ASTVผู้จัดการรายวัน-ดีเอสไอหอบแฟ้มพยานหลักฐานกว่า 2.1 หมื่นแผ่น ประกอบการส่งสำนวนคดี "ศุภชัย ศรีศุภอักษร" อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน กับพวกรวม 12 คน ฉ้อโกงประชาชนมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (14 ต.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.บรรณฑูรย์ ฉิมกรา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีค้ามนุษย์และยาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำสำนวนการสอบสวนคดี ที่ 63/2557 กรณีฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กว่า 6,000 ล้านบาท พร้อมเอกสารหลักฐานจำนวน 58 แฟ้ม กว่า 21,000 แผ่น และความเห็นสมควรฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 57 ปี อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กับพวกรวม 12 คนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 มาส่งมอบให้นายภาณุพงษ์ โชติสิน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งคดี
พ.ต.ท.บรรณฑูรย์กล่าวว่า ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนมาส่งมอบให้อัยการ ซึ่งคดีนี้ มีผู้ต้องหารวม 12 ราย โดยนายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว จึงไม่ได้นำตัวมาส่งมอบให้อัยการ และหลังจากนี้ อัยการก็จะได้พิจารณาสำนวนและกำหนดวันนัดและแจ้งผู้ต้องหามารายงานตัว เพื่อรับทราบคำสั่งคดีต่อไป
ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการแล้ว 2 สำนวน โดยอัยการได้ยื่นฟ้องไปแล้ว 1 สำนวน อีกสำนวนอยู่ระหว่างสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ขณะที่คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญเช่นกัน เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายมากถึง 6,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ดีเอสไอได้มีการขยายผลการสอบสวนเส้นทางการเงิน เพื่อจะรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีฐานฟอกเงินอีกด้วย โดยมีพนักงานสอบสวนดีเอสไออีกชุดหนึ่งกำลังดำเนินการอยู่ และขณะนี้ยังไม่พบเส้นทางการเงินที่มีการโอนย้ายทรัพย์สินไปต่างประเทศ แต่หากพบก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และแม้ว่านายศุภชัยและวัดพระธรรมกายกับสหกรณ์ได้มีการเจรจาคืนเงินในคดีที่มีฟ้องกันเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ยุติการสอบสวนเพื่อจะดำเนินคดี หากพบหลักฐานการฟอกเงินก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ในส่วนของนายศุภชัยและผู้ต้องหาบางรายนั้น ดีเอสไอได้ดำเนินการอายัดโฉนดที่ดินไว้แล้วประมาณ 12 แปลง จากนั้นจะให้อัยการยื่นต่อศาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดียักยอกและฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด มีผู้เสียหายกว่า 2,160 ราย โดยมีคดีที่อัยการยื่นฟ้องนายศุภชัย เป็นจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 และ 354 ต่อศาลอาญาในคดีหมายเลขดำ อ.1739/2558 ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา กรณีเมื่อปี 2556 นายศุภชัยสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินเบิกเงินสดสหกรณ์หลายครั้ง จำนวน 22,132,000 บาท เข้าบัญชีของจำเลยหรือบุคคลที่สาม ในชั้นศาลนายศุภชัย ให้การปฏิเสธ และเตรียมพยาน 5 ปากสู้คดี ส่วนโจทก์มีพยาน 15 ปาก คดีนั้นสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 8 มี.ค.2559 และคดีที่ดีเอสไอสรุปสำนวนยักยอกทรัพย์อีก 1 สำนวน กล่าวหานายศุภชัย , น.ส.ศรันยา มานหมัด อดีตรองผู้จัดการฝ่ายการเงิน , นายลภัส โสมคำ อดีตกรรมการสหกรณ์ฯ และนายกฤษฎา มีบุญมาก อดีตหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ ยักยอกเงินสหกรณ์มูลค่ากว่า 12,000 บาท ให้อัยการพิจารณาสั่งคดีเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างอัยการสั่งให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (14 ต.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.บรรณฑูรย์ ฉิมกรา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีค้ามนุษย์และยาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำสำนวนการสอบสวนคดี ที่ 63/2557 กรณีฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กว่า 6,000 ล้านบาท พร้อมเอกสารหลักฐานจำนวน 58 แฟ้ม กว่า 21,000 แผ่น และความเห็นสมควรฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 57 ปี อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กับพวกรวม 12 คนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 343 มาส่งมอบให้นายภาณุพงษ์ โชติสิน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งคดี
พ.ต.ท.บรรณฑูรย์กล่าวว่า ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนมาส่งมอบให้อัยการ ซึ่งคดีนี้ มีผู้ต้องหารวม 12 ราย โดยนายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว จึงไม่ได้นำตัวมาส่งมอบให้อัยการ และหลังจากนี้ อัยการก็จะได้พิจารณาสำนวนและกำหนดวันนัดและแจ้งผู้ต้องหามารายงานตัว เพื่อรับทราบคำสั่งคดีต่อไป
ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการแล้ว 2 สำนวน โดยอัยการได้ยื่นฟ้องไปแล้ว 1 สำนวน อีกสำนวนอยู่ระหว่างสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ขณะที่คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญเช่นกัน เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายมากถึง 6,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ดีเอสไอได้มีการขยายผลการสอบสวนเส้นทางการเงิน เพื่อจะรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีฐานฟอกเงินอีกด้วย โดยมีพนักงานสอบสวนดีเอสไออีกชุดหนึ่งกำลังดำเนินการอยู่ และขณะนี้ยังไม่พบเส้นทางการเงินที่มีการโอนย้ายทรัพย์สินไปต่างประเทศ แต่หากพบก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และแม้ว่านายศุภชัยและวัดพระธรรมกายกับสหกรณ์ได้มีการเจรจาคืนเงินในคดีที่มีฟ้องกันเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ยุติการสอบสวนเพื่อจะดำเนินคดี หากพบหลักฐานการฟอกเงินก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ในส่วนของนายศุภชัยและผู้ต้องหาบางรายนั้น ดีเอสไอได้ดำเนินการอายัดโฉนดที่ดินไว้แล้วประมาณ 12 แปลง จากนั้นจะให้อัยการยื่นต่อศาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดียักยอกและฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด มีผู้เสียหายกว่า 2,160 ราย โดยมีคดีที่อัยการยื่นฟ้องนายศุภชัย เป็นจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 และ 354 ต่อศาลอาญาในคดีหมายเลขดำ อ.1739/2558 ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา กรณีเมื่อปี 2556 นายศุภชัยสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินเบิกเงินสดสหกรณ์หลายครั้ง จำนวน 22,132,000 บาท เข้าบัญชีของจำเลยหรือบุคคลที่สาม ในชั้นศาลนายศุภชัย ให้การปฏิเสธ และเตรียมพยาน 5 ปากสู้คดี ส่วนโจทก์มีพยาน 15 ปาก คดีนั้นสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 8 มี.ค.2559 และคดีที่ดีเอสไอสรุปสำนวนยักยอกทรัพย์อีก 1 สำนวน กล่าวหานายศุภชัย , น.ส.ศรันยา มานหมัด อดีตรองผู้จัดการฝ่ายการเงิน , นายลภัส โสมคำ อดีตกรรมการสหกรณ์ฯ และนายกฤษฎา มีบุญมาก อดีตหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ ยักยอกเงินสหกรณ์มูลค่ากว่า 12,000 บาท ให้อัยการพิจารณาสั่งคดีเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างอัยการสั่งให้ดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติม