xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ย้ำเร่งคดีเข้ากระบวนการยุติธรรม ปี 60 เริ่มปรองดอง ชี้ แดงป่วนแกนนำเจอดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ระบุ ปี 59 ทุกคดีต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม เพื่อปี 60 จะเข้าสู่กระบวนการปรองดอง เตือนอย่าขัด กม. ขู่ไม่ถูกจับวันนี้ก็โดนวันหน้า ไม่ห้ามใส่เสื้อแดง แต่วุ่นวาย แกนนำต้องรับผิดชอบ ฉะ สื่อจ้องแต่เจาะรูเรือแป๊ะ แต่ไม่หวั่นอุดทัน โฆษก รบ. เผย นายกฯ วอน ปชช. ใช้ดุลพินิจ ก่อนร่วมกิจกรรมการเมือง ย้ำเร่งคัดคดีเข้ากระบวนยุติธรรม ก่อนเข้าสู่โหมดปรองดอง จ่อลงพื้นที่อุบลฯดูปัญหา

วันนี้ (27 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในเรื่องกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมต่าง ๆ ซึ่งจากการฟังกระแสสังคมและกลุ่มต่าง ๆ ก็กล่าวหาว่าไม่เป็นธรรมบ้างเป็นธรรมบ้าง วันนี้จึงได้สั่งการให้ฝ่ายกระบวนการยุติธรรมไปดูว่าเรื่องใดก็ตามที่เข้าสู่กระบวนการไปแล้ว ดำเนินการให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว อยากให้จบสิ้นภายในปี 2560

“ซึ่งในปี 2559 นี้ ทุกอย่างมันจบแล้ว และในปี 2560 จะได้เตรียมการเรื่องกระบวนการปรองดองว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป ถ้าคดีสิ้นสุดไปแล้ว ตัดสินไปแล้วก็มารอเข้าคิว การปรองดองแต่ละกลุ่ม แต่ละพวก ถ้าไม่เข้ากระบวนการยุติธรรมแล้วเข้าสู่กระบวนการปรองดองเลย มันไม่น่าจะได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครจะคิดอย่างผมหรือไม่ เพราะบางคนก็บอกว่าให้ปรองดองไปเลย เดี๋ยวก็ไปหาทางกันอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน ซึ่งผมจะทำให้เกิดความเป็นธรรมในทุกคดี ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่เกี่ยวข้อง รวมถึงเรื่องการทุจริตต่าง ๆ ก็จะเข้าทั้งหมด จากนั้นก็ค่อยดำเนินการ โดยใช้กฎหมายปกติ แต่ต้องรีบดำเนินการไม่เช่นนั้นจะเข้าคิวกันเยอะ ทุกพวกทุกสีทั้งหมดก็ขอให้ไปสู้กันในชั้นศาลให้เรียบร้อย ไปเตรียมการกันให้พร้อม อย่ามัวมาทะเลาะกับผมเลย ให้ไปเตรียมการสู้คดีกันดีกว่า ทะเลาะกับผมไม่ได้ประโยชน์อะไรทั้งสิ้นอยู่แล้ว ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเขาพิจารณาตามข้อมูล หลักฐาน ทะเลาะกับผมมันไม่เกิดประโยชน์และผมก็ไม่ขอไปทะเลาะด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรองดองของตนคือในช่วงปี 2559 คดีที่เกี่ยวข้องต้องนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดและนำผลมาพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไรกันต่อ นั่นคือ การเริ่มต้นกระบวนการปรองดอง ขณะนี้ก็ต้องไปดูแลคนยากจนก่อนว่าจะทำอย่างไร คนที่ติดคุกอยู่จะทำอย่างไร ไม่ใช่มาเหมาเข่ง

เมื่อถามย้ำว่า ที่นายกฯ ระบุว่า คดีทุจริตก็จะนำเข้าสู่กระบวนการปรองดองด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า คดีทุจริตมันปรองดองไม่ได้ ถ้าคดีทุจริตก็เป็นคดีทุจริตถือว่าเป็นคนละเรื่อง ปรองดองคือเรื่องของความขัดแย้งไม่ใช่หรือ เมื่อถามว่า แต่นายกฯ พูดในตอนแรกว่าคดีทุจริตจะนำเข้าสู่กระบวนการปรองดองด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “พวกคุณก็พยายามเข้าใจผมหน่อย ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่ากระบวนการยุติธรรมต้องแยกให้ออกว่าคดีไหนเป็นคดีการเมือง คดีอาญา คดีทุจริต มันคนละเรื่องกัน ไม่ใช่ว่าถ้าจะปรองดองต้องยกเลิกคดีทั้งหมด มันได้หรือไม่เล่า ถ้าทำอย่างนั้นก็ต้องยกเลิกนักโทษทั้งหมดในคุก”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ต้องนำเรื่องคดีความมาพูดและหารือใน ครม. เพราะไม่อยากให้มีคนมาพูดว่าเราทำเรื่องนี้เพราะต้องการรังแกคนนั้นคนนี้ จึงขอให้นำทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการให้หมด แต่ก็ขอร้องว่าอย่าไปเร่งเจ้าหน้าที่นักเลย เจ้าหน้าที่จะทำให้ชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งเรื่องคดีของรัฐทั้งที่เป็นโจทย์และจำเลย รวมทั้งคดีค้ามนุษย์ที่คั่งค้างอยู่มาก เพราะคดีมันเยอะ ตนได้ประสานกับอัยการสูงสุดไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ว่า ช่วยมาดูด้วย ซึ่งจะมีการทำโครงสร้างที่เกี่ยวกับแผนกนี้ขึ้นมาโดยตรงเพื่อดำเนินการคดีเหล่านี้ให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะคดีการค้ามนุษย์ ที่มีเจ้าหน้าที่ข้าราชการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตก็ต้องดำเนินการให้ได้ ซึ่งจะต้องทำให้เร็วขึ้น ผู้ที่หลบหนีเข้าเมือง เราก็ต้องเร่งดำเนินการจะได้ไม่เป็นภาระในการควบคุมและดูแล

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในทุกเรื่องที่ต้องมีการปรับปรุงและพัฒนา ฟื้นฟู หรือปฏิรูปจะต้องมีคนเดือดร้อน เพราะถ้าไม่เดือดร้อนก็ไม่ต้องทำ ปล่อยให้อยู่แบบเดิม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ จากนี้ไปก็ต้องเข้มงวดมากขึ้นในเรื่องการปฏิรูปฟื้นฟู รัฐวิสาหกิจใดที่ขาดทุนก็ต้องรีบทำภายในปี 2559 และปี 2560 ก็เป็นเรื่องของการเตรียมการที่จะทำต่อไป ทุกอย่างตนจะเร่งรัดทำภายในตุลาคม 2559 อะไรที่ไม่เสร็จก็ไปว่ากันในปี 2560 แล้วทำต่อ แล้วส่งต่อไปยังรัฐบาลหน้าให้ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนเรื่องของรัฐธรรมนูญทางกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็ว่ากันไปตามขั้นตอน ทั้งการหารือ การเก็บข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งก็เริ่มดำเนินการมาเพียงสัปดาห์เดียว อย่าเข้าใจว่าจะเสร็จแล้ว เพียงแต่วันนี้มีฐานข้อมูลมากพอสมควรที่จับต้องได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องสถานการณ์การรักษาความสงบเรียบร้อย ในที่ประชุม ครม. วันนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ชี้แจงว่ามีอะไรบ้างที่ยังเป็นปัญหาอยู่ รวมทั้งเรื่องการขอสนับสนุนงบประมาณต่าง ๆ ซึ่งเรื่องความสงบสุขนั้นวันนี้สังคมถือว่าเรียบร้อยดี แต่ก็ยังมีคนที่ชอบออกมาพูดโน้นนี่อยู่เสมอ สังคมก็ต้องใคร่ครวญดูให้ดี วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่างหนึ่ง จะว่าอย่างไร แต่ถ้าจะเชื่อก็เชื่อไปเถอะ ตนไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย สังคมจะต้องเป็นผู้กำหนดอนาคตของตัวเองแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปฏิบัติใด ๆ ก็ตามที่ผิดตำสั่ง คสช. มาตรา 44 ที่กำหนดไว้เดิม ขอร้องว่าอย่าทำผิดกันอีก ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองไปไม่ได้ กฎหมายก็เสียหาย เพราะไม่ว่าจะเป็นกฎหมายฉบับใดก็ถือว่าเป็นกฎหมายเหมือนกัน “วันนี้ผมถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ และผมไม่ได้ไปรังแกใคร จะเห็นว่า คดีต่าง ๆ ที่ผิดมาทั้งหมดมันเป็นการไปรบกวน และละเมิดสิทธิผู้อื่นทั้งสิ้น ผมก็ต้องขอห้ามปรามไว้ก่อน”

เมื่อถามว่า ที่นายกฯ ระบุว่า อย่าทำผิดกฎหมาย หรือคำสั่ง คสช. นั้น ต้องการจะเตือนเรื่องอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องการเตือนในทุกเรื่อง ทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง วันนี้ยังไม่มีคดี วันข้างหน้าก็อาจจะมี อย่างที่บอกแล้วว่าวันนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีอะไร แต่หากวันข้างหน้ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษ วันนี้ยังไม่ถูกจับ แต่วันข้างหน้าก็อาจถูกจับ ไม่กลัวกันหรืออย่างไร หรือบ้านเมืองนี้ไม่มีใครสนใจแล้วว่ากฎหมายว่ากันอย่างไร “ผมอุตส่าห์ประกาศแล้วว่าวันนี้เป็นรัฐถาธิปัตย์อยู่แล้วจะอะไรนักหนา”

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ กำลังพูดถึงการที่มีกลุ่มคนรวมตัวกันสวมเสื้อสีแดงเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “จะใส่สีอะไรก็ใส่ไปเถอะไป แต่อย่าสร้างความเดือดร้อน และถ้ามีเรื่องขึ้นมา โดนทั้งหมดแกนนำทั้งหมดโดน อยากจะใส่ก็ใส่มาผมไม่ได้ไปห้าม ผมไม่ไปยุ่งหรอกไอ้เรื่องอย่างนี้ อยากจะใส่กางเกงใน เสื้อใน ใส่มาเถอะ อยากจะใส่ก็ใส่มา แต่ถ้าสร้างความเดือดร้อน ทำให้เกิดผลกระทบต่ออย่างอื่น ไอ้แกนนำทั้งหมดต้องถูกลงโทษ ไม่วันนี้ก็วันต่อไป ผมขอประกาศไว้อย่างนี้ ผมถึงต้องเตือนอย่างไรเล่า เตือนทุกเรื่อง เตือนทุกพวก ไม่ใช่พวกนี้ พวกเดียว เพราะไอ้พวนี้ก็แบ่งเป็นหลายพวกแล้วไม่ใช่หรือ พูดคนละทาง สองทางกัน พอแล้ว อย่าไปหาเรื่องเลย ผมบอกแล้วว่าจะไม่ขอพูดเรื่องพวกนี้อีก แต่สื่อไปเขียนกันให้ถูกนะ อย่าไปเขียนว่า คสช. ห้ามอย่างนั้น อย่างนี้ ผมไม่ห้ามหรอก อยากจะใส่ก็ใส่มา เสื้อใน กางเกงในใส่มาด้วยก็ได้ ไม่เห็นจะมีผลอะไรกับผม แต่วันนี้อย่างไรผมก็ถือกฎหมายอยู่ แต่ถ้ามันเดือดร้อนประชาชนเกิดความวุ่นวาย บาดเจ็บล้มตาย มีการขัดแย้ง พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าคนเขาจะชอบท่านทุกคน คนไม่ชอบก็มี คนที่ไม่ต้องการให้บ้านเมืองไม่สงบก็มี ถ้าตีกันแล้วผมก็ต้องมารับผิดชอบอีก วันนี้ก็ขอเตือนอย่าหาเรื่องให้ตัวเอง คดีเมื่อเกิดขึ้นไม่ใช่จะลบทิ้งง่าย ๆ ถ้ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษก็ต้องเข้าสู่กระบวนการทั้งหมด ติดคุกกันเป็นแถว ไม่เห็นตัวอย่างหรือ ประชาขนที่ถูกนำมาติดคุกกันอยู่ทุกวันนี้แล้วจะเรียกร้องกันอย่างไร จะปล่อยให้ออกมาโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างนั้นหรือ วันนี้ต้องไปถามแกนนำว่าทำไมไม่ดูแล แล้วถ้ามีคราวหน้าอีกก็ต้องมีการรับรองกันว่าจะไม่ติดคุก ถ้ารับรองไม่ได้ ผมจับติดคุกหมด ผมไม่กลัวทุกคนก็คิดว่าผมไม่กล้าใช้อำนาจ ผมจะใช้เมื่อจำเป็นเพราะบ้านเมืองสำคัญกว่าอย่างอื่น หรือใครจะลองก็เอา”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ก็ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และ คสช. พูดกันถึงแต่เรือแป๊ะ เจาะรูกันอยู่ทุกวัน แต่ตนก็อุดอยู่ทุกวัน ไม่มีจมตนได้อยู่แล้ว วันนี้เราร่วมมือกับทุกฝ่าย ทุกประเทศ อย่าไปสร้างความขัดแย้ง ทุกคนให้เกียรติกันอยู่แล้ว และตนไม่ใช่ศัตรูของใคร ถึงแม้ตนจะมาอย่างนี้ เวลาไปต่างประเทศก็พูดกับเขาดีและทุกคนก็ดีกับตนทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่ว่าเขารักตน แต่เขารักประเทศไทย รักคนไทย ไม่เคยพูดอะไรที่เกี่ยวกับอดีต ไม่เคยพูดถึงเรือแป๊ะอะไรเลย สื่อก็ขุดกันอยู่ได้ วันนี้ต่างชาติรักประเทศไทย รักคนไทย แล้วพวกท่านเป็นคนไทยไม่รักประเทศไทยของท่านหรือ

ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวในที่ประชุม ครม. ว่า ประเด็นความขัดแย้งทั้งหลาย ที่มีความพยายามที่จะสร้างกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์นั้น ขอฝากให้ประชาชนช่วยกันใช้ดุลพินิจว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าหลงไปตามคำเชิญชวนจะทำให้ประเทศชาติสงบสุขหรือไม่ หรือเหตุการณ์จะย้อนกลับไปเหมือนก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 อีก และกฏหมายที่มีอยู่ไม่ว่าจะกฎหมายปกติ หรือประกาศคำสั่งต่าง ๆ ของ คสช. เป็นเรื่องที่ประกาศไปแล้ว ถ้ามีการทำผิดก็ต้องถูกลงโทษตามกระบวนการความผิด จะอ้างว่าใส่ร้ายไม่ได้ เนื่องจากกฎหมาย และประกาศคำสั่งเหล่านี้ออกมาก่อนการประพฤติปฏิบัติของท่าน ดังนั้น ใครที่คิดจะทำอะไรก็แล้วแต่ขอให้ระมัดระวังเรืิ่องกฎหมาย และสิ่งสำคัญที่สุด คือ แนวทางเช่นนั้น จะเป็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งในอดีตหรือไม่ ซึ่งสังคมเข้าใจได้ว่าแนวทางการแก้ปัญหาที่ผ่านมาในอดีตนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือการผลักดันให้ทุกเรื่อง เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแบบสมเหตุสมผล ซึ่งกันและกันทุกฝ่าย ไม่มีการเลือกปฏิบัติเฉพาะฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า คดีทุจริต คดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมที่ส่งผลให้เกิดผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ ในปี 58 - 59 จะต้องดำเนินการตามหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้กระบวนการเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจากในปี 60 จะเริ่มมาตรการที่เกี่ยวกับการปรองดอง

“ซึ่งจะเป็นส่วนที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน และการจะปรองดองได้นั้น ท่านนายกฯไม่ได้หมายความว่าจะต้องเหมาเข่ง แต่ต้องแยกแยะเป็นกรณี ๆ ไป ว่า กรณีใดเป็นกรณีเล็ก ๆ ไม่มีฐานความผิดใหญ่โตนัก ประชาชนมาด้วยความบริสุทธ์ใจ อาจเกิดจากการชักชวนหรือหลงเชื่อไปตามคำแนะนำ หรือยุยงของกลุ่มผู้นำก็สุดแล้วแต่ แต่อะไรที่เป็นคดีใหญ่ๆ มีการเสียชีวิต มีการบาดเจ็บ มีการใช้อาวุธสงคราม เหล่านี้จะต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นมาตราการปรองดองในปี 60 จะต้องมีความชัดเจน ซึ่งจะต้องต่อเนื่องกับการผลักดันคดีความต่าง ๆ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไปเร่งรัดหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นเอกเทศ แต่เร่งรัดในส่วนของรัฐที่นำมีหน้าที่นำเรื่องราวต่าง ๆ เข้าสู่กระวนการ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ ยังกล่าวว่า นายกฯชี้แจงว่าจะไปตรวจเยี่ยม และรับทราบปัญหา กรอ. ภาค ที่ จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 12 พ.ย. การไปครั้งนี้จะดูเรื่องราวหลายมมติ ทั้งการบริหารจัดการน้ำ ภัยแล้ง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการปลูกพืชโดยความสมัครใจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ลงไปท้องถิ่น นายกฯเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำข้อสรุปให้ชัดเจน เรื่องที่จะไปบรรยายสรุปปัญหา สิ่งที่ได้ดำเนินการมาแล้วและสิ่งที่จะดำเนินการต่อไป มีเรื่องอะไรที่แก้ด้วยกฎหมายปกติไม่ได้จะต้องแก้ด้วยกฎหมายพิเศษ






กำลังโหลดความคิดเห็น