นายกรัฐมนตรี เผย ครม. ถกประเด็นคดีความจากรัฐบาลเก่า ๆ ที่เริ่มส่งผล ยันพยายามแก้ให้ลดความเสียหายลง ระบุเรียกค่าเสียหายจำนำข้าวตามกฎหมายปกติในทางปกครองตั้งแต่ยุค “บรรหาร” ถ้าเรียกแล้วไม่จ่ายก็ค่อยไปฟ้องศาลปกครอง ต้องใช้เหตุจะหมดอายุความ เชื่อจดหมาย “ยิ่งลักษณ์” ไม่ได้เขียนเอง โยนสื่อไปคิดเอาเจตนาอดีตนายกฯ รับยังไม่ได้ข้อยุติยอด ต้องเคลียร์ให้ได้ก่อนเป็นมายังไง แต่ยันหัวหน้ารัฐบาลต้องรับผิดชอบ รับจำเป็นต้องใช้ ละเว้นไม่ได้ ระบุต้องระวังไม่ให้ถูกอ้างว่ารังแก
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐมนตรี เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือ เรื่องคดีความต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งที่รัฐบาลตกเป็นจำเลยกับบริษัทต่าง ๆ ที่มีการฟ้องร้องรัฐบาลมา 10 กว่าปี หลายรัฐบาลมาแล้ว ขณะนี้เริ่มจะส่งผล ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้มาโดยตลอด ซึ่งย้ำอีกครั้งว่า ตนไม่ได้เป็นคนทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมา แต่กำลังพยายามแก้ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความเสียหายลง ทั้งเรื่องโทลล์เวย์ การทางพิเศษ คลื่นความถี่ต่าง ๆ และมีเรื่องต่างประเทศด้วย มีการฟ้องรัฐบาลทั้งสิ้น แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดในรัฐบาลของตน ซึ่งมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก วันนี้เราต้องหาทางออกให้ได้
“ที่สำคัญ มีคดีที่รัฐบาลนี้จำเป็นต้องดำเนินการ ซึ่ง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดไปแล้วเกี่ยวกับคดีรับจำนำข้าว ไม่ได้พูดว่าระดับผู้บริหารจะผิด หรือถูกยังไม่รู้ จะต้องไปพิสูจน์กันต่อไป แต่สิ่งที่เราปล่อยไม่ได้ คือมันมีกฎหมายที่เกี่ยวกับการละเว้น การกระทำต่าง ๆ ซึ่งระยะเวลามีจำกัดภายใน 2 ปี จึงเป็นหน้าที่ของผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องส่งเรื่องไปเท่านั้นเอง คือ มีมาตรการทางการปกครองเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว ไม่ใช่บัญญัติกฎหมายใหม่ขึ้นมา และไม่ได้มาตรา 44 เพราะคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับนักการเมืองจะเข้าสู่ศาลปกครองทั้งสิ้น ตอนแรกผมเองก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อทบทวนแล้ว เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องทางด้านปกครอง ผมก็อยู่ในตำแหน่งตรงนี้ถ้าอยู่ในภาวะรัฐบาลปกติก็จะไปฟ้องกับศาลปกครอง ซึ่งก่อนจะฟ้องไปยังศาลปกครองก็จะมีกฎหมายอยู่ตัวหนึ่งที่บัญญัติว่าผู้รับผิดชอบในปัจจุบันจะต้องดำเนินการต่อการกระทำผิด เสร็จแล้วก็อาจจะมีการไปฟ้องศาลปกครองสู้กันไปมา อาจจะใช้เวลายาวนานก็แล้วแต่ เพราะการเรียกร้องค่าเสียหายใช้เวลาเป็น 10 ปี ผมจึงบอกว่าจะพยายามไม่ใช้กฎหมายพิเศษ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาทับซ้อนไปเรื่อย ๆ แต่ขณะเดียวกัน เราก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้ โดยต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เพราะผูกพันเกี่ยวกับเรื่องผลผลิตทางการเกษตรด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีโครงการรับจำนำข้าวนั้น อยากให้ทุกคนไปดูในข้อกฎหมาย ยืนยันว่า จะไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษ อย่าลืมว่ากฎหมายมีหลายอย่าง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีก็มี มาตรการทางการปกครองกับเจ้าหน้าที่ในการกระทำความผิด ขั้นตอนที่ 1 มันต้องทำเพราะเป็นกฎหมาย มาตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งกฎหมายยังคงมีอยู่จะละเว้นไม่ได้ รวมทั้งเรื่องการเรียกค่าเสียหายต่าง ๆ แต่ถ้าเรียกไปแล้วไม่จ่าย ไม่ยอมรับก็ไปฟ้องศาลปกครองต่อ แต่วันนี้เราต้องทำตรงนี้ เพราะจะปล่อยเวลาให้เกิน 2 ปีไม่ได้ ปัญหาการรับจำนำข้าวมีมาตั้งแต่ปี 55/56 และ 56/57 เดี๋ยวมันจะหมดอายุ แล้วในวันข้างหน้าตนก็จะโดนอีกว่าทำไมไม่ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีนั้น มีวัตถุประสงค์อะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ท่านคงไม่ได้เป็นคนเขียนเอง คงเป็นคำแนะนำจากฝ่ายทนายความ ซึ่งท่านก็ต้องฟังฝ่ายกฎหมายของท่านซึ่งเขาก็เข้าใจและตีความไปแบบนั้น กฎหมายฉบับเดียวอย่าคิดว่าจะตีความแบบเดียวกันถึงได้มีการต่อสู้ มีทนาย มีศาลในการตัดสิน ยิ่งเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลและฝ่ายค้านก็มักจะตีความต่างกัน ทำให้ทะเลาะกันแบบนี้
เมื่อถามว่า จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมีการตีความว่าการใบ้มาตรการทางการปกครองจะต้องบังคับใช้กับผู้ใต้บังคับบัญชา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายเขียนไว้ชัดเจน ในช่วงแรกนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เรื่อง คือ 1. การทุจริตการจำนำข้าว และ 2. การดำเนินการซื้อขายในลักษณะรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ แต่ตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลก็ต้องเป็นคนเสนอเรื่องร่วมกับ รมว.คลังในเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องตนกับ รมว.พาณิชย์ ก็ต้องเป็นผู้เสนอเรื่องตามกฎหมาย ในการจะเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ถ้าเขาไม่จ่าย ตนก็ไม่มีอำนาจไปทำอะไร และผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องไปฟ้องศาลกลับมาอยู่แล้วก็ต้องไปสู้กันในชั้นศาลปกครอง ซึ่งก็จะมีศาลปกครองชั้นต้น ชั้นสูงสุด ส่วนจะจ่ายหรือไม่จ่าย ตนก็ไม่รู้
เมื่อถามว่า มองเจตนาของนางสาวยิ่งลักษณ์ ในการเขียนจดหมายเปิดผนึกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อก็ไปคิดเอาเอง ไม่ต้องมาถามตน เพราะตนไม่ได้เป็นคนเขียน ซึ่งอาจจะเป็นฝ่ายกฎหมายของอดีตนายกรัฐมนตรีที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้สื่อได้มาถามตนแทน ซึ่งคนเป็นทนายความก็ต้องรู้ว่ากฎหมายที่มีอยู่ว่าอย่างไร ในเมื่อมันเป็นอำนาจหรือไม่เคยเสนอให้รัฐบาลที่แล้วรู้ว่ามันมีอะไรอยู่บ้างก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้มันมีหลายอย่างประกอบกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงนามสรุปยอดเงินที่เป็นเงินค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยัง ยังไม่ได้สรุป เพราะยังไม่ได้ข้อยุติอะไรเลย จะต้องมีการสำรวจให้ได้ข้อชัดเจนให้มากขึ้น ก็ต้องตีเส้นว่าวันสุดท้ายที่จะส่งเรื่องโดยที่ยังไม่เกินกำหนดระยะเวลา และเราต้องหามาตรการที่รัดกุมในการที่จะทำให้เกิดความชัดเจน ว่า ไม่ได้เป็นการรังแกหรือกลั่นแกล้งกัน ถ้าจะฟ้องก็ต้องถึงเวลาก่อน วันนี้ต้องเคลียร์ให้ได้ก่อนว่ามีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร ข้าวเสียหายเท่าไหร่ ความเสียหายมันเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่เรามันก็ไม่สามารถผลีผลามขายได้ เพราะเป็นของกลางในคดีด้วยก็ต้องระมัดระวัง ต้องมีการขออนุมติหลักการในการที่จะขาย ราคาก็ลดลงเรื่อย ๆ ก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ต้องไปหาข้อมูลกันในศาล
“เรื่องเหล่านี้มันเกี่ยวข้องในเชิงนโยบาย ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรก็ต้องไปว่ากันมาด้วยหลักฐานด้วยกฎหมาย จากที่ฟังอาจารย์วิษณุ ชี้แจงจับความได้ว่า ใครก็ตามที่เป็นหัวหน้าในนโยบายจะต้องรับผิดชอบตามที่กฎหมายเขียนไว้หากมีการเสียหาย เป็นมาตรการทางการปกครอง แต่จะรวมเรื่องทุจริตหรือเปล่าไม่รู้ จะรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ และมันเกิดการทุจริตขึ้นเมื่อไหร่ก็เป็นอีกคดีหนึ่ง ทั้ง 2 เรื่อง จึงแยกออกเป็นเรื่องของการขายข้าวไปยังต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของกระทรวงการคลังก็เกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาข้าว ผมจำเป็นต้องใช้อำนาจทางการปกครอง ซึ่งผมละเว้นไม่ได้ เมื่อผมเสนอเรื่องไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องมีคณะกรรมการที่จะต้องตัดสิน โดยชี้กลับมาที่กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ว่าจะให้ดำเนินการต่อไปเมื่อถึงตรงนั้นก็จะมีการใช้อำนาจของเขา ในการเรียกร้องชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ใช่ผม เรื่องทั้งหมดจะย้อนกลับไปที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยผ่านคณะกรรมการที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางร่วมอยู่ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า เบื้องต้นได้มีการประเมินตัวเลขค่าเสียหายเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ยังสรุปไม่ได้ เพราะวันนี้ยังมีข้าวในคลังเหลืออยู่ด้วย เพียงแต่จะสรุปในวันที่ยื่นฟ้องว่าวันนี้ค่าเสียหายมีเท่าไหร่นับจากวันที่ส่งฟ้อง วันนี้ไม่สามารถสรุปอะไรได้ เพราะข้าวในคลังทั้งหมดยังมี 18 ล้านตัน ขายไปได้เพียง 4 - 5 ล้านตัน เพราะราคาสูงมันก็ขายไม่ได้ และวันนี้ก็มีขายใหม่เข้ามาอีก ข้าวเก่าต่างชาติก็ไม่อยากซื้อ ตรงนี้คือปัญหา ซึ่งจะถือว่าละเว้นหรือไม่ละเว้นหรือเปล่า ตนก็ตอบไม่ได้ ขณะเดียวกัน ก็เกิดการทุจริตในระดับปฏิบัติด้วย เป็นการทับซ้อนเข้าไปอีก ตนไม่ใช่นักกฎหมาย จึงต้องให้นักกฎหมายมาทำ แต่ตนก็ต้องระมัดระวังตัวเองด้วยว่าจะทำอย่างไรจึงจะเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ถูกกล่าวอ้างว่าไปรังแกคนอื่น จนกลายเป็นปัญหาในอนาคตอีก