xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ถกแม่น้ำ 5 สาย ขอทุกคนข้ามสะพานขัดแย้ง การเมืองไม่เลิกตีกัน ยอมปิดประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ประชุมแม่น้ำ 5 สาย “ประยุทธ์” ร่ายยาว 2 ชม. ย้ำ ทำงานเป็นหนึ่งเดียว ให้พ้นขัดแย้ง แนะ ตั้งวิป ห้ามปลุกปั่น จี้คนอยู่ ตปท. กลับมาสู้คดี เปรียบ คสช.- กรธ. เป็นสะพาน ขอทุกคนข้ามแม่น้ำปชต. ที่ขัดแย้ง หาวิธีไม่ให้ปฏิวัติแก้ปัญหา ให้คนดีมีที่ยืนในสภา ต้องปฏิรูปภาพรวม ยอมไม่ได้ดึงสถาบันมาต่อสู้ ฉะ พวกหมิ่นไม่สำนึกไม่ตายดี หลุดปมปรับทัศนคติ “จะปล่อยเป็นพ่อมันหรือ” กร้าว การเมืองไม่เลิกตีกันก็ปิดประเทศ

วันนี้ (28 ต.ค.) การประชุมเครือข่าย 5 องค์กร ได้แก่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.), คณะรัฐมนตรี (ครม.), สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หรือ แม่น้ำ 5 สาย ได้เข้าสู่การประชุมร่วมกันเป็นนัดแรก นับตั้งแต่การแต่งตั้งสมาชิก สปท. และ กรธ. โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทีวี และวิทยุรัฐสภา ให้ประชาชนได้รับทราบรายละเอียดด้วย โดยเริ่มต้นการหารือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ได้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมและได้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. มอบนโยบายการดำเนินงานร่วมกันของเครือข่ายทั้ง 5 องค์กร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความต้องการให้แม้น้ำ 5 องค์กรร่วมมือทำงานอย่างเป็นหนึ่งเดียว และยึดหลักของการทำงานเพื่อชาติพัฒนาและทำให้ประชาชนทั้งประเทศมีความสุข และพอใจ รวมถึงต้องให้ประเทศหลุดพ้นกับดักสำคัญ คือ ความขัดแย้ง ทั้งนี้ ขอให้ทุกพรรคการเมืองร่วมมือ และร่วมมองถึงอนาคตประเทศที่ดี ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และมีที่ยืนในเวทีสหประชาชาติ รวมถึงเวทีโลก ทั้งนี้ ที่มีผู้กล่าวว่าประเทศไทยเสียหาย เพราะมีรัฎฐาธิปัตย์เข้ามา แต่หากย้อนดูรายะเอียดจะพบว่าทำเรื่องดีในหลายเรื่อง เพราะตนไม่เคยคิดถึง หรือทำเพื่อตนเอง หรือพรรคพวก บางคนบางกลุ่ม แต่คิดถึงภาระที่แบกรับให้กับประชาชนทั้ง 70 ล้านคน ไม่ใช่ทำเพื่อพรรคพวก หรือคนบางกลุ่มเท่านั้น ดังนั้น ในการทำงานขอให้ตั้งคณะกรรมการประสานงาน หรือ วิป มาทำงานร่วมกันและรายงานความคืบหน้า ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมาธิการหลายชุด

หัวหน้า คสช. กล่าวด้วยว่า ตนมองว่า ความขัดแย้งในประเทศ เพราะมีคนทะเลาะกันเรื่องประชาธิปไตย ดังนั้น การแก้ไขต้องหาประเด็นที่เป็นจุดร่วมกันก่อน ส่วนจุดที่ยังร่วมกันไม่ได้ให้หยุดไว้ อย่างไรก็ตาม งานที่ คสช. ดำเนินการทั้งในระยะแรก คือ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ให้ประเทศสงบ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างงานระยะที่สอง คือ การมีสภาต่าง ๆ เพื่อวางกติกา ไปสู่การเลือกตั้ง เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดำเนินการต่อ ดังนั้น ในช่วงที่ คสช. ดำเนินการตามโรดแมปต้องเลิกปลุกปั่น บิดเบือน หรือสร้างความเกลียดชัง ส่วนคนที่หนีไปอยู่ต่างประเทศควรกลับเข้ามาพิสูจน์ทราบตามกระบวนการยุติธรรม อย่ากล่าวให้ร้ายหรือประจานประเทศอยู่ที่ต่างประเทศ ซึ่งตนรู้สึกอับอาย

“ถ้าเปรียบประเทศเรา เหมือนมีแม่น้ำประชาธิปไตยของทุกท่านขวางอยู่สายหนึ่ง ส่วน คสช. และกรธ. ที่เข้ามา คือ สะพานข้ามน้ำประชาธิปไตยที่ขัดแย้ง บางคนก็พร้อมขึ้นสะพาน บางคนก็อยากลุยน้ำ บางคนก็อยากว่ายข้ามน้ำ แต่ดันว่ายน้ำไม่เป็น เขาจะตายอยู่ข้างล่าง วันนี้ผมอยากให้ทุกคนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำให้ได้ เพื่อไม่ให้ความขัดแย้ง การแบ่งฝ่ายเกิดขึ้นอีก วันนี้ผมไม่รู้ว่าใครได้ หรือเสียอำนาจ แต่ผมไม่ได้อำนาจใด ๆ มีแต่ประเทศชาติที่ได้ ทั้งนี้ ผมยืนยันไม่อยากอยู่แบบนี้นาน ๆ เหมือนพวกกเฬวราก พูดอยู่นอกสภาซึ่งคนพวกนี้ไม่เคยสัญญาว่าจะไม่ทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ผมเปรียบพวกเราได้ว่า เป็น อิฐ หิน ปูน ทราย ที่ต้องร่วมมือกับประชาชนเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้กับประเทศนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า การดำเนินงานอีกว่าการแก้ไขความขัดแย้งต้องแยกแยะ โดยนำเหตุการณ์ในอดีต ตั้งแต่ประชาธิปไตย เมื่อ พ.ศ. 2475 รวมถึงเหตุการณ์ขัดแย้งที่ผ่านมามาพิจารณา และให้นำข้อมูลจากต่างประเทศมาพิจารณาด้วย ซึ่งตนไม่ต้องการแก้ปัญหาแบบเก่า ๆ คือ ต้องมีปฏิวัติถึงจะแก้รัฐธรรมนูญได้ ถึงนั้นต้องหาวิธีเพื่อไม่ให้ทหารกลับเข้ามาแก้ปัญหาการเมืองอีก รวมถึงต้องหาวิธีเพื่อให้ได้คนดี ๆ เข้ามายืนอยู่ในสภา ไม่ใช่ให้คนดี ๆ เข้ามาแล้วเปลืองตัว ถูกให้ร้ายผิดจากความเป็นจริง ขณะที่การเข้าสู่อำนาจในตำแหน่งผู้บริหารราชการ ต้องสร้างคลื่นลูกใหม่ เหมือนกับที่ระบบทหารใช้ที่ต้องมีกระบวนการเตรียมคนที่เหมาะสมกับการเข้ามาทำหน้าที่ ไม่ใช่ให้คนเก่าเข้ามารักษาตำแหน่งจนตาย รวมไปถึงการเปลี่ยนความคิดของผู้บริหารคน ที่ต้องเน้นการดูแลประชาชน ผู้ใต้บังคับบัญชาตามความเหมาะสม สร้างขีดความสามารถของการแข่งขัน ไม่ใช่ให้มีรัฐสวัสดิการจำนวนมากเพียงอย่างเดียว และที่สำคัญ ต้องสร้างความเท่าเทียมให้กับประชาชนภายใต้กฎหมายและการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับเดียวกัน ต้องทำให้ประชาชนรักรัฐบาลอาจไม่มาก แต่รัฐบาลต้องรักทุกคน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า หาทำได้ประเทศจะเดินหน้า โดยไม่ติดกับดัก ขณะที่การรับฟังความเห็นของประชาชนต่อเรื่องร่างรัฐธรรมนูญต้องเปิดรับฟังทุกฝ่าย

นายกฯ กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูป ด้วยว่าที่ผ่านมารัฐบาลพยายามแก้ไขความขัดแย้งและแก้ปัญหาให้ประชาชนที่นักการเมืองก่อไว้ ทั้งเรื่องจำนำข้าว เรื่องชาวนา ซึ่งการขับเคลื่อนการปฏิรูปต้องไม่มองแต่ภาพซ้าย หรือภาพขวาเท่านั้น ต้องมองให้เป็นภาพรวมต้องทำใหม่ ต้องปฏิรูป ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงการให้ประเทศเดินหน้า ขณะที่งานปฏิรูปที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เคยทำไว้ เช่นการปฏิรูปกฎหมายต้องพิจารณา และทำรายละเอียดทั้งกฎหมายที่ล้าสมัย กฎหมายที่ทำใหม่และแนวทางการปฏิรูป ส่วนการปฏิรูปที่สำคัญ เช่น การศึกษาที่ใช้งบประมาณสูงสุด 5.5 แสนล้านบาท ต้องปฏิรูปเพื่อให้ผู้ปกครอง ครู และนักเรียนมีความสุข การศึกษาระดับอาชีวศึกษาด้วย ด้านเศรษฐกิจ ต้องเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน คำนึงตั้งแต่ระดับอาเซียน และไต่ระดับไปสู่ประชาคมโลก อย่าฝากความหวังไว้เฉพาะที่ตลาดบน ต้องคำนึงถึงแนวนโยบายของต่างประเทศด้วย, การกระจายอำนาจต้องทำให้ส่วนภูมิภาคเข้มแข็ง เพื่อให้กระจายอำนาจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ, ปฏิรูปตำรวจ ต้องปฏิรูปรายละเอียดให้เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก รวมถึงต้องดูแลให้เขาได้รับความภาคภูมิใจว่าทำหน้าที่เพื่อประชาชน ขณะที่ระบบงบประมาณต้องเน้นการบูรณาการของหน่วยงานราชการที่มีภารกิจเดียวกัน รวมถึงต้องประเมินความสำเร็จของงานในอนาคตด้วย โดยที่สำคัญ การทำงานใด ๆ ต้องฟังรัฐบาลปัจจุบันด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสนอแนะให้มีการปฏิรูปเกี่ยวกับกรณีที่มีผู้ที่นำสถาบันพระมหากษัตริย์มากล่าวร้าย ต่อสู้ให้ร้าย หรือนำมาเป็นประเด็นสร้างความเกลียดชังด้วยว่าพระองค์ท่านไปได้ทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยังมีคนกล่าวว่าพระองค์ท่าน ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนำพระองค์ท่านมายุ่งเกี่ยว ทั้งฝ่ายคนดี และคนไม่ดี มีการนำสถาบันกษัตริย์มาต่อสู้ให้ร้ายกัน อย่างไรก็ตาม พระองค์พระราชทานอำนาจมาให้ตรงนี้ และทรงอยู่เหนือความขัดแย้งอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และลงพระปรมาภิไธยตามกฎหมายกำหนด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงที่การชุมนุมที่ผ่านมาพระองค์ไม่ได้สั่ง แต่ทรงทราบทั้งหมด แต่ทำไมรอบนี้พระองค์ไม่ลงมาให้ยุติเรื่อง เพราะเหตุการณ์ช่วงปัจจุบันไม่เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ที่เป็นการชุมนุมที่มีฝ่ายทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง พระองค์ต้องบอกให้ทหารเลิก เมื่อเลิกแล้วก็จะหยุด

“วันนี้ยังไม่เลิก เอาท่านมาต่อสู้ ผมขอร้อง หากยังไม่เลิกพวกผมยอมไม่ได้ ที่ผ่านมา มีคนทำผิดและได้รับพระราชอภัยโทษ แต่หลายคนพ้นโทษแล้วก็กลับมาทำอีก ผมเชื่อว่า คนพวกนี้จะไม่ตายดี ไม่ป่วยก็เจ็บ ไม่มีใครอยู่ดี ผมเคยถามพระองค์ท่าน ท่านทรงรับสั่งว่าที่ฉันไป เพราะเขาไม่ได้ด่าฉัน เพราะประชาชนของฉัน แต่เหตุที่ฉันไม่ไปเพราะประชาชนด่าฉันทุกวัน ฉันจะไปได้อย่างไร ผมมองว่าพระองค์ท่านทรงเป็นปุถุชนธรรมดา ก่อนหน้านี้ ท่านมีความสุข แต่พอพระชนมายุมาก คนก็ด่า โดยเฉพาะในเว็บไซต์ต่าง ๆ ดังนั้น เป็นเหตุผลสำคัญถึงต้องมีมาตรา 112 ในประเทศไทย เนื่องจากในต่างประเทศไม่นึกว่าจะมีอย่างนี้ เพราะต่างชาติเขามองด้วยมุมความเจริญ ประชาชนมีการศึกษาสูง เสียภาษี รายได้ใกล้เคียง แต่กรณีที่เกิดขึ้นผมเรียกมาปรับทัศนคติ ก็มีคนบอกว่าทำผิด ดังนั้น หากพบคนผิดก็ไม่ต้องเรียกตัวอีกจับติดคุกไปเลยดีหรือไม่ง่ายดี ส่วนกรณีที่เรียกคนมาปรับทัศนคติก็บอกว่าไปละเมิดสิทธิมนุษยชน จะปล่อยเป็นพ่อมันหรือไง ผมโมโหเรื่องนี้ ขอโทษนะที่พูดเพราะสภาเป็นของผู้ทรงเกียรติไม่ควรพูดเรื่องนี้ แบบนี้บ้านเมืองเสียหายกันหมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

“การเมืองไม่ต้องระแวงตน เขียนกันทุกวันว่าผมอยากอยู่ในอำนาจ หรืออยากอยู่ต่อ หากไม่สงบเรียบร้อยผมก็ต้องอยู่ เอางี้ไหมพูดกันให้รู้เรื่องสักที อยู่ที่ท่านนั้นแหละหากไม่เลิกกันก็อยู่กันอย่างนี้ ปิดประเทศก็ปิดกันไป ซึ่งผมไม่ได้ท้าทาย หากจะเอาประชาชนมา แกนนำจะโดนก่อน คนพูดมาก ๆ โดนก่อนหมด ผมมีอำนาจของผมอยู่”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า สำหรับการทำงานของ 5 องค์กร ขอให้ร่วมกันทำงานสร้างความเชื่อใจ ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้ประชาชนเพื่อให้เกิดความชื่นชม ขอให้ไปด้วยกันจะตายตกไปตามกันก็เอา ทั้งนี้ อยากปฏิรูปเรื่องอะไร ขอให้ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. ประสานเข้ามาและพูดคุยร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลาแจกแจงนโยบายในการประชุมเครือข่าย 5 องค์กร รวมทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 21 นาที โดยสมาชิกทั้งหมดได้ตบมือแสดงความชื่นชม จากนั้น นายพรเพชร กล่าวต่อว่าสำหรับคำถามของสมาชิกเครือข่าย 4 คน ที่สอบถามนายกฯ ท่านได้ตอบชี้แจงหมดแล้ว จากนั้นได้กล่าวปิดประชุม เมื่อเวลา 11.52 น. จากนั้นได้มีการรับประทานอาคารร่วมกันของสมาชิกแม่น้ำ 5 สาย ที่ ห้องรับรอง ชั้น 2 อาคารรัฐสภา








































กำลังโหลดความคิดเห็น