ตามคาด! แกนนำ นปช.-ทีมกฎหมายเพื่อไทย รุมยำ “กรธ.ฉบับมีชัย” จับตาร่างรัฐธรรมนูญทำเพื่อส่วนร่วมหรือใต้บงการ ขู่! หากผิดเพี้ยนเจอระดมคว่ำรอบสองแน่ ด้าน “จตุพร” รอขย้ำ จับตา “มีชัย” ล้างบาปพฤษภาทมิฬปี 35 หรือสร้างบาปขึ้นมาใหม่ในปี 60
วันนี้ (5 ต.ค.) ภายหลัง คสช.ประกาศรายชื่อ 21 กรธ.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญ นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญของพรรค กล่าวถึงหน้าตาของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่า ดูหน้าดูตาแล้วแต่ละคนก็เป็นนักกฎหมาย ซึ่งเข้าใจว่าคงมาตามคำแนะนำของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษา คสช. อย่างไรก็ตาม วันนี้เมื่อมีความชัดเจนแล้วว่าใครรับผิดชอบก็ขอฝากความหวังไว้กับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ว่าจะเป็นร่างฯ ที่ทุกคนรับได้หรือไม่ เพราะหากเป็นร่างฯ ที่ออกมาไม่ตรงกับที่ประชาชนต้องการก็จะเป็นปัญหาต่อไปอีก
ทั้งนี้ การร่างครั้งนี้เป็นเรื่องท้าทาย เพราะเมื่อร่างเสร็จแล้วไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากใคร แต่ไปทำประชามติเลย นอกจากนี้ยังจะเป็นบทพิสูจน์ว่านายมีชัยจะนำการร่างรัฐธรรมนูญโดยยึดมั่นประชาธิปไตย ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อลูกหลานในอนาคต หรือร่างภายใต้บงการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ วันนี้สังคมคงจะจับตาดูแต่ละมาตรา ท่านจะต้องอธิบายให้ได้ว่าแต่ละมาตรานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ขอให้กำลังใจ กรธ.ทั้ง 21 คน
ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับที่นายมีชัยให้ความสำคัญต่อการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ หากร่างโครงสร้างการปกครองประเทศที่ผิดเพี้ยนไปจากระบบรัฐสภา ทำรัฐบาลหลังการเลือกตั้งไม่มีเสถียรภาพก็จะถูกคัดค้านอย่างกว้างขวาง ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญต้องตกไปเสีย ทั้งเวลาและงบประมาณจำนวนไม่น้อย จึงขอขอบคุณที่จะรับฟังความคิดเห็นที่จะเสนออย่างสร้างสรรค์
วันเดียวกัน มีรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมครอบครัว ได้จัดทำบุญเลี้ยงเพลพระภิกษุสงฆ์จำนวน 81 รูป ที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่พระธรรมเมธาภรณ์ หรือท่านเจ้าคุณระแบบ ฐิตญาโณ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ศักดิ์เป็นพี่ชายต่างมารดาของนายจตุพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 50 ปีของนายจตุพร มีแกนนำ นปช. และมวลชน นปช.จำนวนหนึ่งมาร่วมในงาน
นายจตุพรให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายมีชัยได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน กรธ.ว่า วันนี้เป็นงานบุญ ตนอยากเห็นประเทศไทยเริ่มต้นเดินหน้าไปได้ อย่างไรก็ตาม นายมีชัยมีบทเรียนชีวิตที่สำคัญ คือการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2534 ซึ่งเป็นชนวนนำไปสู่เหตุการณ์ในเดือน พ.ค. 2535 ตอนเขียนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2534 ตนมีโอกาสเจอนายมีชัยหนึ่งครั้งในช่วงของการพิจารณามาตรา 27 ซึ่งเทียบเท่ากับมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ตนก็ต่อสู้ให้เอามาตรานี้ออกไป และสุดท้ายนายมีชัยก็ยินยอม แต่หลังจากนั้นนายมีชัยก็ไปใส่มาตราที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจากการเลือกตั้งที่เป็นชนวนนำไปสู่ความตาย 40 ศพ และสูญหายอีก 40 ราย ในเหตุการณ์เดือน พ.ค. 2535 ที่จริงแล้ว มาตราที่เป็นตัวเลขอย่างบังเอิญที่สุด คือ มาตรา 35 ในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ถ้าไม่มีการแก้ไข ประเทศไทยก็จะนำไปสู่เหตุการณ์เมื่อเดือน พ.ค. 2535 เพราะมาตราดังกล่าว คือ ทีโออาร์ หรือสเปกของการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นกรอบทั้งหมด ถ้าไม่สามารถแก้กรอบนี้ได้ก่อนก็ไม่สามารถที่จะเขียนรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยได้ ตนไม่ได้คาดหวังจากนายมีชัย แต่คาดหวังว่าประเทศไทยไม่ควรจะโชคร้าย ควรจะเริ่มต้นนับหนึ่งประเทศไทยได้แล้ว เพราะขณะนี้ประชาชนและประเทศชาติอยู่ในสภาวะเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
ส่วนแนวคิดที่จะนำคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) มาใช้ ยังมีความเป็นไปได้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายจตุพรกล่าวว่า เรื่องนี้ คสช.ก็ต้องมีบทเรียน ตนไม่ได้สนใจว่า คสช.จะอยู่กี่วัน จะอยู่เป็นชาติก็อยู่ไป สำคัญคือวันคืนประชาธิปไตยต้องคืนมาให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคืนมาไม่ครบ ก็ไม่ควรนำมาคืน ตนไม่ได้สนใจอำนาจใดที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยนั้น ประเทศไทยก็ไม่ต้องการอยู่แล้ว เชื่อว่าเหตุการณ์ไม่ได้ง่ายที่จะทำอะไรเหมือนการเขียนรัฐธรรมนูญของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ท้ายที่สุดก็ต้องลงเรือแป๊ะอย่างหมดสภาพ เมื่อมีบทเรียนแล้วควรนำบทเรียนมาแก้ไข หรือจะย่ำรอยประวัติศาสตร์ที่เคยผ่านมาแล้ว
มีรายงานว่า นายจตุพรยังกล่าวผ่านรายการมองไกล เผยแพร่ทางยูทิวบ์ตอนหนี่งว่า คสช.ไม่กล้าไว้วางใจคนที่มีความเห็นต่าง นายมีชัยเป็นสมาชิก คสช. เป็นลูกพี่นายวิษณุ เครืองาม (รองนายกรัฐมนตรี) กับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ (อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ) การเขียนรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะเป็นล้างบาปในพฤษภาทมิฬ ปี 2535 หรือสร้างบาปขึ้นมาใหม่ในปี 2560 ที่จะมีการเลือกตั้ง ถ้าการเลือกตั้งภายใต้กติกาเหมือนปี 2535/1 รับประกันได้เลยว่า จะข้ามไปไม่พ้นเหตุการณ์พฤษภาทมิฬรอบสอง
“โดยส่วนตัวผมไม่มีอะไรกับนายมีชัย แต่เห็นปลายทางเห็นอนาคตว่าไม่ได้อยู่ว่าใครเก่งกฎหมาย แต่อยู่ที่มีความศรัทธาหรือเชื่อมั่นในอำนาจประชาชนหรือไม่ เพราะ 83 ปีมาแล้วเราบอกประชาชนยังไม่รู้ประชาธิปไตย เราใช้เวลาเรียนรู้ประชาธิปไตยถึง 83 ปียังไม่รู้เลย เมื่อปี 2475 เลือกตั้งครึ่ง-แต่งตั้งครึ่ง ผ่านไป 83 ปีเรายังต้องเลือกตั้งครึ่ง-แต่งตั้งขึ้นอีกหรือ แสดงว่าคนไทยมีวิวัฒนาการที่ช้ามาก ผมอยากบอกไปยังนายมีชัยและคนตั้งนายมีชัยว่า ความต้องการของท่านคืออะไร นายมีชัยสามารถทำได้ทุกเรื่องถ้าคนตั้งบอกมา ถ้าคนตั้งต้องการอะไร นายมีชัยจัดให้ได้ แต่หลังจากแต่งตั้งนายมีชัยแล้ว ต้องแสดงเจตนาก่อนว่าพร้อมต้องการเปิดประตูนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์และเป็นสากลตามที่ประกาศ ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 35 ทั้งสิบวงเล็บที่เป็นสเปกของรัฐธรรมนูญใหม่ นายมีชัยเขียนให้ตายถ้าไม่แก้ไขมาตรา 35 ออกเสียก่อนแล้วก็ไม่มีวันจะเขียนได้ ฉะนั้น ผมไม่ได้รอประชาธิปไตยออกมาจากนายมีชัย แต่นายมีชัยคือเนติบริกรใหญ่ที่สุด ใครจะฝากความหวังกับตัวบุคคลว่านายมีชัยเขียนออกเป็นอย่างนั้นเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญก็ฝันไปเถอะ เพราะมันไม่ได้อยู่ที่ใครรู้กฎหมาย”
วันนี้ครบ 50 ปี อยากจะบอกว่าการให้ท่านเป็นผู้นำในการปรองดอง ซึ่งคำนี้กลายเป็นคำเท็จไปแล้ว วันนี้สิ่งที่คนไทยอยากเห็น คือ อนาคตของประเทศ ว่าบ้านเมืองหลังจากนี้ประชาชนจะอยู่กันอย่างไร ได้นายมีชัยแล้วอย่างไร แต่การแสดงเจตนาว่าประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ตามแนวทางสากลนั้น ท่านบอกมาว่าสากลคืออะไร ก่อนหน้านี้แบบไทยๆ ก็หล่นจากเรือแป๊ะแล้ว ถ้าแบบสากลที่ไปร่วมประชุมสหประชาชาตินั้น ท่านต้องบอกนายมีชัยว่าสากล แต่อย่ามาบอกว่า สุดท้ายดูแล้วอย่างไงก็แบบไทยๆ บ้านเมืองไปไม่ได้