xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ คลอดสารฉบับ 2 แจงตรวจสอบ สสส.- วอนสื่อหยุดตีข่าวกองทัพขัดแย้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อ่านสารฉบับที่ 2 ของนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.
โฆษกรัฐอ่านสารฉบับ 2 นายกฯ แจงตรวจสอบ สสส. ไม่ได้แปลว่าเกิดการทุจริต เพียงแค่ให้แน่ใจว่าดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ ใช้งบเกิดประโยชน์และรัดกุม เรื่องปรองดองต้องรอบคอบ ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไม่นำคดีความในอดีตเป็นกรณีขัดแย้ง วอนสื่อหยุดเสนอข่าวกองทัพแตกแยก ยันกำลังพลทุกนายรักใคร่สามัคคี



วันนี้ (12 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยได้เผยแพร่การอ่านสารฉบับที่ 2 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี โดย พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ หรือ สสส. ว่า นายกฯ ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปตรวจสอบ ไม่ได้หมายความว่า ขณะนี้ได้มีการทุจริตเกิดขึ้นแล้ว แต่เป็นเพียงการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่า สสส. มีกรอบการทำงานที่ชัดเจน เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ประกอบด้วย กิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเสริมสร้างสุขภาพประชาชนอย่างครบถ่วน เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบอย่างเคร่งครัดและรัดกุม มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน นายกฯ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำหนดมาตรการที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม และดำเนินการอย่างต่อเนื่องในนโยบายเพื่อที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง

ส่วนเรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง จากการที่มีตัวแทนนักการเมือง กลุ่มการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชนบางแขนงที่ออกมาเสนอความคิดเห็นทางสื่อมวลชนนั้น รัฐบาลขอขอบคุณ และพร้อมรับข้อมูลไว้ทั้งหมดเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ อย่างเป็นรูปธรรม ตามกระบวนการต่าง ๆ

รัฐบาล และ คสช. มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หลายเรื่องต้องมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน รวมทั้งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และสอดคล้องยุทธศาสตร์ระยะยาวของหน่วยงานต่าง ๆ การดำเนินการทุกอย่างเป็นการเตรียมแผนดำเนินการเพื่ออนาคตข้างหน้า เพื่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะได้ใช้อำนาจที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนได้อย่างถูกต้องเป็นธรรม

นายกฯ ได้ขอความร่วมมือจากนักวิชาการ สื่อสารมวลชน พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ที่รักประเทศชาติ รักประชาธิปไจย ช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ ยอมรับปัญหาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้ในอดีต แล้วหันมาร่วมมือกันแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านั้น

สำหรับการปรองดองต้องศึกษาในรายละเอียดต่าง ๆ อย่างมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดกระบวนการที่เหมาะสม ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ต้องศึกษาอย่างรอบความและดำเนินการตามหลักการของกฎหมาย ซึ่งนายกฯ คาดหวังว่า จะได้รับความร่วมมืร่วมใจจากทุกฝ่ายที่จะหาจุดประสานความร่วมมือที่จะเห็นชอบร่วมกัน โดยจะไม่นำความเห็นต่างที่มีคดีความในอดีตมาเป็นกรณีขัดแย้ง แต่จะดำเนินการตามหลักนิติธรรมและนิติรัฐ เป็นสำคัญ

ส่วนการเสนอข้อมูลข่าวสารว่ากองทัพมีความขัดแย้งกันนั้น มีความพยามเสนอข่าวให้เกิดการขัดแย้งแตกแยกในกองทัพ นายกฯ ยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ในกองทัพเป็นปกติ กำลังพลทุกนาย ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาจนถึงกำลังพลคนสุดท้าย ต่างมีความรักสามัคคีต่อกัน การบริหารราชการภายในเป็นไปปตามบทบาทภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของแต่ละท่าน บางท่านอาจมีความคิดเห็นแตกต่างไปบ้าง แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การเคารพการตัดสินใจ ให้เกียรติกัน ตามภาระหน้าที่ นายกฯ คาดหมายว่า จะได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนที่จะยุติการนำเสนอข้อมูลที่จะออกไปในทางความขัดแย้ง เพราะสิ่งทั้งหลายนั้นไม่เป็นข้อเท็จจริง และไม่เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

ในประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ ขอให้คำนึงถึงปัญหาของประเทศชาติที่ผ่านมาในอดีตเป็นสำคัญ แต่ละภาคส่วนจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาได้อย่างไร จึงจะเกิดประโยชน์ที่สุด ขอให้ทุกฝ่ายให้เกียรติ เปิดโอกาสให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเะทศ ซึ่งได้ตั้งขึ้นมาใหม่ตามกรอบรัฐธรรมนูญชั่วคราว รวมทั้งอาจมีกรรมาธิการยกร่างฯ ฉบับเดิม สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เดิม เข้ามามีส่วนสนับสนุนดำเนินการ เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่นำพาประเทศชาติสู่ควาผาสุกยั่งยืนโดยเร็วที่สุด

รายละเอียด สาร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันที่ 12 ตุลาคม 2558

เรียนพี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพทุกท่าน

กระผม พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอนำสารของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 2 มาเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ ซึ่งสาระสำคัญของสารฉบับนี้นั้น 2 ประเด็น คือ เรื่องของความคิดเห็นที่แตกต่างกันทางการเมืองและการปรองดองกับเรื่องของการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น เป็นประเด็นที่ได้เคยนำเรียนให้กับพี่น้องประชาชนได้รับทราบไปแล้ว

วันนี้จะขออนุญาตสรุปเพื่อให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของทางรัฐบาล ว่า มีความตั้งใจจริงที่จะพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญที่มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ส่วน 2 ประเด็นที่เพิ่มขึ้นมา คือ การดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือที่ท่านทั้งหลายรู้จักกันในนามกองทุน สสส. และเรื่องสุดท้ายคือ เรื่องการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนบางส่วนที่ออกไปในทิศทางที่เสนอเรื่องความขัดแย้งภายในกองทัพ

ในประเด็นแรก เรื่องของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปตรวจสอบไม่ได้หมายความว่า ณ ขณะนี้มีการทุจริตเกิดขึ้นแล้ว หากแต่เป็นเพียงการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่า กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพนั้น มีกรอบการทำงานที่ชัดเจนขึ้น เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และประกอบด้วย กิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพของพี่น้องประชาชนได้อย่างครบถ้วน เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ อย่างรัดกุม มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนดมาตรการในการที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม และดำเนินการอย่างต่อเนื่องในนโยบาย เพื่อที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

ในประเด็นที่ 2 เรื่องของความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง จากการที่มีตัวแทนของพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง นักวิชาการ หรือสื่อมวลชนบางแขนงที่ออกมาเสนอความคิดเห็นทางสื่อ รัฐบาลต้องขอขอบพระคุณทุกท่านนะครับ ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นที่เหมือนกันหรือความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็ตาม รัฐบาลก็พร้อมที่จะรับข้อมูลไว้ทั้งหมด เพื่อจะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ตามกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีความจำเป็นที่จะต้องรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หลายเรื่องต้องมีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนและได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งต้องมีความสอดคล้องสัมพันธ์กับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งยุทธศาสตร์และแผนงานระยะยาวของหน่วยงานต่าง ๆ จึงขอเรียนว่า การดำเนินการทุกอย่างนั้นเป็นการวางแผนและเป็นการเตรียมการสำหรับอนาคตในวันข้างหน้า เพื่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะได้ใช้อำนาจหน้าที่ ที่ได้รับมอบมาจากประชาชนอย่างถูกต้องเป็นธรรม และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง

ท่านนายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือจากนักการเมืองทุกท่านกับนักวิชาการ สื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนที่มีความรักในประเทศชาติ มีความรักในประชาธิปไตย ช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ ยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ยอมรับข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วหันมาร่วมมือกันแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งหลายเหล่านั้น เพื่อให้ประเทศชาติของเรานั้นก้าวหน้าและยั่งยืนต่อไป

สำหรับเรื่องการปรองดองนั้นจะต้องมีการพิจารณาศึกษาในรายละเอียดต่าง ๆ อย่างมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดกระบวนการที่เหมาะสมได้รับการยอมรับจากทุกส่วน ทุกฝ่าย ทั้งนี้ จำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างรอบคอบ ชัดเจน และเป็นไปตามหลักการของกฎหมาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดหวังว่า จะได้รับความร่วมมือ ร่วมใจจากทุกฝ่ายที่จะหาจุดประสานความร่วมมือเห็นชอบร่วมกัน โดยจะไม่นำความเห็นต่างที่มีคดีความที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตนั้นมาเป็นกรณีขัดแย้ง แต่จะดำเนินโดยหลักนิติรัฐ และนิติธรรมเป็นสำคัญ

ประเด็นที่ 3 เรื่องการเสนอข้อมูลที่ออกไปในทางกองทัพมีความขัดแย้งกันนั้น มีความพยายามจากบางส่วนที่จะนำเสนอข่าวในเรื่องนี้ ถ้าเกิดมีความขัดแย้งให้เกิดความแตกแยกในกองทัพ ท่านนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ในกองทัพนั้นเป็นปกติ กำลังพลทุกนายในกองทัพตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชา จนกระทั่งถึงกำลังพลคนสุดท้ายนั้น มีความรักความสามัคคีต่อกันดี การบริหารราชการภายในก็คงเป็นไปตามบทบาทภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของแต่ละท่าน แม้ว่าบางท่านอาจจะมีแนวความคิดที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือการเคารพต่อการตัดสินใจ การให้เกียรติซึ่งกันและกันตามหน้าที่ภาระของแต่ละคน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี คาดหมายว่า จะได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนที่จะยุติการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่จะออกไปในทางความขัดแย้งอย่างที่ผ่านมา เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นไม่เป็นข้อเท็จจริงและไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลย

ประเด็นที่ 4 เรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญ ท่านนายกรัฐมนตรีขอให้คำนึงถึงปัญหาของประเทศชาติที่ผ่านมาเป็นสำคัญว่าแต่ละภาคส่วนจะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาได้อย่างไร จึงจะเกิดประโยชน์ที่สุด และขอให้ทุกคนให้เกียรติและเปิดโอกาสให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งได้ตั้งขึ้นมาใหม่ตามกรอบของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว รวมทั้งมีบางส่วนที่อาจจะมีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับเดิม คือ คณะของท่านอาจารย์ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และสภาปฏิรูปแห่งชาติเดิมเข้ามามีส่วนสนับสนุนในการดำเนินการ เพื่อให้ทุกฝ่ายนั้นได้ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อจะนำพาประเทศชาติกลับมาสู่ความผาสุกโดยเร็วที่สุด

ในระยะต่อไปการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำเป็นจะต้องได้รับการรับรู้ ได้รับความร่วมมือ ได้รับความเห็นชอบทั้งจากสภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้ข้อสรุปในด้านต่างๆ ทั้งรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูป โดยการดำเนินการทุกอย่างนั้นจะต้องเป็นไปอย่างควบคู่กัน นำสิ่งที่รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ดำเนินการไปแล้วตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมาไปพิจารณาเพื่อที่จะวางแนวทางการดำเนินการให้เกิดความชัดเจนในระยะต่อไป หลังจากเดือนกรกฎาคมปี 2560 ซึ่งจะมีการเลือกตั้งมีคณะรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา

สิ่งที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์หรือมอบหมายกระผมเป็นผู้ชี้แจงแถลงข่าวในแต่ละห้วงเวลานั้น ก็เป็นไปเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีกับพี่น้องประชาชน สร้างความเข้าใจกับส่วนราชการ นักการเมือง ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้นภายในประเทศ เพราะว่าประเทศของเราจะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารราชการ การค้า การลงทุน และการดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนนั้น เป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก

สุดท้ายท่านนายกรัฐมนตรีได้ฝากพี่น้องประชาชนชาวไทยให้ตระหนักถึงเรื่องสำคัญ 4 ประการด้วยกัน

ประการที่ 1 คือ เรื่องความปลอดภัย นั่นหมายความว่า พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนคงจะต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่อง หากเห็นอะไรที่ผิดสังเกต ผิดปกติก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ร่วมกันตรวจตราให้เกิดความปลอดภัยกับสังคมอย่างแท้จริง

ประเด็นที่ 2 คือ เรื่องความยั่งยืน การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น ถ้าแก้ไขกันแบบเดิม ๆ ที่ผ่านมาก็จะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เมื่อแก้แล้วก็จะส่งผลต่อปัญหาใหม่เกิดขึ้นในระยะต่อ ๆ ไป ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นกำเนิดของปัญหาจริง ๆ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน

ประเด็นที่ 3 คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่ละส่วนแต่ละฝ่ายต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน นำมาซึ่งความร่วมมือร่วมใจในการดำเนินการร่วมกัน

และส่วนสุดท้าย ก็คือ ความสำนึกรู้ในบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ ทั้งในส่วนของตัวเองและทั้งในส่วนที่ตัวเองจะต้องมีต่อบุคคลผู้อื่นด้วย แสวงหาความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ลดความขัดแย้ง และปฏิบัติตามกฎหมาย มีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ขอให้ร่วมมือกันเดินหน้าเพื่อแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาของประเทศร่วมกัน

สำหรับสารของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 2 ก็มีเพียงเท่านี้ครับ ขอบพระคุณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น