“สมคิด-บิ๊กตู่” เตรียมควงคู่ ประเดิมถก กรอ.เหนือ-อีสาน สานงานกระตุ้นเงิน 2 แสนล้านบาทถึงมือประชาชน ฟื้น กรอ.จังหวัด เสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจรอบใหม่ อัดฉีดเงินเข้าระบบ ผ่านกรอ.ส่วนกลาง-กรอ.จังหวัด สั่งเน้น “เอสเอ็มอี” ทำบัญชีแสดงงบดุล ง่ายแก่การพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน ขอความร่วมมือเข้าระบบให้ชัดเจน
วันนี้ (7 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับภาคเอกชน โดยมีผู้แทนภาครัฐบาลและผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม ภายหลังการประชุม พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วยนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าไทย นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวร่วมกัน
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนช่วยประชาสัมพันธ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ผู้ประกอบการในแต่ละสายงานของตนเองได้รับทราบ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน
“ภาคเอกชนบอกว่าสิ่งที่รัฐบาลส่งสัญญาณได้ดีมาก คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ 1 กันยายนเป็นต้นมา นายกรัฐมนตรีบอกว่าสัญญาณดี อย่าดีเฉพาะแค่ 5 เสือ สัญญาณดีต้องส่งต่อไปยังภาคธุรกิจเอกชนในแต่ละสายงานของท่าน ในส่วนรัฐบาลมีกลไกขับเคลื่อนจากส่วนกลางไปยังระดับท้องถิ่น ภาคเอกชนก็ต้องส่งสัญญาณไปแบบนี้เหมือนกัน เพื่อจะได้สอดรับกัน” พล.ต.สรรเสริญกล่าว
ในโอกาสนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้ความมั่นใจต่อภาคเอกชนว่า หลังจากที่ ครม.อนุมัติงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนกันยายน การดำเนินการค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งต่อข้อมูลและแผนงานต่างๆ ซึ่งตั้งใจว่าในช่วงเดือนตุลาคมนี้จะเร่งรัดขับเคลื่อนเม็ดเงินลงสู่ระบบให้ได้
โดยที่ประชุมฯ ได้มีการหารือมาตรการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการให้ทุกฝ่ายช่วยทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ต้องการให้มีการขึ้นทะเบียนถูกต้อง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเอสเอ็มอีและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น รวมถึงอยากให้มีการจัดทำบัญชีเอสเอ็มอีให้เกิดความถูกต้อง โดยให้ภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลความรู้ในการจัดทำบัญชีให้แก่เอสเอ็มอี และจัดทำเป็นระบบบัญชีเดียวเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของเอสเอ็มอีให้สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ได้สะดวกยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการปรับปรุงการทำงานของ กรอ.ระดับจังหวัด โดยที่ประชุมฯ มอบหมายแนวทางผ่านไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดว่าอยากให้การประชุม กรอ.ระดับจังหวัดในแต่ละครั้ง ควรมีการแยกวาระการประชุมในเรื่องเศรษฐกิจให้เป็นวาระพิเศษ เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลได้เน้นการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจที่กระจายความเจริญเติบโตไปยังท้องถิ่นเป็นหลักด้วย พร้อมทั้งสั่งการให้มีการฟื้นฟูการประชุม กรอ.ระดับภาค ซึ่งรัฐบาลจะมีการส่งตัวแทนจากส่วนกลางไปติดตามการทำงานของ กรอ.ระดับจังหวัดด้วย
นายกฯ ให้ความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการในการอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบว่า หากทำตามกฎระเบียบที่วางไว้ก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องข้อกล่าวหาเรื่องของการทุจริต เพราะสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่ต้องการให้มีการขับเคลื่อนการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นายปรเมธีกล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี หลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาตรการทั้งให้สินเชื่อกองทุนหมู่บ้าน การจัดสรรงบประมาณตำบลละ 5 ล้านบาท และการช่วยเหลือเอสเอ็มอี การตั้งกองทุนร่วมลงทุน รวมถึงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง จึงต้องการให้ภาคเอกชนได้ร่วมขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล รวมทั้งการฟื้นคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนในระดับจังหวัด และ กรอ.ในระดับภูมิภาค เพื่อต้องการให้ภูมิภาคได้ติดตางเร่งรัดดำเนินงานตามมาตรการของรัฐที่ออกไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา และให้ กรอ.จังหวัดได้เสนอแผนพัฒนาพื้นที่ให้มีความเข้มแข็ง ทั้งด้านการท่องเที่ยว พัฒนาสินค้า OTOP การท่องเที่ยว การสร้างตลาดกลางชุมชน เพื่อเสนอมายัง กรอ.ส่วนกลาง ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ กรอ.จังหวัดศึกษาแผนงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่
ในที่ประชุมยังได้หารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยภาครัฐได้ให้ข้อมูลภาพรวมการขับเคลื่อนการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 2 แสนล้านบาท ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจได้ระบุในที่ประชุมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าดำเนินการไปได้ด้วยดี แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงทำแผน ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้จะเร่งรัดให้เม็ดเงินส่งไปถึงมือประชาชนจากเดิมที่กำหนดไว้สิ้นปี
นายอิสระกล่าวว่า ที่ผ่านมา กรอ.จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานอาจไม่ได้ประชุมเรื่องเศรษฐกิจเท่าที่ควร ดังนั้นจึงเสนอโครงสร้าง กรอ.จังหวัดที่เน้นด้านวิชาการและเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และภาคประชาสังคมได้เข้ามาทำงานร่วมกันมากขึ้น ภาคเอกชนจะเสนอแผนพัฒนาท้องที่ ขณะที่เอสเอ็มอีจะพิจาณาการเริ่มต้นธุรกิจในพื้นที่ เพื่อให้เอกชนนอกระบบเข้ามาจดทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบมาตรฐานทางบัญชี โดยมีกรมสรรพากรเข้ามาช่วยอบรม มหาวิทยาลัยช่วยออกแบบซอร์ฟแวร์ด้านบัญชี
นายบุญทักษ์กล่าวว่า ถ้าเอสเอ็มอีทำบัญชีให้ถูกต้องจะส่งดีในระยะยาวเมื่อต้องขยายกิจการ เพราะสถาบันการเงินได้พิจารณาสินเชื่อผ่านงบการเงินได้สะดวกขึ้น และหลังจากรัฐบาลได้ให้ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรน ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS5 (ปรับปรุงใหม่) วงเงิน 1 แสนล้านบาท ผ่าน 19 ธนาคารพันธมิตร นับว่าได้รับความสนใจจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบการ SMEs เป็นจำนวนมาก ขณะนี้ บสย.อนุมัติค้ำประกันไปแล้ว 2,030 ล้านบาท จึงคาดว่าจะทำยอดวงเงิน 10,000 ล้านบาทต่อเดือน และทำให้ยอดการปล่อยสินเชื่อทั้งปีขยายตัวได้ร้อยละ 6.5
นายนพพรกล่าวว่า รัฐบาลมีความพยายามที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน และมีความเข้มแข็ง ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ทำให้ต่างประเทศมีความมั่นใจในการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมร่วมต้องการให้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ระดับจังหวัดและระดับภูมิภาคติดตามนโยบายของรัฐบาล คณะกรรมการระดับจังหวัด ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสหากรรม (ส.อ.ท.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อเสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ เพราะเป็นการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหม่ เพื่อต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตจากภายในประเทศ หวังลดการพึ่งพาการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งมักจะเกิดความผันผวน โดยเร็วๆ นี้จะร่วมกับนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ประชุมร่วมกับ กรอ.จังหวัด