“รมว.คลัง” เตรียมชง “ครม.” อัดฉีดเงินกระตุ้น ศก. ผ่านกองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้รากหญ้ามีเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และเร่งรัดเงินผ่านโครงการขนาดเล็กในชุมชน โดยเสนอเป็นแพกเกจเพื่อช่วยเหลือในหลายด้านให้มีกำลังซื้อเพิ่มเติม
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนาวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังประจำปี 58 “นวัตกรรมการคลังการเงินเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย” โดยระบุว่า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะสั้น ในสัปดาห์หน้ากระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการช่วยเหลือในระดับรากหญ้า โดยเสนอเป็นแพกเกจเพื่อช่วยเหลือในหลายด้านให้มีกำลังซื้อเพิ่มเติม เช่น แผนเติมเงินผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง นับว่าเป็นการอัดฉีดเงินก้อนใหม่ที่ไม่ใช่วงเงิน 40,000 ล้านบาทเดิมที่ได้นำส่งไปแล้ว ผ่านการใช้เงินงบประมาณ และเงินของแบงก์รัฐ เช่น ออมสิน ธ.ก.ส. ปล่อยกู้ให้กับกองทุนหมู่บ้านฯ ปลอดดอกเบี้ย หรือดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำไปให้ปล่อยกู้ให้ชาวบ้านผู้เป็นสมาชิกกองทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าร้อยละ 5 อย่างแน่นอน
โดยมีเงื่อนไขห้ามนำไปชำระหนี้เดิม แต่ให้นำไปใช้ในการประกอบอาชีพ เพราะไม่ต้องการให้เงินฟรีกับชาวบ้าน แต่ต้องการให้นำเงินไปใช้หมุนเวียนประกอบอาชีพ เพื่อให้ต้นทุนลดลง เนื่องจากเห็นว่าการอัดฉีดเงินผ่านกองทุนหมู่บ้านรวดเร็วกว่าผ่านขั้นตอนภาครัฐ เพราะเงินลงไปถึงมือชาวบ้านได้รวดเร็ว ด้วยการให้กรรมการกองทุนหมู่บ้านผู้อยู่ใกล้ชิดกับสมาชิกช่วยกำกับดูแลการใช้เงิน เพราะรู้ว่าใครประกอบอาชีพอย่างไร
หากกองทุนใดยังมีปัญหาบริการจัดการ จะเข้าไปดูแลโดยมีมาตรการจูงใจให้เร่งปรับตัวก่อนส่งเงินให้ในภายหลัง เพื่อให้กลุ่มชาวบ้านมีเงินทุนหมุนเวียน โดยไม่ใช่เงินให้เปล่าจากรัฐบาล เพื่อต้องการเติมเงินสู่ระบบในช่วงสั้น เนื่องจากขณะนี้ระดับรากหญ้าประสบปัญหาจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง จึงขาดกำลังซื้อในชนบท
นอกจากนี้ รัฐบาลจึงเตรียมออกมาตรการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบผ่านโครงการลงทุนขนาดเล็กมีการลงทุนเร็ว เบิกจ่ายเร็ว เพื่อให้ผู้รับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กในชนบทได้รับงาน และเกิดการจ้างงานในชุมชน ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และการขายสินค้าต่อเนื่อง รวมทั้งต้องต้องการผลักดันให้ภาคเอกชนขยายการลงทุนเพิ่มเติม หากรายใดได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI แล้ว หากเร่งลงทุนก่อสร้างจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่ภาคเอกชน การส่งเสริมให้เอกชนจัดทำบัญชีเดียว และแผนนิรโทษกรรมการเสียภาษี เพื่อกลับมาเริ่มจ่ายภาษีให้กับภาครัฐอย่างถูกต้อง เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย การเสียภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้การรั่วไหลลดน้อยลง แผนการปฏิรูปจะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว