xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ไฟเขียวรื้อคดีโกงค้างปีทุบกล่องดวงใจครอบครัวแม้ว!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเคยประกาศย้ำว่าจะไม่ปรองดองกับคนทำผิดกฎหมาย และให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย และล่าสุดความหมายของคำพูดดังกล่าวก็เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นไปอีก เมื่อมีรายงานออกมาตามสื่อว่าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เขาได้กำชับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที “อุตตม สาวนายน” เร่งรัดให้บริษัท ทีโอที เรียกค่าชดใช้จากบริษัทโทรศัพท์มือถือ “เอไอเอส” กรณีมีการแก้ไขสัญญาโดยมิชอบทำให้บริษัท ทีโอที เสียประโยชน์ร่วมแสนล้านบาท

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ในยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจ และบริษัท เอไอเอสในยุคที่มีครอบครัวของทักษิณเป็นเจ้าของ และคดีที่ว่านี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เคยพิพากษาเอาไว้แล้วเมื่อหลายปีก่อน รวมทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ได้เคยวินิจฉัยเอาไว้แล้ว โดยในปัจจุบันคดีใกล้หมดอายุความในวันที่ 30 กันยายนนี้

ดังนั้นก็ต้องจับตามองกันอีกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงไอซีทีจะดำเนินการได้ทันเวลาหรือไม่ และจะทำให้รัฐต้องเสียประโยชน์เป็นมูลค่ามหาศาลอีกหรือไม่

ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายคดีที่ต้องดำเนินการเร่งรัดตามกฎหมาย ที่อยู่ในความสนใจก็คือ คดีทุจริตจาก “โครงการรับจำนำข้าว” ที่เกิดความเสียหายที่ประเมินเบื้องต้นมีไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินคดีอาญาคดีกำลังเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยผู้ที่ตกเป็นจำเลยหลายคน เช่น บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิย์, ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งยังมีอดีตข้าราชการของกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนที่ร่วมกันกระทำความผิด ขณะเดียวกันยังมี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ตกเป็นจำเลย และกำลังจะตามมาด้วยการถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในเร็วๆ นี้ จากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ทันภายในปีนี้

นอกจากนี้ยังมีคดีที่น่าสนใจอีกก็คือคดีที่เกี่ยวกับการกู้เงินของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร จำนวนกว่า 9,000 ล้านบาท และที่ผ่านมาศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้วตั้งแต่ 12-18 ปี ยกเว้นจำเลยที่หนึ่งที่ยังหลบหนีคือ ทักษิณ ชินวัตร โดยศาลให้ออกหมายจับ และให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อรอให้ได้ตัวมาดำเนินคดี

แต่ความหมายที่น่าจับตาก็คือ มีการขยายผลดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ยังตกหล่น หรือมีการจงใจละเลยนั่นคือคดีฟอกเงิน โดยล่าสุดกระทรวงยุติธรรมได้เร่งรัดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คัดสำเนาคดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทยเพื่อพิจารณาถึงความเชื่อมโยงทางการเงินว่าไปถึงใครบ้าง ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมีการเชื่อมโยงไปถึงคนในครอบครัวของทักษิณ ชินวัตร หลายคน

ขณะเดียวกันยังพบว่า ในช่วงนี้ยังพบว่ามีบุคคลในเครือข่ายของทักษิณ ชินวัตร ทั้งในแบบที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง เริ่มมีคำพิพากษาจากศาลลงโทษจำคุกออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเป็นเรื่องที่ถึงคิวตามตารางเวลา แต่ก็ถือว่าทุกอย่างมาประดังเอาในช่วงนี้พอดี

นี่ยังไม่นับรายการ “เชิญไปกินข้าว” ในค่ายทหารตามมาอีกเป็นพรวน และคราวนี้บรรยากาศเข้มข้นกว่าเดิมหลายเท่า นั่นคือมีการ “ค้างคืน” พักยาวคราวละ 7 วัน และอาจมีแพกเกจเพิ่มเติมตามมาคือการอายัดบัญชี ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินหากยังไม่หยุดเคลื่อนไหวป่วน

เอาเป็นว่าเวลานี้บรรยากาศเข้มข้นกว่าปกติ และเป้าหมายก็มุ่งไปที่ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวรวมทั้งเครือข่ายแบบครบวงจร ที่ในความเป็นจริงก็มีแต่คนพวกนี้เท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวท้าทายอำนาจ เนื่องจากพวกเขาได้ทำผิดกฎหมายและเสียประโยชน์มากที่สุด หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังอยู่ในอำนาจต่อไป

อีกด้านหนึ่งในฝั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาถึงนาทีนี้หากพิจารณาจากสถานการณ์ก็ต้องบอกว่า “บังคับ” ให้เล่นแบบนี้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เพราะถ้าไม่ “เข้ม” ก็จะโดนตอบโต้ปัดแข้งปัดขาจนล้มคว่ำได้ไม่ยากเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อต้องเล่น “เกมหนัก” เพื่อสกัดให้อยู่ และหากเอาให้อยู่หมัดก็ต้อง “ทุบกล่องดวงใจ” ของหัวโจกใหญ่ ซึ่งก็ต้องหมายถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจและคดีอาญาที่งานนี้มีเป้าหมายถึงคุกกันเลยทีเดียว!
กำลังโหลดความคิดเห็น