นายกรัฐมนตรี บอกไม่ต้องสนใจอะไรมากโหรทำนายหลังดาวตก ยันไม่เคยเชื่อ ชี้ ถ้าเตือนมาก็ดีจะได้ระวัง ขอหมอดูมีหลักการหน่อย ย้ำ ก.ค.60 ก็ไปแล้ว นักข่าวสุดงง เจอเล่นมุกอยู่ไปก็ไลฟ์บอย รุมถามหมายความว่ายังไง ขอทุกคนช่วยอ่านจดหมายข่าวรัฐบาล บอกยังไม่เห็นมีพรรคไหนพูดถ้าเป็นรัฐบาลแล้วจะแก้ยังไง ชี้ ประชานิยมถ้ามันดีก็ต้องไม่มีคดี ยัน ม.44 จำนำข้าวคุ้มครองข้าราชการกลัวอำนาจมืด
วันนี้ (3 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงเหตุการณ์ดาวตก และมีโหรออกมาทำนายต่าง ๆ นานา ว่า “ดาวตกก็ตกไปสิ แล้วมีที่ไหนที่จะเป็นดาวขึ้นล่ะ ไม่ต้องสนใจอะไรกันมากหรอกเรื่องนี้ สนใจเรื่องทำความดีกันเถอะว่าทำมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ถ้าทำความดีไม่ต้องไปกลัวหรอกว่าจะตกหรือขึ้น ผมไม่เคยเชื่อโน้นเชื่อนี่อะไรกับเขาหรอก แต่สื่อก็ชอบไปเขียนว่าทำอะไรแล้วก็คล้อยตามที่เขาพูดกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับผมอะไรที่เขาบอกว่าไม่ดีเตือนมาก็ถือเป็นเรื่องดีจะได้ระมัดระวัง แต่ไม่ใช่ไปสร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้นไปทั่ว ผมไม่ใช่ไปดูถูกโหร หรือคนที่ออกมาทำนาย ผมไม่เคยไปลบหลู่พวกเขาเหล่านั้น แต่ขอร้องว่าให้มีหลักการกันหน่อย จะเชื่อไสยศาสตร์หรืออะไร สื่อก็มักไปเชื่อว่าผมเชื่อไสยศาสตร์นี่นั่น ทั้งเรื่องการแต่งตัวก็เขียนกันเป็นตุเป็นตะ”
เมื่อถามว่า แต่ทาง นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือ โหร คมช. ทำนายว่า นายกรัฐมนตรีจะดวงดีอยู่ยาว ใครก็ทำอะไรไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ท่านก็พูดของท่านก็ให้ท่านพูดไปเกี่ยวอะไรกับผม การที่ท่านบอกว่าผมจะดวงดีก็ดีสิ ดีไป แต่ถ้าเขาบอกว่าดวงไม่ดีก็ไม่ดี ก็ต้องระวังตัว” เมื่อถามย้ำว่า แต่โหร คมช. ทำนายว่า นายกฯ จะอยู่ในตำแหน่งยาว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่ยาว ไม่สั้นหรอก ก.ค. 60 ก็ไปแล้ว ก็เขาเขียนกฎหมายไว้อย่างนั้น จะไปอะไรอย่างอื่นคงไม่ได้ อยู่ไปก็ไลฟ์บอย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไลฟ์บอยหมายถึงอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวติดตลกว่า ไลฟ์บอยคือสบู่อย่างไรเล่า สื่อไม่ใช้สบู่กันหรืออย่างไร เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้อธิบายความหมายที่นายกฯ ระบุว่า อยู่ไปก็ไลฟ์บอย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อะไรกันวะ ก็หมายความว่า ทำอะไรก็ไม่สำเร็จมันก็ไลฟ์บอยไงอาบน้ำฟรีอย่างไรเล่า ศัพท์โบราณเขาก็เรียกกันอย่างนี้นี่แหละ ก็เลยพูดว่า อยู่ไปก็ไลฟ์บอย จะให้พูดว่า อยู่ไปก็ลักส์ หรือสบู่ยี่ห้ออื่นหรืออย่างไร ประโยคนี้มันเป็นคำพ้อง ซึ่งก็ไม่โบราณเท่าไหร่เป็นคำที่ใช้ในสมัยผมนี่แหละ สำหรับผมอยู่บ้านจำไม่ได้ว่าใช้สบู่ยี่ห้ออะไร เพราะส่วนใหญ่ที่บ้านเขาเป็นคนจัดให้ ความจริงผมตัวอยู่แล้ว ไม่ค่อยได้สนใจอะไรมากมายทำแต่งานและใช้แต่ความคิด คิดแต่เพียงว่าขอให้ทำความดีเท่านั้นก็พอ”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังถึงการสร้างความเข้าใจและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ หยิบวารสารจดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชนฉบับล่าสุดขึ้นมาถามบรรดาผู้สื่อข่าว ว่า ใครเคยเห็นเคยอ่านไหม อ่านด้วยเขียนด้วยใช่ไหม วันนี้อยากจะให้ทุกคนแนะนำให้คนไทยทุกคน ได้ตระหนักรู้ว่าประเทศไทยมีปัญหาอะไรบ้างใน 5 กลุ่มงาน ถ้าทุกคนไม่รู้ปัญหาก็ไม่รู้ว่าจะร่วมมือกันอย่างไร ประชาชน รัฐบาล สปท. สนช. กรธ. ไม่รู้ว่าจะอยู่ตรงไหน ทุกคนก็จะเอาความคิดของตนเป็นที่ตั้งหมด ทุกคนต้องร่วมมือแก้ปัญหาของประเทศเล็ก กลาง ใหญ่ ถ้าไม่ทำวันนี้วันหน้าจะแก้ไม่ได้เลย เพราะกลไกปกติมันทำไม่ได้ วันนี้พยายามใช้กลไกที่มีอยู่แล้วทำให้มากที่สุดเว้นบางเรื่องที่ติดขัดแต่ต้องไม่ไปผิดกฎหมาย อะไรต่าง เช่น ลดเวลาขั้นตอนลง อย่างเรื่องการทำประชาพิจารณ์เขียนไว้ 2 ปีแล้วเมื่อไหร่จะได้ทำ จะลดลงได้บ้างไหม แต่ไม่ใช่ไม่ทำ มีหลายคนไปสร้างความเข้าใจว่ารัฐบาลไปบังคับจนเดือดร้อนจนถูกไล่ที่ดิน ใครอยากจะไปทำ เว้นแต่คนบุกรุกที่ดินยังต้องไปหาที่ให้อยู่ ไม่ใช่ทำทุกคนได้พร้อมกันเวลาเดียวกันหมดมันไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็มีอยู่แค่นี้ อยากจะให้สร้างความเข้าใจให้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว นำพาประเทศชาติให้พ้นจากปัญหาหรือกับดักของเราเอง วันนี้กับดักคือประชาธิปไตย และเลือกตั้ง ตนไม่ได้ขัดแย้งเลยก็กำหนดไว้แล้วจะเลือกตั้ง ก.ค. 2560 ก็ตั้งไปเลือกไป แต่ถามว่าถ้าเลือกตั้งแล้วกลับมาแบบเก่าใครเป็นคนสัญญากับว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก นักการเมืองสัญญาไหม ที่ออกมาพูดกันทุกวันนี้ยังไม่เห็นนักการเมืองพรรคเมืองใดออกมาพูดเลยว่าเมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะแก้ปัญหาที่ตนว่าอย่างไร มีพูดถึงแต่ว่าจะเข้ามาอย่างไรพรรคใหญ่พรรคเล็กทำให้ไม่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน เห็นแต่พูดกันเรื่องอำนาจ ทำไมไม่พูดจะแก้ปัญหาเกษตรกรได้อย่างไร หรือจะต้องเก็บไว้เป็นนโยบายหาเสียง ดังนั้น หาเสียงจะทำอะไรใช้เงินที่ไหนต้องนำมาพูด การสัญญาอะไรไว้กับประชาชนต้องทำตามนั้น และต้องไม่ทำให้เกิดผลเสียหายการเงินการคลังประเทศ ตนจะไม่พูดว่าประชานิยมดีหรือไม่ดีพูดแล้วขัดแย้งกันเปล่า ๆ ถ้ามันดีก็ต้องไม่มีคดีเรื่องต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม ไม่ไปกระทบกับเรื่องอื่น ๆ ตนไม่ไปขัดแย้งกับท่านอยู่แล้วหลายอย่างที่รัฐบาลนี้ทำ ผมทำใหม่ การใช้เงินก็ต้องมีเหตุมีผล เอาไปทำอะไร เกิดอะไรขึ้นตามมา ไม่ใช่เอาไปบรรเทาความเดือดร้อนแล้วก็จบ แล้วก็ให้ใหม่อีก มันจะเอาเงินจากที่ไหนมาให้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากประเทศเรายังทำการค้าขาย ลงทุน เกษตรกรรม แบบเดิมคงอยู่ไม่ได้ วันหน้าต้องคิดว่าถ้ามีน้ำไม่พอในการทำการเกษตรจะทำอย่างไร รัฐบาลจะเอาเงินจากไหนให้ท่าน ท่านต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในช่วงนี้ไปทำอะไรอย่างอื่นที่เหมาะสมโดยรัฐบาลเริ่มต้นให้ แล้วก็เอาไปพ่วงกับคดีที่กำลังดำเนินการอยู่ ไปลากปนกันได้อย่างไร ถ้าทำไอ้นี่ ตรงโน้นผิด ตรงนี้ไม่ผิด การเชื่อมโยงแบบนี้ทำให้ประเทศเสียหาย ต้องไปสอนคนว่าอะไรคือสุจริตอะไรคือทุจริต ถ้าไม่รู้ตรงนี้ก็ไม่ต้องทำอย่างอื่น กะอีแค่เขียนว่าถ้าการกระทำโดยสุจริต กรรมการเขาก็ไปตรวจสอบโดยสุจริต ไม่ได้ไปเอนเอียง เข้าข้าง ให้ร้าย ทั้งหมดเป็นไปตามหลักฐานทั้งสิ้น ที่คุ้มครองเขาเพราะเขากลัวอำนาจมืด ผมก็เอาอำนาจสว่างไปช่วยเขาแค่นั้นเอง ไม่ใช้ว่าไปตรวจสอบให้มันผิดให้ได้ ถึงคณะกรรมการทำออกมาแล้ว เขาก็ยังมีสิทธิ์ไปสู้ในศาลปกครองอีก มีที่ไหนเขาให้บ้าง อำนาจแบบที่ผมมี ทำไมไม่เขียนแบบนี้ เขียนกันอยู่ได้จนประชาชนลุกขึ้นมาใหม่ หาว่าผมไปรังแกเขา ผมจะไปรังแกได้อย่างไร ถ้าไม่มีมูลก็ไม่ต้องถูกฟ้อง จะไปโทษใครก็ไม่ได้ แต่มันมีมูลก็ต้องไปสู้คดีเอา ถ้าสู้ชนะมันก็จบ เขาอยู่กันอย่างนี้ไม่ใช่หรือประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
“ที่ใช้ ม.44 เพื่อให้มันง่ายขึ้น ลดเวลาให้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้ยกเลิกกฎหมาย ไม่ใช่จะไปสั่ง เดี๋ยวผมก็โดนหาว่าเอื้อประโยชน์อีก ไม่ใช่คุ้มครองคนทุจริต แต่คุ้มครองกรรมการที่เขาไปตรวจสอบทั้ง 2 คณะ ซึ่งตามกฎหมายมันต้องตั้ง เมื่อตั้งเสร็จเขาก็รายงานกลับเข้ามา จากนั้นก็ไปหาวิธีว่าทำยังไงให้ไม่หมดอายุความ เพราะศาลแพ่งอายุความปีเดียวก็หมดแล้ว มันไม่ทัน แล้วคณะกรรมการเขาจะกล้ารายงานหรือไม่ ต้องเรียกฝ่ายถูกกล่าวหามาให้ข้อมูลเพิ่ม เอาพยานมา แล้วพยานแต่ละคนเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาเขาทั้งนั้น ทางคณะกรรมการเขาจะได้สบายใจ ว่าทำหน้าที่ ถ้าเขาทำแล้วไม่สุจริตเขาก็ผิด แต่ถ้าทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ไปสู่กระบวนการ เนี่ยเขาเรียกว่าสุจริต” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว