“ประยุทธ์” สัมภาษณ์สื่อ voathai ประทับใจทุกคนรู้เหตุในไทย และแสดงความเสียใจเหตุบึ้มพร้อมชมคลี่คลายเร็ว หลายชาติยันให้ประชาชนเที่ยวไทยต่อ แจงใช้อำนาจน้อยที่สุด ไม่ปิดกั้นเสรีภาพห้ามแต่ห้ามชวนประท้วง ย้ำมีโรดแมปอยู่แล้ว เร่งได้ก็จะทำ แนะให้ดูสงบหรือไม่ ชี้ ปชต.ไทยยังต้องแก้ไข แก้ขัดแย้ง รับถ้าดีอยู่แล้วคงไม่เข้ามา ฝากมิตรประเทศช่วยหนุนไทยเดินหน้า
วันนี้ (30 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจในการเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 70 ที่นครนิยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้ให้สัมภาษณ์กับวอยซ์ ออฟ อเมริกา ภาษาไทย (voathai) ถึงการประชุมและสถานการณ์ในประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ สิ่งแรกที่ประทับใจคือทุกคนรู้ว่าประเทศไทยเกิดอะไรขึ้น เช่นเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ โดยทุกคนแสดงความเสียใจและเสียดายเพราะประเทศไทยมีความสงบสุข น่าท่องเที่ยว เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นจึงรู้สึกเสียดาย อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ชื่นชมว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วเจ้าหน้าที่สามารถคลี่คลายคดีได้ในเวลาไม่นานทำให้เกิดความเชื่อมั่นในประเทศ โดยตนได้ขอบคุณมิตรประเทศที่ส่งกำลังใจให้เรา และหลายประเทศต่างยืนยันที่จะให้ประชาชนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยต่อไป ถือเป็นการช่วยเหลือกันยามยาก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้คนไทยรักกันมากขึ้น และต่างประเทศเข้าใจเรามากขึ้น เพราะเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทั่วโลก เนื่องจากมีคนเยอะขึ้นแต่เราก็ต้องมีมาตรการเพื่อรองรับความเสี่ยงมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันว่าวันนี้ตนใช้อำนาจที่มีอยู่น้อยที่สุด ดังนั้นที่มีการกล่าวอ้างโดยอาจอ้างต่างประเทศด้วยว่ามีการปิดกั้นเสรีภาพ ตนไม่เคยปิดกั้น เพราะถ้าปิดกั้นทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนี้ จะไม่มีใครพูดแบบนี้ ทั้งหนังสือพิมพ์ และการแถลง แต่ตนห้ามเฉพาะการชักชวนให้คนออกมาเดินประท้วงเนื่องจากไม่ใช่เวลา และมีกฎหมายระบุชัดว่าห้ามชุมนุมสร้างความขัดแย้ง สร้างความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้วางโรดแมปไว้แล้วว่าจะต้องมีรัฐธรรมนูญซึ่งต้องมีการรับหลักการในเบื้องต้น และขึ้นอยู่กับว่าจะรับหรือไม่รับ หากไม่รับก็จะเหมือนครั้งที่ผ่านมา คือร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่อีก เนื่องจากในรัฐธรรมนูญชั่วคราวเขียนไว้ว่าหากไม่ผ่านการเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็ต้องร่างใหม่ใช้เวลา 6 เดือน จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการทำประชามติ และต่อด้วยกฎหมายลูก จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งโดยใช้สูตร 6-4 - 6-4 รวมเป็น 20 เดือน ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการยืดเวลาออกไป เพราะมีเวลาที่เพิ่มมาเพียง 6 เดือนเท่านั้น ทั้งนี้หากสามารถทำได้เร็วกว่า 20 เดือนก็จะทำ
“อยากให้ดูประเด็นว่าประเทศไทยสงบหรือไม่ หากสมมติว่าร่างรัฐธรรมนูญออกมาได้แล้วเข้าสู่การเลือกตั้งแล้วใครจะเป็นรัฐบาล รัฐธรรมนูญสำหรับประเทศไทยจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีอะไรแตกต่าง ในห้วงระยะหนึ่ง จะมีอะไรที่เป็นมาตรการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเช่นเดิม ผมคิดว่าในโลกนี้ไม่มี ที่เกิดบ้านเรานั้นเป็นสิ่งที่แปลก เพราะเมื่อเขาเลือกตั้งเสร็จก็จบ ยอมรับกัน แต่ของเราที่ผ่านมามีปัญหาตรงนี้ แล้วต้องช่วยกันอธิบาย ให้เขาเข้าใจว่าประชาธิปไตยไทยยังต้องมีการแก้ไขปรับปรุงบางอย่างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นตัวรัฐธรรมนูญการเลือกตั้ง การบริหารราชการแผ่นดิน การเข้าสู่การเมืองของนักการเมือง เราอยากเป็นประชาธิปไตยเหมือนคนอื่นเขา ที่ไม่มีความขัดแย้งสามารถนำพาประเทศไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ผมก็ทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นอย่างนั้น” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศต่างก็เคยผ่านปัญหาเหล่านี้ด้วยกันทั้งสิ้น ในฐานะเป็นคนไทยอยากฝากไปยังมิตรประเทศว่าถึงอย่างไรประเทศไทยก็จะยังอยู่บนโลกใบนี้ ในเมื่อเราก็ไปไหนไม่ได้ ท่านก็ต้องช่วยเรา สนับสนุนเรา ให้เราเดินหน้าประเทศ ให้ประเทศเป็นเหมือนอย่างที่ท่านเป็น เหมือนอย่างนานาอารยประเทศ เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ที่ผ่านมามิตรประเทศอาจนึกภาพไม่ออกว่าประชาธิปไตยไทยเป็นอย่างไร แต่มีความรุนแรงเกิดขึ้น มีการใช้อาวุธมีการปิดล็อกประเทศ ตนจึงเข้ามา แต่หากประเทศของเราดีอยู่แล้วตนก็ไม่เข้ามา