xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” คืนเก้าอี้ “หมอณรงค์” เหตุสอบสวนไม่ชัด ย้ำไทยต้องมียุทธศาสตร์ชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (แฟ้มภาพ)
นายกรัฐมนตรีบอกให้ “หมอณรงค์” กลับนั่งปลัด สธ.เหตุสอบสวนไม่ชัด ยันให้ทุกคนได้รับความยุติธรรม ชี้ปัญหาประชาธิปไตยไทยดูคดี “ชนม์สวัสดิ์” ตัวอย่าง ถ้ามองสิทธิเสรีภาพแต่หน้าที่หายก็วุ่นวายเหมือนเดิม ย้ำต้องมียุทธศาสตร์ชาติ ระบุส่งออกทุกประเทศตกหมด แต่เราขายได้

วันนี้ (5 ส.ค.) ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เมื่อเวลา 13.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีลงนามในคำสั่งให้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ถูกย้ายให้มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี กลับไปปฏิบัติราชการที่ สธ.ตามเดิมว่า ให้เขากลับไปเพราะการสอบสวนยังไม่ชัดเจน เคยบอกแล้วว่าหากไม่ชัดเจนในเรื่องของความผิดต่างๆ ก็ให้กลับไปทำงานไปก่อน ถือว่าให้เกียรติกันเพราะเป็นระดับผู้ใหญ่แล้ว และ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ก็เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งนั้นคงเข้าใจกัน เจตนารมณ์ของตนการสอบสวนก็ไม่ได้ชัดเจนว่ามีความผิดมากมายตรงไหน แต่เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเกี่ยวข้องกับการทุจริตนั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เขาก็สอบอยู่ ไม่ว่าจะเรื่องสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือเรื่องที่มีข่าวก็สอบทั้งหมด อย่างบางคนเกษียณอายุไปแล้วแต่ยังมีชื่ออยู่ในความผิดเพราะมีคดีค้างอยู่ การทำความผิดมันก็ผิด แต่ต้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการดีกว่าที่ตนจะไปสั่งเอง ว่าคนนั้นผิดคนนั้นถูก แต่ตนทำให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมในเมื่อมีปัญหาก็เอาออกมาแล้วสอบสวน พอสอบสวนไม่ชัดเจนก็กลับไปก่อนจนกว่าจะชัดเจน ถ้าชัดเจนก็เอาออกอีก หรือไม่ก็ลงโทษไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้ลงโทษกันมาตลอด เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมาก็มีคดีนักการเมือง กี่ปีมาแล้ว ตรงนี้คือปัญหาประชาธิปไตยไทยที่เป็นอย่างนี้ความผิดมันยืดยาวไปหมด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ต้องมาดูกฎหมายว่ารัฐธรรมนูญในช่วงที่เปลี่ยนผ่านจะต้องมีรัฐธรรมนูญที่รัดกุมแค่ไหน ให้ความเป็นธรรมต่อคนเท่าไหร่ แล้วก็สร้างความเชื่อมั่นให้แก่คนไหมว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร คือถ้าเรามองว่าประชาธิปไตยอย่างเดียว สิทธิเสรีภาพอย่างเดียว หน้าที่มันก็หายไป แล้วก็จะวุ่นวายเหมือนเดิม ประเทศอื่นเขาก็วุ่นแบบเรา เขาวุ่นมานานแล้ว แต่เขาใช้วิธีการมาดูเรา แล้วเราจะทำอย่างไร จะแข็งขืนได้แค่ไหนแต่ก็ไม่ได้มากนัก เราต้องแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวว่าเรากำลังเจอปัญหากันอยู่ คนทั้งประเทศทั้งภาคส่วนก็ยอมรับว่าเรามีปัญหา นักการเมืองก็ยอมรับว่ามีปัญหา เรื่องกระบวนการยุติธรรมก็ไปสู้กัน เพราะทุกคนก็ต้องกล้าทำกล้ารับกันอยู่แล้ว ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีโทษ ไม่มีภัยกันอยู่แล้ว ผิดก็ผิดเดี๋ยวก็จบ เพราะฉะนั้นจะต้องมามองว่าระยะเวลาข้างหน้า ที่ตนบอกว่าจะต้องมียุทธศาสตร์ชาติเราไม่เคยมี เป็นนโยบายของการเมืองตลอดของทุกรัฐบาล ก็จะมีนโยบายพรรค ว่าพรรคจะต้องทำอย่างไร ส่วนใหญ่ประชาชนก็จะชอบเพราะมันเร็ว แต่จะไม่ยั่งยืนความเข้มแข็งประเทศไม่มี ในทุกภาคส่วนไม่ใช่ว่าเลวร้ายมาก แต่ทำให้รับความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกไม่ได้ และขีดความสามารถการแข่งในประเทศลดลง ขณะที่ประเทศอื่นเขาพัฒนาเรื่อยๆ เหมือนกับเราเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ที่มีการลงทุนนอกประเทศมากๆ วันนั้นเราขึ้นสูง แต่วันนี้เริ่มทรงตัว พอทรงตัวทุกอย่างก็เริ่มเก่าเริ่มถอย ขายก็ไม่ออก ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลง ตรงนี้ก็ไปไม่ได้ มันจะยิ่งตกไปกว่านี้ ฉะนั้นต้องมีการคิดเรื่องเศรษฐกิจกันใหม่ หารายได้เข้าประเทศกันอย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้ก็ยินดีที่การท่องเที่ยวช่วยเราไว้เยอะ หลายเปอร์เซ็นต์ที่เอามาทดแทนส่วนการส่งออกที่ตกลงไป แต่มันไม่สามารถทดแทนได้หมด มันตกหมดทุกประเทศ มันตกก็คือตก แล้วเราได้ทำอะไร ก็ทำทุกอย่าง ถึงแม้มันจะตก แต่เราก็ขายของได้มากขึ้น ไปหาตลาด เช่น ที่แอฟริกา ที่เพิ่งเปิดสมัยนี้หรือที่ญี่ปุ่นกับจีน เกาหลี ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาทำไมเจรจากันไม่ได้ แล้วทำไมเราเจรจาได้ ก็ไม่เข้าใจ ตนก็ไปพูดทุกประเทศว่าให้ช่วยกัน ยิ่งอาเซียนถ้าไม่ซื้อกันเองแล้วจะทำอย่างไร จะไปขายใคร แล้วไปขายคนอื่น ต้องไปแข่งขัน คนอื่นก็กดราคาลง เราก็ขาดทุน วันนี้ถึงได้ชวนกันว่าจะต้องทำอย่างไร ทั้งเรื่องไตรภาคีเรื่องยางพาราและเรื่องข้าว ก็ต้องไปคุยกันว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งอาเซียนเป็นอู่ข้าวอู่น้ำโลกต้องรวมกันให้ได้ ส่วนหนึ่งอาจร่วมกันแบ่งสันปันส่วนโควตากันขาย ส่วนที่สองก็ต้องแข่งขันกันตามคุณภาพสินค้า ส่วนที่สามก็ต้องร่วมมือกันไป วันนี้ต้องเป็นอย่างนี้หมด เราต้องปรับโครงสร้างรายได้ประเทศ 70 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออกคือผลิตผลทางการเกษตร รัฐบาลก็ต้องเร่งพัฒนาโดยใช้เงินส่งเสริมหลายพันล้านบาท เพื่อไปจับกิจการที่มีศักยภาพที่มีอยู่ประมาณ 2,600,000 แห่งซึ่งต้องกู้ให้ได้ทั้งหมด แล้วจะเอาเงินจากที่ไหนมาให้กู้ ต้องไปดูว่ากิจการไหนที่ศักยภาพ ไปได้ก็ให้ไปก่อน อันไหนที่ล้มแล้วแต่ยังมีศักยภาพก็ต้องฟื้นขึ้นมา วันนี้ตนสั่งการไปอย่างนี้ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ที่ผ่านมายังจับต้องไม่ได้แต่ข้าราชการเขาก็ทำ ที่ผ่านมามันไม่มีความชัดเจนแต่วันนี้ต้องกำหนดให้มีความชัดเจนให้ได้ ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร จบเมื่อไหร่


กำลังโหลดความคิดเห็น