นายกฯ วอน ชาวสวนยางเคารพ กม.- พ.ร.บ.ยาง พร้อมหาทางแก้ปัญหา รับเห็นใจคนจน ขออย่าเป็นเครื่องมือใคร ย้ำสร้างความเข้มแข็ง ต้องเข้มขึ้นขออย่ากดดัน ย้ำ ขาดน้ำแน่ บอกทุกคนต้องเรียนรู้เอง สั่ง มท.- เกษตรฯ เร่งปรับโครงสร้างเกษตรใหม่ หนุนสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ ยก นารายา สินค้าคนนิยม น่าทำแบรนด์ไทยขาย ตปท. ชี้บุกรุกภูทับเบิก ถ้าไม่ถูกก็ต้องเอาคืน
วันนี้ (27 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ว่า วันนี้ได้มีการหารือโดยเมื่อวานให้กระทรวงเกษรตและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ ไปหารือคุยกันว่าจะดูแลสวนยางอย่างไร ตนอยากจะบอกว่าให้ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย เคารพในคำสั่ง คสช. และ พ.ร.บ. การยางที่ออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะพูดคุยกับบุคลากร หรือบุคคลที่อยู่ในองค์กรเหล่านี้ คนที่ไม่ได้ไปเคลื่อนไหวนอกองค์กร นอกช่องทาง ตนจะพูดกับคนที่เป็นไปตามกฎหมาย เขาต้องไปควบคุมดูแลให้ได้ ไม่ใช่กลุ่มนี้พูด แล้วกลุ่มนั้นมาใหม่มาตั้งกลุ่มใหม่อย่างนี้ตนรับไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้วันหน้าจะยิ่งกว่านี้ ใครทำผิดกฎหมาย ผิดคำสั่งคสช.ก็ดำเนินคดี ถ้าใครเข้ามาอยู่ในกระบวนการพูดอยู่ในกระบวนการ ตนก็หาทางแก้ปัญหาให้ ใครไปร่วมกับพวกที่เป็นแกนนำก็ไม่ต้องรับการช่วยเหลือ เพราะถือว่าไม่สนองนโยบาย ไม่มีกติกาไม่ได้บ้านเมือง ขอร้องอย่าให้เดือดร้อน ตนเห็นใจคนยากจน แต่อย่าไปเป็นเครื่องมือของเขา ในการที่จะเข้ามาสู่การเป็นกรรมการ มาเป็นที่ปรึกษา ทุกคนจะเริ่มยกระดับตัวเองขึ้นมาหมด และพี่น้องเกษตรกรเป็นเครื่องมือทั้งหมด ในเมืองมี พ.ร.บ. การยางมาแล้ว มีกรรมการออกมาแล้ว มีกำหนดแล้วตามกฎหมายก็คุยกันในช่องทางนี้จะได้รับการดูแลแก้ไข
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเด็นหลักๆที่ตนสั่งไป คือ อยากให้ชัดเจนขึ้นในเรื่องของการเอายางมาใช้ การทำถนน ตนสั่งไปแล้วว่าจะต้องทำให้เร็วที่สุด ทางใต้ปีที่แล้ว ทำไป 37 เส้นทาง และเอามาใช้ แต่ทำไมยางถึงไม่ลดลง เพราะตนบอกแล้วว่าการใช้ยางมาทำถนนใช้ได้ไม่มากนัก แต่สิ่งที่ดีกว่ามันจะแข็งแรงกว่าปกติ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่งบประมาณในการทำเพิ่มประมาณ 13 - 15 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นถ้าถนนทุกเส้นใช้ยางมันจะเพิ่มจากงบปกติที่ทำอยู่ปัจจุบันไปอีก 15 เปอร์เซ็นต์ แต่จะเซฟในเรื่องของงบซ่อมในอนาคต เพราะใช้ได้นานกว่าถึง 40 เปอร์เซ็นต์ งบซ่อมลดลงต้องมองอย่างนี้ และการใช้ยางไปทำสนามกีฬา สนาฟุตซอล ให้กระทรวงศึกษาธิการไปดูว่ามีกี่โครงการที่มีงบประมาณอยู่แล้ว จะได้ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ไปดูว่ามีกี่บริษัทที่เริ่มเอายางมาทำสนามกีฬาแล้ว แต่กำลังผลิตยังน้อยอยู่ แต่จะไปส่งเสริมให้ใหญ่ขึ้น เขาเรียกว่า การสร้างความแข็งแรงเรื่องยาง ไม่ใช่เฉพาะให้เงินข้างล่างอย่างเดียวไม่ได้ เสร็จแล้วมากองข้างบนไปไม่ออก ต้องใช้ยางในประเทศให้ได้มากที่สุด เรื่องของรับเบอร์ซิตี้ เรื่องการใช้ยางอย่างอื่นกำลังเร่งอยู่ในด้านอุตสาหกรรม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาที่ผ่านมานั้นมันมีการทำสวนยางในพื้นที่ผิดกฎหมาย อันนี้เอากฎหมายมาว่า เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือในเรื่องของการปรับปรุง เรื่องเกษตรกรยางจะช่วยเฉพาะที่ดินที่ถูกกฎหมายมีเอกสารสิทธิ และคนกรีดยางด้วย จะมีสัดส่วน 40 - 60 เจ้าของ 60 คนกรีดยาง 40 ไม่ใช่เป็นเงินชดเชยราคาต่าง เลิกพูดกับตน เท่าที่หารือเมื่อวานก็เป็นความพึงพอใจ เว้นแต่พวกที่พูดแล้วออกมาข้างนอก พวกนี้ไปดูซิว่าพวกนี้พูดเพราะอะไร ในเมื่อเขาตกลงกันหมด 100 คน ตกลง 90 คน แล้ว 10 คนไม่เห็นด้วย แล้วทำตามใคร ทำตาม 10 คนหรอ อยากจะเตือนพี่น้องเกษตรกร ถ้าทำตามกฎตามกติกามันต้องดีขึ้นแน่ ถ้าไปอยู่แบบนั้นมันไปไม่ได้ ตนก็ไม่ยอมอยู่แล้ว วันนี้ต้องเข้มแข็งต้องเข้มงวด ขอร้องอย่ามาเดินขบวนกดดันตนไม่ได้ทั้งนั้น แล้วก็จะทำให้คนอื่นเสียหายไม่ได้ไปด้วย พอเสร็จแล้วต้องทบทวนใหม่ๆ ก็ไม่ได้ซักที เสียหายทุกเรื่อง ทุกเรื่องตนเรียนว่าถ้าเป็นเรื่องที่ต้องปรับปรุงพัฒนาฟื้นฟูหรือการปฎิรูป มันต้องมีคนเดือดร้อน ถ้าไม่เดือดร้อนก็ไม่ต้องทำก็ปล่อยแบบเดิมมันได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องเข้มงวดมากขึ้นเรื่อย ๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงปัญหาภัยแล้งว่า ต้องเตือนตลอด เพราะว่าวันนี้น้ำประมาณ 3,000 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร ปีที่แล้วเกือบ 6,000 ล้านลูกบาศก์เมตร วันนี้ต้องปล่อยน้ำเพราะฉะนั้นมันขาดแน่นอน อย่าหาว่าพูดเล่น อย่าหาว่าขู่ ตนคงไม่ไปห้ามใคร ท่านคงต้องห้ามตัวท่านเอง ก็มาหาเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าผมจะทำอะไรกินดี ผมถ้าทำนาไม่ได้ เขาก็พร้อมจะตอบและแนะนำอยู่แล้ว อย่างนั้นอย่าไปพูดว่ารัฐบาลดีแต่ห้าม และไม่พูดอะไร ตนบอกแล้วว่าไม่ได้ห้ามทำนา ไม่ได้ห้ามอะไรก็แล้วแต่ ทุกคนต้องเรียนรู้เอง ถ้ามันเสียหายก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง เพราเราทำได้แค่นั้น กดดันตนไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องการปรับโครงสร้างเกษตรกรรมใหม่ ว่า ตนสั่งการให้เร่งรีบสร้างความชัดเจนขึ้น ในเรื่องของการกำหนดพื้นที่โซนนิ่ง ไม่อย่างนั้นก็พูดลอย ๆ อำเภอนั้น ตำบลนี้ไม่ได้ มันต้องแบ่งเป็นแปลงไปเลย หมู่บ้านตำบลนี้ว่าจะปลูกอะไรกัน น้ำจะเอาจากไหน ไม่มีน้ำจะทำอย่างไร ต้องลงรายละเอียด กระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังเร่งสำรวจอยู่ ในช่วงต่อไปตนจะรับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) จังหวัดในพื้นที่ ในการออกไปเยี่ยมประชาชนของตนในครั้งต่อไป ตนจะฟังเรื่องเหล่านี้และจะสั่งการแก้ปัญหาให้
พล.อ.ประยุทธ กล่าวถึงการส่งเสริมกิจการที่ประเทศไทยมีศักยภาพ ตนได้สั่งการให้ไปจัดกลุ่มดู ตอนนี้เอสเอ็มอีเขาทำแล้ว สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ขึ้นมาอีกเยอะ สตาร์ทอัปใหม่ แต่ตนอยากให้สตาร์ทอัปมาขั้นที่สอง และไปถึงต่างประเทศให้ได้ เช่นเครื่องสำอางค์ เราควรจะมีแบรนด์ของไทยเองและดันไปต่างประเทศให้ได้ ถ้าทำได้ รายได้จะเข้าประเทศอีกเยอะ หรือสินค้าที่เป็นกระเป๋าถือยี่ห้อ “นารายา” ซึ่งคนนิยมมากขึ้น ก็ควรส่งเสริมให้เป็นแบรนด์ของไทยไปขายต่างประเทศ ถ้าทั้งโลกมาใช้สินค้าตัวนี้ เราก็คงรวยไม่รู้จะรวยอย่างไร หรือสิ่งทอต่าง ๆ หรืออัญมณี ควรมีการส่งเสริม เพราะประเทศไทยมีนักออกแบบและมีฝีมือในการทำเยอะ แต่ตลาดเราสู้เขาไม่ได้ เพราะต้นทุนสูง ค่าแรงสูง ก็คงต้องหาทางส่งเสริมกันเป็นเรื่อง ๆ ไป แต่ละบริษัทก็ไปแข่งขันกันมาและส่งเสริมไปต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงปัญหาการท่องเที่ยวที่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ว่า ต้องเข้าใจว่า ปัจจุบันที่ดินของรัฐถูกบุกรุกมากหลายล้านไร่เราก็ต้องเอากลับคืนมา แต่ต้องดูว่าจะเอาคืนมาอย่างไรไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย พื้นที่ใดที่ต้องเอาคืน ก็ต้องคืนเพราะมันเป็นพื้นที่ป่าอุทยาน ป่าต้นน้ำ แต่ตรงไหนที่เป็นป่าเสื่อมโทรมก็จะหาวิธีการว่าจะอยู่ได้อย่างไร ขอใช้พื้นที่ได้หรือไม่
“ที่ภูทับเบิกมีขยายออกมาเรื่อย ๆ เดิมขอพื้นที่เพื่อปลูกกะหล่ำปลีอย่างเดียว แต่ตอนนี้มีการขยายเป็นท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ผ่านมา ผิดเพี้ยนไปหมด เพราะไม่มีการใส่ใจ ผมจึงสั่งการแล้วให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และกระทรวงท่องเที่ยวฯ ไปหารือกัน แต่นโยบายของผม คือ เท่าไหร่ก็เท่านั้น อะไรที่ผิดกฎหมายก็ต้องไม่ทำ ต้องเข้าใจตรงนี้ ที่มาพูดถึงเสรีภาพผมเข้าใจดี แต่ประเทศชาติจะไปอย่างไรก็ต้องไปดูกันมา เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาก็จะกลับมาอีก” นายกฯ กล่าว