“บุญทรง” และพวกรวม 21 ราย ให้การปฏิเสธฮั้วประมูลข้าวในโครงการรัฐต่อรัฐ โดยขอยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อย่างละเอียด 60-120 วัน แต่ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมดยื่นคำให้การภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ และนัดตรวจหลักฐาน 29 ก.ย. 58 โดยศาลให้ประกันตัวชั่วคราวทั้งหมด พร้อมออกหมายจับ “นพ.วีระวุฒิ” อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และ “สุธี” เห็นว่ามีพฤติกรรมหลบหนี ขณะเดียวกันศาลฎีกาฯ มีคำสั่งยกเลิกนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 21 และ 28 ก.ค. ของ “ยิ่งลักษณ์” คดีทุจริตรับจำนำข้าว เหตุเจ้าตัวขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร โดยนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งเป็นวันที่ 31 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (29 มิ.ย.) ศาลฎีกาฯ นัดพิจารณาคดีครั้งแรกและสอบคำให้การ ในคดีหมายเลขดำ อม. 25/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก รวม 21 ราย ในความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 9, 10 และ 12 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และ 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 พร้อมทั้งขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นจำนวนเงิน 35,274,611,007 บาท กรณีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)
โดยวันนี้ นายบุญทรงและจำเลยส่วนมากพร้อมทีมทนายความทยอยเดินทางมาศาลตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่จำเลยที่ 3 และ 16 ไม่ได้เดินทางมา ส่วนฝ่ายอัยการโจทก์นำโดยนายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานฯ ได้นำทีมคณะทำงานฯ มาร่วมฟังการพิจารณา
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมคณะรวม 9 คนออกนั่งบัลลังก์สอบคำให้การจำเลย โดยศาลได้อ่านคำฟ้องให้จำเลยฟังสรุปว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2554 ถึงวันที่ 12 ก.พ. 2556 จำเลยที่ 1-6 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐได้เสนอราคาซื้อขายข้าวกับบริษัท กวางตุ้ง และไห่หนาน ของประเทศจีน ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด เป็นการเจรจาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐซึ่งไม่เป็นความจริง และมีการนำข้าวไปขายให้แก่ผู้ค้าข้าว โดยมีจำเลยที่ 7 ถึง 21 เป็นผู้รับมอบข้าว จำเลยทั้งหมดที่มาศาลให้การปฏิเสธและขอยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อย่างละเอียดภายใน 60-120 วัน
ศาลพิเคราะห์แล้วจึงมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมดยื่นคำให้การภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ และนัดตรวจพยานหลักฐานของคู่ความทั้งสองฝ่ายในวันที่ 29 ก.ย.นี้. และให้ออกหมายจับ นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เลื่อมไธสง จำเลยที่ 16 เพื่อนำตัวมาฟังการพิจารณาคดี หลังทราบนัดโดยชอบแต่ไม่มาศาล โดยเห็นว่ามีพฤติกรรมหลบหนี พร้อมทั้งให้จำหน่ายคดีเฉพาะของจำเลยที่ 3 และ 16 ชั่วคราว
รวมทั้งมีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายนิมนต์ รักดี จำเลยที่ 15 เนื่องจากพิจารณาหลักทรัพย์ซึ่งเป็นโฉนดที่ดินทางสาธารณะไม่น่าเชื่อถือ จึงสั่งถอนประกัน และให้ออกหมายขังเพื่อส่งตัวควบคุมที่เรือนจำ เว้นแต่จำเลยจะมีหลักทรัพย์ใหม่มายื่น
ส่วนที่จำเลยบางคนขอพิจารณาคดีลับหลังนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยทุกคนมีหน้าที่ต้องมาศาล หากไม่สะดวกให้ยื่นคำร้องขอเลื่อนเป็นครั้งคราวไป จึงให้ยกคำร้องในส่วนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสอบคำให้การเสร็จ นายบุญทรงได้เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน ทั้งนี้ หลังจากที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับฟ้องไปก่อนหน้านี้ พวกจำเลยได้ทยอยยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวแล้ว โดยนายบุญทรง ใช้หลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝาก โดยศาลตีราคาประกัน 20 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล ส่วนจำเลยอื่นๆ ศาลพิจารณาตามเหตุและพฤติการณ์แต่ละรายซึ่งศาลให้ประกันทุกราย
ขณะที่ในวันนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งยกเลิกนัดตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 21 และ 28 ก.ค. ในคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีไม่ระงับยับยั้งโครงการทุจริตรับจำนำข้าว เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร โดยนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้ง เป็นวันที่ 31 ส.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ระหว่างที่ศาลกำลังพิจารณาคดี ศาลได้เรียกนายนิมล หรือโจ รักดี จำเลยที่ 15 และนายประกันเพื่อสอบถามถึงเจตนาที่ได้นำโฉนดที่ดินทางสาธารณะมาเป็นหลักประกัน เพื่อขอปล่อยชั่วคราว เนื่องจากศาลเห็นว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ
องค์คณะพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวละเมิดอำนาจศาล จึงมีคำสั่งให้จำคุกนายประกัน 3 เดือน และปรับ 500 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี ส่วนนายนิมล หรือ โจ รักดี จำเลยที่ 15 ได้นำหลักทรัพย์ใหม่เป็นสลากออมสินมูลค่า 5 ล้านบาท มาวางเป็นหลักประกันใหม่ เพื่อขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาต โดยกำหนดเงื่อนไขเช่นเดียวกับจำเลยอื่นที่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ สำหรับนายภูมิ สาระผล จำเลยที่ 1 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จำเลยที่ 2 และนายอภิชาต หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 14 ได้ยื่นประกันไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยตีราคาประกัน 20 ล้านบาท ส่วนจำเลยอื่นที่เหลือศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยตีราคาประกันคนละ 5-8 ล้านบาท ส่วน พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ที่วันนี้ถูกศาลออกหมายจับเนื่องจากไม่มาศาลตามนัดนั้น ทั้งสองคนยังไม่เคยยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด