“บิ๊กตู่” แจงชุมนุมต้องขออนุญาต หลังมีกฎหมายชุมนุม ชี้หลายชาติก็ใช้มีระเบียบ อย่ามองจำกัดสิทธิ ย้อนชุมนุมแบบประชาธิปไตยทำได้ เว้นแต่เจตนาไม่บริสุทธิ์ ไม่กลัวถูกต้าน เชื่อความสงบดีขึ้น ขอบคุณอาชีวะหนุน ห่วงฝ่ายหนุน-ต้านปะทะกัน ฉะพวกขุดเหตุอดีตมาเสี้ยม รับ UN คงเชิญร่วมประชุมอยู่ ให้แสดงวิสัยทัศน์ เล็งพูดเรื่องโลกร้อน ชี้เรื่องผลงานใจร้อนไม่ได้ ย้อนที่มันแย่เพราะอะไร เชื่อร่าง รธน.เสร็จตามกรอบ
วันนี้ (15 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงราชกิจานุเบกษาลงประกาศพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณ พ.ศ. 2558 โดยการชุมนุมจากนี้ไปต้องขออนุญาตจากพนักงานฝ่ายปกครอง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐว่า กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หลังจากลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 30 วัน ซึ่งจะบังคับใช้กับผู้ชุมนุมทุกกลุ่มหลายประเทศในโลกก็ใช้มีกฎหมายนี้ อย่าไปมองในแง่ที่เจ้าหน้าที่จะจำกัดสิทธิ์ใดๆ ถ้าการชุมนุมเป็นการชุมนุมโดยบริสุทธิ์ ไม่ใช้ความรุนแรง หรือมีอาวุธ เป็นการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตยก็ทำได้หมด ใครจะไปห้าม เว้นแต่เจตนาไม่บริสุทธิ์เท่านั้นที่พร้อมจะขยายความรุนแรงให้เกิดขึ้น ซึ่งเราก็เห็นบทเรียนมาแล้วไม่ใช่หรือ
“ผมไม่ได้เกรงว่าวันนี้จะมีใครมาต่อต้านตัวผม เพราะผมไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงอยู่แล้ว ผมมาเพื่อที่จะแก้ปัญหา แต่ก็คิดว่าการต่อต้านก็มีบ้างเป็นธรรมดา แต่ต้องนึกถึงคนอีก 60 กว่าล้านคนเขาว่าอย่างไร อย่าไปเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ทั้งหมดมันไม่ได้หรอก วันนี้สถานการณ์ก็เป็นอย่างนี้อยู่ ผมคิดว่ากฎหมายการชุมนุมที่ออกมานี้ไปว่ากันรัฐบาลหน้าโน้นสำคัญที่สุดเขาจะอยู่กันได้อย่างไร ถ้ามีกฎหมายตัวนี้ความสงบเรียบร้อยน่าจะดีขึ้นหรือไม่ ก็ไปหามาตรการดูเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไรให้เกิดการถ่วงดุลอะไรต่างๆไปว่ามา ซึ่งคิดว่าคนก็อยากจะทำให้สงบ และภาระเจ้าหน้าที่ก็เยอะทำอย่างไรภาระของเจ้าหน้าที่จะลดลง การชุมนุมจะปลอดภัย การชุมนุมไม่ยืดเยื้อ ผมเห็นในต่างประเทศเขาไม่ชุมนุมกันเยอะขนาดนี้ ประเทศที่ผมไปล่าสุดเขามีการชุมนุม มีอาณาเขตชัดเจน หน้าสภา หน้าทำเนียบ จำนวนหนึ่งของผู้ชุมนุมอนุญาติให้เข้าข้างใน หากจะชุมนุมเพิ่ม ผู้ชุมนุมเดิมต้องกลับบ้านไป เขามีระเบียบได้ แต่เราชุมนุมเอาคนเยอะเข้าไว้ ไม่ได้ มันวุ่นวายอย่างอื่น ผมไม่ได้หมายความว่าทำเพื่อวันนี้ แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนเสนอขึ้นมา ครม.พิจารณามีประโยชน์แม้จะมีความเห็นขัดแย้งกันบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องการพิจารณาของ สนช.ผมไม่ได้ไปสั่งให้ผ่านหรือไม่ผ่าน เมื่อทุกคนลงความจะต้องมี ก็มีไปสิ มันเดือดร้อนใครอย่างไรหรือเปล่า ถ้าชุมนุมตามปกติของรัฐธรรมนูญก็ทำได้ เพียงแต่ขออนุญาตให้ชัดเจน อย่าให้ยืดเยื้อ หรือใช้ประโยชน์ไปทางด้านอื่นๆ อีก อย่าไปกลัวเลย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นักเรียนอาชีวะออกมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอบคุณ เพียงแต่ขออย่าให้เกิดความรุนแรงขึ้น ที่ผ่านมาเคยบอกว่าเป็นห่วงผู้สนับสนุนกับคนไม่สนับสนุนจะปะทะกัน ได้ขอร้องไป เขาก็รับปากแล้ว เขาจะสนับสนุนในทางสันติ ตนไม่อยากให้มาตีกันอีก นักเรียนนักศึกษาตีกันมาจะเกิดอะไรขึ้นมา แม้จะตีเข้าข้างตนเองก็ไม่เห็นด้วย ต้องใช้สันติวิธีเดินหน้าประเทศไทยให้ได้ วิธีการดีที่สุดคือต่างคนต่างช่วยกันพูด นักศึกษาขอร้องกันเอง นักศึกษาที่อยู่ตรงกลางไปคุยกับน้องๆ ว่าจะเอาอย่างไร แต่ส่วนหนึ่งก็พยายามไปขุดปีโน้นปีนี้ขึ้นมา มันเหมือนกันที่ไหนอยากให้มันเกิดมาหรืออย่างไรขอถามหน่อย เขียนแบบนี้ทำนองระวังจะเกิดเหมือนปี 2535 ปีนี้ปีนั้นอะไรของท่าน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบข้อซักถามกรณียังยืนยันจะเดินทางไปร่วมประชุมที่องค์การสหประชาชาติในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ว่า ถึงวันนี้ทางยูเอ็นก็ยังเชิญมาอยู่ เขายังไม่ได้เลิกเชิญตน แต่ไปครั้งนี้เป็นคนละเรื่องไม่ได้ไปที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย แต่เขาเชิญไปเพื่อให้ตนไปแสดงวิสัยทัศน์ ถือเป็นเรื่องที่ทางยูเอ็นให้เกียรติกับตน ตนก็รับมาเตรียมการ ก็สุดแล้วแต่ว่า เมื่อถึงเวลาจะเกิดอะไรขึ้น ตนก็ไม่รู้ แต่ตนก็พร้อมที่จะพูดกับคนทุกคนและทุกประเทศในโลก
เมื่อถามถึงประเด็นที่จะนำไปแสดงวิสัยทัศน์ในเวทีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเวทีที่พูดถึงความร่วมมือของประชาคมโลก แต่ไม่ได้พูดถึงประชาธิปไตยไทย พูดถึงเรื่องของโลกร้อน วิสัยทัศน์ในการทำอย่างไรให้โลกนี้ปลอดภัย การดูแลคนทุกหมู่เหล่า ทุกประเทศ ทุกเชื้อชาติ ทุกวรรณะ ส่วนเรื่องปลีกย่อยก็เป็นเรื่องการปกครองของแต่ละประเทศ ซึ่งก็เป็นเรื่องของแต่ละประเทศ หลักการของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็ต้องมีความขัดแย้งอยู่แล้ว แล้วทำไมเราต้องไปขยายความขัดแย้งของเขามาทำให้เรามีปัญหา ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องต่างๆ ทุกคนก็รู้ดีว่าปัญหาเกิดมาจากที่ไหนก่อน และวันนี้ตนเข้ามาทำอะไร ไม่ใช่ของมันดีอยู่แล้ว แล้วตนมาทำให้แย่ลง ที่ผ่านมามันแย่จนจะติดดินอยู่แล้ว ตนก็เข้ามาพยุงไว้เท่านั้นเอง
“ท่านก็พยายามจะพูดให้ผมเสียหาย ผมขอถามว่าถ้ามันแย่ลงเพราะอะไร ไปหามาให้เจอก่อน วันนี้ขอร้องว่าอย่าพูดให้เศรษฐกิจมันแย่ลง บางครั้งเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว แล้วก็มาพูดกันออกไป ถ้าเวลาปกติจะว่าใครวิจารณ์ใครว่าไม่มีความรู้ สามารถวิจารณ์ได้ แต่วันนี้เป็นยุคและเวลาแห่งความร่วมมือ เวลาแห่งการขยายความเข้าใจที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ แล้วเรื่องของผลงานจะไปใจร้อนไม่ได้ ไม่ว่าจะกี่รัฐบาล บางเรื่องสำเร็จหรือไม่ วันนี้รัฐบาลนี้มาทำสำเร็จสัก 20 เปอร์เซ็นต์ ในกิจกรรมต่างๆ ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจแล้ว ในเวลา 1-2 ปีที่ทำงานมา บางอย่างก็ทำได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ถ้าเปรียบเทียบเฉพาะสถานการณ์วันนี้ของรัฐบาล โดยไม่พูดถึงสถานการณ์และความเป็นมามันก็ต้องแย่ลงเป็นธรรมดา เพราะสถานการณ์แต่ละปีมันแตกต่างกัน แม้แต่ปี 2549 ก็ยังไม่เหมือนสถานการณ์ปัจจุบันเลย ประชาชนแบ่งออกเป็นกี่กลุ่มความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างไร ฝากให้สื่อไปวิเคราะห์กันใหม่”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อถึงความคืบหน้าร่างแก้ไขรัฐธรรม (ฉบับชั่วคราว) 2558 ที่ได้มีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้วว่า เรื่องนี้ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าทันกรอบระยะเวลาที่มีการกำหนดไว้ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ซึ่งขั้นตอนต่างๆ เมื่อมีการประสานงานลงมา ทางเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็จะมีการประสานงานมายังตน และดำเนินการไปตามขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติ