ผ่าประเด็นร้อน
แม้ว่าเป็นการได้รับรู้โดยบังเอิญว่าตัวเลขความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว บวกกับตัวเลขความเสียหายจากโครงการอุดหนุนต่างๆ ของรัฐบาลรวมแล้วจำนวน 9 แสนล้านบาท จากหนังสือของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี ที่เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มีรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำหน้าที่เป็นนายกฯ รักษาการ ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศ โดยเป็นหนังสือแสดงให้เห็นถึงภาระทางการคลังที่ประเทศต้องแบกรับจนหลังแอ่น เพื่อคัดค้านโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่ากว่า 3.6 หมื่นล้านบาท ของกองทัพเรือ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
อย่างไรก็ดี นาทีนี้ขอแยกเรื่องความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวจำนวน 9 แสนล้านบาท ออกมาพิจารณาก่อน ส่วนเรื่องโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจำนวน 2 ลำ มูลค่ากว่า 3.6 หมื่นล้านบาท ขอยกยอดไปกล่าวถึงในโอกาสต่อไป
แน่นอนว่า เพื่อความเป็นธรรมอาจต้องแยกเอาเรื่องความเสียหายจากโครงการอุดหนุนอื่นๆ ของรัฐบาลออกมาด้วย แต่อย่างไรก็ดี เชื่อว่า มูลค่าคงไม่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับโครงการรับจำนำข้าว
เอาเป็นว่า หากพิจารณาตามตัวเลขที่ก่อนหน้านี้ สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ที่เคยเป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เคยระบุความเสียหายเอาไว้ว่ามีตัวเลขความเสียหายประมาณ 6 แสนล้านบาท แต่ในตอนนั้นเป็นเพียงการสรุปคร่าวๆ เป็นการสรุปตัวเลขความเสียหายเพียงบางฤดูกาลเท่านั้น ยังไม่ถือว่าครอบคลุมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังไม่มีการพิจารณาตัวเลขความเสียหายจากโครงการระบายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือจีทูจีปลอม ที่ไม่มีเกิดขึ้นจริง ในยุคที่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิ สาระผล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณชย์
อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นข้อมูลประกอบ ก็ต้องย้อนอดีตให้เห็นว่า ที่ผ่านมา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได่ชี้มูลความผิดจากโครงการรับจำนำข้าว และนำไปสู่การถอดถอนทางการเมือง ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ขณะเดียวกันกำลังถูกดำเนินคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางกาาเมือง
ขณะที่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ และ ภูมิ สาระผล กับพวกซึ่งมีทั้งอดีตข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ กำลังถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติถอดถอนในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ จากความผิดการขายข้าวแบบจีทูจีมิชอบ
เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาจากตัวเลขรายงานอย่างเป็นทางการของ กระทรวงการคลัง โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี ที่ระบุตัวเลขความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว และโครงการอุดหนุนอื่นๆของรัฐบาลรวมแล้วกว่า 9 แสนล้านบาท ลองหลับตานึกภาพเอาก็แล้วกันว่ามันมหาศาลเพียงใด แม้ว่าเมื่อหักแยกโครงการอุดหนุนอื่นๆออกมาบ้างก็จะเหลือความเสียหายเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ถ้าเอากันแบบตัวเลขกลมๆ ก็พิจารณากันแบบคร่าวๆก็น่าจะประมาณกว่า 8 แสนล้านบาท
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี ระบุว่า ต้องใช้เวลาในการใช้หนี้กันไปถึงชั่วลูกชั่วหลาน กลายเป็นภาระทางการคลังอันหนักอึ้ง ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ เนื่องจากในแต่ละปีต้องกันเงินงบประมาณเอาไว้จำนวนหนึ่งสำหรับการใช้หนี้ในโครงการดังกล่าว ที่เกิดจากการทุจริตของนักการเมืองบางครอบครัวเท่านั้น
แม้ว่าตัวเลขความเสียหายดังกล่าวที่ปูดออกมาบังเอิญว่าเป็นการชี้ให้เห็นถึงตัวเลขภาระทางการคลัง เพื่อคัดค้านการจัดซื้อเรือดำน้ำสองลำของกองทัพเรือ มูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท ว่ายังไม่เหมาะสม เนื่องจากประเทศยังมีปัญหาเศรษฐกิจมากมายโดยเฉพาะในช่วง 8 - 9 ปีนี้
แต่อีกด้านหนึ่งมันก็เผยให้เห็นความจริงเป็นความเสียหายอย่างเป็นทางการของโครงการอัปยศดังกล่าวในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ใช้งบประมาณแผ่นดินมาทำโครงการประชานิยมมาหาเสียงหาคะแนนนิยมทางการเมือง ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องดำเนินการต่อไป ก็คือ การตรวจสอบเพื่อหาคนผิด คนทุจริตมาลงโทษตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดให้ได้
เพราะนี่คือความอัปยศ เป็นบาปกรรมที่นักการเมืองทำเอาไว้กับบ้านเมืองและทำให้ลูกหลานต้องตามชดใช้หนี้กันไม่รู้ว่าอีกกี่ปีถึงจะปลดเปลื้องได้หมด !!