“ประยุทธ์” ลั่นปรองดองไม่มีระยะเวลา ลุยปฏิรูปต่อระยะ 2 พร้อมใช้ ม.44 ให้เกิดความมั่นคง ย้ำทำการเมืองนิ่งให้ ตปท.ลงทุน ถามเลิกตีกันหรือยัง ยันแกล้งตายไม่ได้ ห่วงชาติถึงมา ใครทำผิดต้องถูกจับ ปัดเลือกปฏิบัติ ชี้ยุทธศาสตร์ 20 ปีต้องเขียนให้ชัด แจงใช้แนวทาง ขรก.-ปชต.ฟังเสียงส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ไม่ห้าม กรธ.เชิญ “บวรศักดิ์” นั่งที่ปรึกษา แย้มหนุน ย้ำ รธน.แก้ไม่ได้ทุกอย่าง-อยู่ที่ใจทุกคน
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ถึงหลักเกณฑ์และระยะเวลาของแนวคิดการนิรโทษกรรมเพื่อปรองดองว่า ที่พูดเมื่อวาน (7 ต.ค.) มันผิดตรงไหน เรื่องนี้ไม่มีระยะเวลา แต่วันนี้ได้เริ่มทำปฏิรูปแล้ว ไม่ใช่ตนไม่ทำ ได้สั่งการ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มาทำการปฏิรูปของเขาในระยะที่ 1 เดิมจะจบอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีเวลา 6-4 - 6-4 ก็ยังมีเวลาอีก ยืนยันว่าช่วงแรกตนทำเรื่องการปฏิรูปอยู่แล้วทุกกระทรวง จะเห็นได้ว่าการบริหารราชการจะมีซูเปอร์บอร์ด แต่ก่อนไม่เคยมี คณะกรรมการต่างๆ หลายชุดมีการปรับไปบ้างแล้ว ระยะต่อไปเรื่องตำรวจ วันนี้มีการจับคนร้ายได้ ที่ผ่านมาจับไม่ค่อยได้ ตรงนั้นเป็นการปฏิรูปภายในของมันอยู่แล้ว บูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพ ทุกกระทรวงทบวงกรม บูรณาการข้ามกระทรวง ใช้จ่ายงบประมาณที่ผสมผสานกัน ไม่ใช่นำงบประมาณลงไปพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง หรือแต่ละกระทรวงแยกงานกันทำในกิจการงานเดียวกัน นี่คือการปฏิรูป การปฏิรูปคือการนำเรื่องเดิมมาทำใหม่ แก้ไขปรับระเบียบวิธีการ ปรับกฎหมาย สิ่งไหนไม่ดีก็ใช้มาตรา 44 เพื่อให้เกิดความมั่นคง ซึ่งความมั่นคงมีหลายด้าน ไม่ใช่เฉพาะรบทัพจับศึก มีความมั่นคงทางด้านอาหาร พลังงาน การต่างประเทศ เศรษฐกิจ ทั้งหมดเป็นการสร้างเสถียรภาพให้แก่ประเทศ โดยเฉพาะความมั่นคงในส่วนของรัฐและทางการเมือง
“วันนี้ผมถือว่ามาทำงานทางการเมืองด้วย แต่ผมไม่ใช่นักการเมือง แต่ทำให้การเมืองมันนิ่ง สร้างความไว้วางใจกับต่างประเทศ ทำให้เขาพร้อมที่จะมาทำการค้าการลงทุน แต่ถ้าทุกคนมาต่อยตีกับผมในวันนี้ อย่าคิดว่าวันหน้าเขาจะมานะผมจะบอกให้ วันนี้ผมเริ่มให้ เขาก็พร้อมจะมา เขาบอกกับผมแล้วว่าอยากให้บ้านเมืองเป็นอย่างที่ผมอยู่ในตอนนี้ ท่านทำกันได้ไหมเล่า รู้ว่าทุกคนคาดหวัง ผมก็คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะมาทำให้ได้อย่างผม อย่าให้มาต่อยตี ยุแยงตะแคงรั่ว สองฝั่งตีกันไปมาอีกมันไม่ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมกับถามสื่อว่าเลิกตีกันหรือยัง ใครบอกว่าเลิกแล้ว เลิกหรือไม่
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีคิดว่าสถานการณ์แบบนั้น แต่ละฝ่ายเลิกหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ เป็นเรื่องของท่าน ตนไม่ได้เก่งขนาดนั้น ตนไม่สนใจ เมื่อถามว่าเป็นการแกล้งตายหรือเปล่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แกล้งตายไม่ได้ มันต้องตายจริง แกล้งตายได้อย่างไร การแกล้งตายแสดงว่าที่มีการทำผิดกฎหมายหรือเปล่าตนไม่รู้ แสดงว่าแกล้งหยุดทำความผิดด้วยหรือเปล่า ตนไม่รู้ เมื่อถามว่า ตรงนี้น่าห่วงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวแบบประชดว่าไม่ห่วงเลย ไม่ได้ห่วงอะไรสักอย่างเลย ไม่ห่วงแล้วจะยืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ห่วงประเทศถึงต้องเข้ามาตรงนี้ เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงห่วงพวกที่แกล้งตายหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ห่วง กฎหมายมีอยู่ ใครทำผิดก็โดนจับ กฎหมายล้อเล่นได้ที่ไหน ไม่ใช่เอากฎหมายมาสู้กัน ที่ผ่านมาการกำกับดูแลเรื่องกฎหมายทำให้กฎหมายใช้ไม่ได้ มีการเลือกปฏิบัติ แต่อย่ามาบอกว่ารัฐบาลนี้เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่ ใครทำผิดก็ว่าไปตามผิด ใครอยู่ในกระบวนการยุติธรรมก็อยู่ไป เมื่อจบกระบวนการยุติธรรมแล้วติดคุก จะผ่อนผันอะไรกันต่อไปก็มีระเบียบอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่บรรเทาโทษไปจนถึงนิรโทษกรรมทำนองนี้ซึ่งต้องไปคุยกันต่อ ฉะนั้นถึงต้องมีกลไกที่จะทำเรื่องเหล่านี้ ปฏิรูปปรองดองขจัดความขัดแย้ง จะมีกฎหมายหรือมีอะไรทำ ตนไม่รู้ รัฐบาลหน้าจะทำหรือเปล่า ตนก็ไม่รู้ เพราะตนไม่อยู่แล้ว เข้าใจหรือยัง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่ออีกว่า การปฏิรูปในระยะจากนี้ไปเป็นระยะที่ 2 ที่จะต้องทำต่อ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องเขียนให้ชัดเจนขึ้น ในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม ถ้าเขียนแต่กรอบใหญ่ๆ กว้างๆ ก็ไม่ทำกัน หากเขาจะไม่ทำก็เรื่องของเขา ท่านก็ไปเรียกร้องเขาเองเหมือนที่เรียกร้องตนอยู่ทุกวันนี้ ตนทำ ท่านก็ไม่เข้าใจ แต่เวลาเขาไม่ทำท่านก็ไม่รู้จะถามอะไรอีกใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นวันหน้า ตนเอาใหม่ดีกว่า ไม่ต้องทำอะไรอยู่เฉยๆ ท่านก็ไม่รู้จะถามอะไรตนเหมือนกัน เพราะไม่ได้เดือดร้อน ให้ข้าราชการทำไป แต่การเข้ามาในวันนี้ใช้แนวทางข้าราชการบวกกับประชาธิปไตย ฟังทุกคนและมาพิจารณา จะได้ข้อยุติอย่างไร เสียงส่วนใหญ่ใครได้ประโยชน์ เสียงส่วนน้อยที่เสียประโยชน์จะดูแลกันอย่างไร ทำนองนี้ แต่ไม่ใช่ว่าใครเข้าข้างตนแล้วทำให้ทั้งหมด ไม่ใช่ ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะบ้านนี้เมืองนี้ไม่ใช่ของตน แต่เป็นของทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการตั้งที่ปรึกษา 9 คนของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยมีชื่อของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างฯ) ว่า แล้วแต่ทาง กรธ. หากมีคุณสมบัติก็เชิญเข้ามา ตนไม่ได้ห้าม รัฐธรรมนูญเขียนไว้หรือเปล่าว่าห้าม ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวแก้ไขใหม่ก็ไม่ห้าม ทุกคนมีคุณสมบัติ มีความสามารถทั้งนั้น อาจจะดีด้วยซ้ำเพราะนายบวรศักดิ์อยู่ใน กมธ.ยกร่างฯ ชุดเดิมที่ยกร่างมา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ก็บอกแล้วว่าจะนำรัฐธรรมนูญฉบับนั้นฉบับนี้มาพิจารณาผสมกัน โดยการนำมาศึกษาก่อน แล้วจะอย่างไรกันต่อไปท่านก็ยังไม่ได้ตอบสักอย่าง แล้วจะให้ตนตอบได้อย่างไรเพราะไม่ใช่เป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ เรื่อง 5 หลักการในการร่างรัฐธรรมนูญก็ว่ากันไปแล้วซึ่งก็ตรงกัน จะเอาอะไรอีก
“รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งสำคัญ เป็นกฎหมายหลักของชาติ แต่มันไม่ใช่แก้ไขทุกอย่างได้ ผมจะบอกให้ มันอยู่ที่ใจคนทุกคน อยู่ที่ใจ นักการเมืองทุกคน ข้าราชการทุกคน ประชาชนทุกคน ต้องช่วยทำให้บ้านเมืองนี้สงบ และเคลื่อนไปข้างหน้า กฎหมายอะไรก็เอาไม่อยู่ทั้งนั้น ถ้ายังเป็นแบบเดิม มันมีกฎหมายเป็นร้อยข้อ ยังเดินขบวนกันมา 6 เดือน ต้องไปดูตรงนู้นว่าจะแก้อย่างไร ไม่ใช่รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย พูดอยู่นั่น อะไรคือประชาธิปไตย มีสิทธิมีเสียง พูดทุกอย่างได้ จะเขียนด่าใครก็ได้ อยากทำอย่างนั้นต่อไปก็เชิญ ตามใจ จรรยาบรรณเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ผมต้องมีจรรยาบรรณกับทุกคน คนอื่นไม่ต้องมีหรือไง ผมไม่รู้” นายกรัฐมนตรีกล่าว