โฆษกรัฐบาลเผยสถานการณ์ชาติดีขึ้นเป็นลำดับ วิงวอนเข้าใจเจตนารมณ์รัฐบาล ช่วยรักษาบรรยากาศเพื่อปฏิรูปตามโรดแมป สื่อยัง ตปท.เรากำลังสร้าง ศก.ใหม่ยั่งยืน แก้ปัญหาชาติต้องเริ่มจากเคารพ กม. ขอเลิกอ้าง ปชต.-ยากจนมาโจมตี รับนโยบายหวย 80 บาทตอบรับดี เปิดช่องรายย่อยสั่งซื้อไม่ผ่านยี่ปั๊ว แจงนายกฯ สั่งแก้เห็นใจซื้อหวยแพง แต่ไม่ได้หนุนเสี่ยงโชค ฝากเป็นหูเป็นตาขายเกินราคา
วันนี้ (16 ต.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าบริหารประเทศเพื่อคลี่คลายวิกฤตต่างๆ และรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาของประเทศและดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มเพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน วางรากฐานที่เข้มแข็งให้แก่ลูกหลานในอนาคต จะเห็นได้ว่าสถานการณ์โดยรวมของประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ การเมืองและเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพ นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น ต่างชาติมีความเข้าใจและให้ความร่วมมือกับรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีอยากวิงวอนให้ทุกภาคส่วนของสังคมทั้ง ข้าราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน นักวิชาการ และสื่อมวลชน เข้าใจในเจตนารมณ์ของรัฐบาล และช่วยกันรักษาเสถียรภาพและบรรยากาศที่ดีของประเทศให้ดำเนินต่อไป เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้ร่วมกันปฏิรูปประเทศให้เป็นไปตามความประสงค์และ Roadmap ที่กำหนดไว้ ด้วยการสร้างความเข้าใจกันเองในประเทศ และสื่อสารไปยังต่างประเทศว่า เรากำลังสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่เน้นความเข้มแข็งในระดับฐานรากทั้งเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ และแก้ไขปัญหาน้ำ ปัญหาประมง มาตราฐานการบินพลเรือน ฯลฯ อย่างยั่งยืน
ส่วนเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและผิดกฎหมาย ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ยังมีบางกลุ่มไม่เข้าใจและกล่าวโจมตีให้ร้ายรัฐบาลโดยอ้างหลักประชาธิปไตย มุ่งเปิดประเด็นปัญหาผ่านสื่อต่างๆ ให้เกิดความขัดแย้ง และสื่อมวลชนบางส่วนก็มักนำไปขยายผลจนเกิดความขัดแย้งมากขึ้นอีก วันนี้เรากำลังแก้ไขปัญหาอย่างหนึ่งที่หมักหมมมานาน คือ การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่รัฐบาลและ คสช.เองพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยใช้กฎหมายปกติก็กลับถูกกดดันให้ใช้กฎหมายพิเศษเพื่อกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต
“นายกฯ เน้นว่าทุกคนมีส่วนกำหนดชะตากรรมของประเทศทั้งสิ้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่การแก้ไขปัญหาให้สำเร็จนั้นต้องเริ่มต้นจากการเคารพกฎหมายและกติกาของบ้านเมือง ใช้กฎหมายเป็นหลัก จะใช้ความรู้สึกหรือความเกลียดชังมาตัดสินกันเองไม่ได้ เพราะความขัดแย้งจะเกิดขึ้นแบบไม่รู้จบ ต่างประเทศก็จะไม่เชื่อมั่น ไม่มาลงทุนค้าขายกับเรา และอยากขอร้องทุกฝ่ายหยุดใช้คำว่าประชาธิปไตยและความยากจนของประชาชนมาโจมตีให้ร้ายกัน เพราะวันนี้ประเทศอยู่ในสถานะไม่ปกติ เรากำลังจะเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”
พล.ต.สรรเสริญยังเผยถึงการดำเนินนโยบายจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา 80 บาททั่วประเทศ ของรัฐบาลและ คสช. ที่ขณะนี้ถือนี้ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทั้งจากบรรดาผู้ค้ารายย่อยและผู้ซื้อทั่วไป จากเดิมที่ประชาชนต้องควักเงินซื้อลอตเตอรี่ ตามท้องตลาดในราคาสูงมาก ถึงฉบับละ 110-120 บาท ก็ลดเหลือเพียงฉบับละ 80 บาท ทำให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ประชาชนไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และเชื่อว่าไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังจนเป็นผลสำเร็จเช่นนี้มาก่อน
พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า แนวทางสำคัญที่ทางคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ริเริ่มใช้แก้ปัญหา คือ การเปิดให้ผู้ค้ารายย่อยที่บางส่วนไม่เคยได้รับการจัดสรรส่วนแบ่งในการจำหน่ายสลากโดยตรงจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สามารถเข้าร่วมใน “โครงการสั่งซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล” ผ่านธนาคารกรุงไทย โดยได้เริ่มเปิดให้สั่งซื้อและจองสลากตั้งแต่งวดวันที่ 16 ตุลาคม 2558 พบว่ามีพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ 5-10 เล่ม ไปจนถึงไม่เกิน 50 เล่ม ในราคาต้นทุนที่ฉบับละ 70.40 บาท จากเดิมที่ต้องซื้อจากยี่ปั๊ว-ซาปั๊วที่บวกกำไรไปสูงกว่านี้มากและเป็นต้นเหตุของการขายเกินราคา
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกเห็นใจคนไทยอย่างมากที่ต้องทนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงเกินจริงมานานแล้ว โดยเฉพาะคนซื้อส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หาเช้ากินค่ำ คนมีรายได้ปานกลางจนถึงรายได้น้อย แต่นายกฯ ก็ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้คนไทยหันมาเล่นพนันหรือหวังร่ำรวยจากการเสี่ยงโชคแต่ประการใด ดังนั้นจึงต้องขอบคุณที่บอร์ดสลากฯ ชุดนี้ได้นำมาตรการแก้ปัญหาออกมาช่วยทำให้ประชาชนพอใจ และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยมีรายได้ มีอาชีพเสริมที่มั่นคง จากการจำหน่ายที่ราคา 80 บาท และอยู่รอดโดยไม่ต้องรับสลากจากยี่ปั๊วและซาปั๊ว ถือเป็นการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น แต่ก็ต้องประเมินความเสี่ยงของตัวเองว่าควรซื้อสลากไปจำหน่ายแค่ไหนจึงจะเหมาะสม จะจำหน่ายได้หมดหรือไม่
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า มาตรการจำหน่ายสลาก 80 บาททั่วประเทศนี้ ยังจำเป็น ต้องได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ และประชาชนเป็นหูเป็นตา ร่วมกันดูแลไม่ให้ผู้ค้าแอบขายเกินราคาได้อีก โดยเฉพาะในจุดจำหน่ายที่สำคัญ เช่น ปั๊มน้ำมัน แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงเทศกาลสำคัญช่วงปลายปีนี้ คงต้องมีการตรวจตรากันเป็นพิเศษด้วย แม้ขณะนี้จะมีการร้องเรียนว่าพบจุดจำหน่ายเกินราคาอยู่บ้าง แต่ถือว่ามีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากตรวจพบผู้ค้าปลีกขายเกินราคาจะมีความผิดปรับ 10,000 บาท โทษจำคุก 1 เดือน หรือสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 0-2345-1466
