมาก็ใช้วิธีการไพมารี่โหวตในเขตเลือกตั้งนั้นๆ ว่าใครจะได้เป็นตัวแทนของพรรคลงรับเลือกตั้ง

นายถาวรยังกล่าวถึงความเห็นของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ มีแนวทางที่จะเพิ่มจำนวนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จาก 5 คนเป็น 7 คนโดยแยกเป็นมาจากผู้พิพากษา 2 คน และจากสาขาวิชาการด้านต่างๆ 5 คน มีวาระคราวละ 7 ปี เน้นการทำงานที่เข้มข้นขึ้นว่า ตรงนี้คงไม่ได้หมายความว่าเขาทำงานเข้มข้นขึ้น ที่ผ่านมา กกต.ทำหน้าที่เป็นคนตั้งรับให้ใครไปร้องเรียนก่อนถึงจะทำงาน หมายความว่า ต้องมีคนเรื่องเรียนมาก่อนจึงจะทำงานเป็น ตนยืนยันว่ากกต.จังหวัดบางแห่ง สามารถซื้อความถูกต้องได้ มีการรับเงิน ตนยืนยันได้ และต่อไปประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการร้องเรียน หรือนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ด้วยตัวเอง หากพบการทุจริตเลือกตั้ง

นายถาวรกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าการแก้กฎหมายอันเป็นการปฏิรูปหรือการบัญญัติรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเรื่องการร้องเรียนควรเขียนให้ชัดเจนว่าประชาชนสามารรถเป็นเจ้าของสิทธิ เจ้าของอำนาจหากพบว่ามีกากระทำผิดอันเกิดจากการเลือกตั้ง และจะเป็นการขจัดการซื้อเสียงได้

ส่วนจำนวนกกต.และวาระการดำรงตำแหน่ง นายถาวร กล่าวว่า กกต.มีเพียง 5 คน และดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี น่าจะเพียงพอ เพราะการทำงานในเชิงรุก เชิงบริหาร อย่าง กกต.ไม่ควรใช้เวลามาก การตรวจสอบเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งจะต้องทำอย่างรวดเร็ว หากมีเวลามากหรืออยู่นานๆ ก็อาจไปสร้างอิทธิพลได้

เมื่อถามว่า เรื่องการรวมศาลรัฐธรรมนูญไว้ในหมวดศาล นายถาวรกล่าวว่า เพราะได้บทเรียนจากการที่ นปช.และนักการเมืองฝ่ายระบอบทักษิณไม่ยอมรับในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาขัดขวางต่อต้าน เป็นเหตุให้กระบวนการของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ศักดิสิทธิ์ ทั้งๆที่เขียนให้คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ทุกองค์กร ทุกศาล ทุกคน ทุกหน่วยต้องฟัง ต้องปฏิบัติตาม แต่ปรากฏเมื่อไม่ได้อยู่หมวดศาล เขาก็ไม่ยอมรับ การที่จะดำเนินการฐานละเมิดศาลจึงไม่สามารถทำได้ ดังนั้น การเอาศาลรัฐธรรมนูญไปอยู่ในหมวดศาลก็เป็นเรื่องที่ดี จะเกิดประโยชน์ ทำให้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญศักดิ์สิทธิ์


กำลังโหลดความคิดเห็น