อดีตประธาน กมธ.ปฏิรูปพุทธศาสนา แถลงจี้ “ประยุทธ์” บังคับใช้ พ.ร.บ.ปฏิรูปพุทธศาสนา 2 ฉบับ เร่งสอบเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ให้มัวหมองสมเด็จพระสังฆราช โยงหนัง “อาบัติ” สอดคล้องเรื่องนี้-หนุนฉาย ชี้ไม่ก่อความเสียหายแก่ศาสนา ปกปิดยิ่งส่งเสริม
วันนี้ (14 ต.ค.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ในฐานะอดีตประธานกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ร่วมกับเครือข่าวภาคประชาชน แถลงข่าวเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งสั่งการให้มีการปฏิรูปพระพุทธศาสนาและเร่งให้มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องการปฏิรูปพระพุทธศาสนา 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ. เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของวัด พ.ศ. ... และ พ.ร.บ.สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ พ.ศ. ...
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทางเครือข่ายฯ ยังขอเรียกร้องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ให้มีการเร่งรัดการตรวจสอบกรณีพระธัมมชโย ที่มีการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้พระพุทธศาสนามีความแตกแยก และยังยึดทรัพย์สินของวัดของเป็นของตัวเอง กรณีดังกล่าวสมเด็จพระสังฆราชได้มีพระลิขิตวินิจฉัยในกรณีดังกล่าวเมื่อปี 2542 แล้ว แต่ทางมหาเถรสมาคมยังรับรองว่าพระธัมมชโยไม่ได้พ้นจากความเป็นพระภิกษุจึงสามารถสวมผ้าไตรจีวรได้ และในปัจจุบันยังมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ อีกทั้งกรณีที่ยักยอกเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งจากการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ผ่านมายังไม่ได้มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ในกรณีดังกล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้นตามกระบวนการยุติธรรม จึงควรเร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อไม่ให้เป็นการมัวหมองต่อสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งจะมีกำหนดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้
นายไพบูลย์ยังได้แสดงความเห็นต่อกรณีภาพยนตร์เรื่อง “อาบัติ” ที่ถูกกระทรวงวัฒนธรรมมีคำสั่งระงับการฉายว่า ตนเห็นว่าเรื่องนี้สอดคล้องในกรณีดังกล่าวมาก และตนก็สนับสนุนให้มีการฉายภาพยนตร์ดังกล่าว เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นการเตือนสติพุทธศาสนิกชน และไม่ได้ก่อความเสียหายต่อพระพุทธศาสนาแต่อย่างใดด้วย หากจะมุ่งปกปิดก็ถือว่าทำให้ศาสนามัวหมองเพราะมีอลัชชีคนที่อาศัยผ้าเหลืองหลบซ่อนหาประโยชน์จากพระพุทธศาสนา พฤติกรรมของคนเหล่านี้เพียงไม่กี่คนจะทำให้ศาสนามัวหมอง การที่จะยิ่งปกปิดพฤติกรรมของคนเหล่านี้จะยิ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริม ทั้งที่เป็นพฤติกรรมที่คนไทยและชาวโลกรู้กันทั่วหมดแล้ว