“วิษณุ เครืองาม” กวักมือเรียก “ยิ่งลักษณ์” มาให้ข้อมูล หลังขยายเวลา คกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรับจำนำข้าวอีก 30 วัน เผยก่อนหน้านี้เคยเรียกมาแล้วแต่กลับส่งข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร ย้ำไม่เคยบอก “ปู” ทุจริต แต่ปล่อยให้มีการคอร์รัปชันทั้งที่ได้เตือนแล้ว ผู้รับผิดชอบเต็มๆ คือผู้บังคับบัญชา ปัดกัน “ประยุทธ์” ออกจากปมร้อน สอนมวยทนายเอาให้ดีจะฟ้องกลับนายกฯ ในฐานะบุคคลหรือตำแหน่ง ขณะเดียวกันยืนยันรัฐบาลเดินหน้า 12 คดีทุจริต รับบางโครงการหลักฐานไม่ครบ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้ได้ขยายเวลาให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรับจำนำข้าวออกไปอีก 30 วัน เหมือนที่เคยขยายจนถึงวันที่ 30 ก.ย. และยังสามารถขยายได้อีกเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น ใครที่เคยถูกเชิญมาให้ข้อมูลแล้วยังไม่ได้เข้ามาจะถามไปอีกครั้งว่าจะมาหรือไม่ ในส่วนนี้เคยเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาให้ข้อมูลแล้ว แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอส่งข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษร
ส่วนคณะกรรมการอีกชุดของกระทรวงพาณิชย์ที่มีการส่งข้อมูลมาแล้วก่อนหน้านี้ จะส่งให้นายกฯ ภายใน 1-2 วันนี้ ข้อย้ำว่าเราไม่เคบอกว่านโยบายจำนำข้าวผิด และไม่เคยบอกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ทุจริต แต่มีการปล่อยให้เกิดการทุจริต อีกทั้งมีการบอกมาแล้วว่ามีการทุจริต แต่ไม่มีการแก้ หรือตรวจสอบ ไม่ดำเนินการ จึงกลายเป็นความผิดของผู้บังคับบัญชา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ต้องลงนามเป็นการป้องกันไม่ให้นายกฯ ถูกฟ้องกลับหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะถึงนายกฯ ลงนามก็ใช่ว่านายกฯ จะถูกฟ้องกลับได้ และถึงนายกฯ จะไม่ลงนามหากจะหาทางฟ้อง ไม่ใช่ว่าจะหาทางฟ้องไม่ได้ ถ้าทนายเก่งก็ฟ้องจนได้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่อยู่ที่กฎหมายข้อบังคับเขาว่าอย่างไร ทั้งนี้ นายกฯ ยังบอกเลยว่าหากจำเป็นพร้อมลงนาม หากฟ้องคนฟ้องก็ต้องคิดให้ดีว่าจะฟ้องคนหรือตำแหน่ง และถึงอย่างไร นายกฯ ยังต้องลงนามร่วมกับ รมว.เจ้ากระทรวง ส่งไปยังคณะกรรมการความรับผิดทางแพ่งซึ่งเป็นชุดที่ 2 อยู่ดี
ส่วนการเรียกเก็บค่าเสียหายตามกระแสข่าวที่เป็นวงเงินสูงถึงแสนล้านบาท เป็นวงเงินมากที่สุดตั้งแต่มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ในกฎหมายดังกล่าวมีช่องทางที่สามารถผ่อนผันหรือลดลงมาได้ และตนไม่เข้าใจว่าทนายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกมาชี้ถึงจุดอ่อนขั้นตอนการดำเนินการของรัฐบาลทำไม เหตุใดไม่ไปพูดในศาลทีเดียว
นายวิษณุยังกล่าวถึงการดำเนินการต่อคดีทุจริต 12 โครงการที่รัฐบาลเป็นโจทก์ 6 คดี และเป็นจำเลย 6 คดีตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ว่า ทั้ง 12 โครงการต้องดำเนินการพร้อมกัน เพราะแต่ละโครงการจะมีผู้ที่รับผิดชอบอยู่แล้ว ตนเป็นเพียงแค่เซ็นเตอร์ของศูนย์ข้อมูลเท่านั้น ซึ่งก็จะเรียกคนที่รับผิดชอบแต่ละโครงการมาพูดคุย
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลหลักฐานแต่ละโครงการยังอยู่ครบหรือไม่ เพราะผ่านมานานมากแล้ว นายวิษณุกล่าวว่า ยอมรับว่าบางเรื่องก็มีปัญหาอยู่เหมือนกัน แต่คงบอกไม่ได้ว่าเรื่องอะไรบ้าง เพราะจะเป็นการเผยจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นเปล่าๆ
ส่วนแต่ละโครงการที่มีปัญหาในอดีตที่ผ่านมาเป็นเพราะข้าราชการไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศหรือไม่นั้น รองนายกฯ กล่าวว่า คิดว่าวันหนึ่งก็คงต้องพูดประเด็นนี้กัน แต่ตอนนี้กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานในการที่จะพูดถึง 12 คดี ถ้าเราพูดไป ตำหนิเขาไป เขาก็อาจจะไม่ทำงาน แต่บางทีก็ต้องเห็นใจคนที่มารับผิดชอบ 12 คดีในวันนี้ไม่ได้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับหตุการณ์ก่อนหน้านี้มีการย้ายไปย้ายมาก็ต้องมารับผิดชอบ ซึ่งในที่ประชุม ครม.ตนก็ได้ชี้แจงให้ฟังหมดว่าโครงการไหน เกิดในรัฐบาลไหน แต่ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลนั้นผิด เพราะบางเรื่องก็มีแววว่ารัฐบาลจะชนะ และใครเป็นรัฐบาลวันนั้นก็ต้องตัดสินใจแบบนั้น แต่วันนี้เพราะรัฐบาลตัดสินใจแบบนั้นจึงเป็นคดีอยู่