วานนี้ (11 มิ.ย.) นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา และเจ้าของสำนวนคดีทุจริตและฮั้วประมูลโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี กล่าวถึง การยื่นประกันตัวของจำเลย ว่า หลังจากที่มีการยื่นฟ้องคดีแล้ว จนถึงขณะนี้ มีจำเลย 3 - 4 ราย ได้มายื่นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวเป็นการล่วงหน้า โดยศาลได้พิจารณาตามเหตุและพฤติการณ์ของจำเลยแต่ละราย ซึ่งศาลได้ให้ประกันทุกราย พร้อมระบุเหตุผลไว้ในคำสั่งการปล่อยชั่วคราวแล้ว
นายธนฤกษ์ กล่าวด้วยว่า ในจำนวนนี้ มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ก็ได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวแล้ว(11มิ.ย.) โดยใช้หลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้ว ตีราคาประกันนายบุญทรง 20 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
ส่วนจำเลยอื่น ศาลก็กำหนดเงื่อนไขเช่นเดียวกัน ซึ่งวงเงินประกันนั้น ก็แตกต่างกันตามเหตุผล และพฤติการณ์ความเหมาะสมของจำเลยแต่ละราย ขณะที่จำเลยที่เหลือสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวได้ จนถึงวันนัดพิจารณาครั้งแรก คือวันที่ 29 มิ.ย. ที่จะต้องนัดสอบคำให้การจำเลย
สำหรับการยื่นประกันตัว ของจำเลยคดีที่เกี่ยวพันกับโครงการจำนำข้าว และการระบายข้าวที่มีรัฐมนตรียุค รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น จำเลยที่ศาลฎีกาฯ กำหนดวงเงินประกันสูงสุด คือน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มูลค่า 30 ล้านบาท ขณะที่ นายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ ศาลตีวงเงินประกัน 20 ล้านบาท
ทั้งนี้ คดีทุจริตและฮั้วประมูลโครงการระบายข้าวแบบ จีทูจี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำหนดนัดพิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การของจำเลย ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งจำเลยทั้งหมด จะต้องเดินทางมาศาลในวันดังกล่าวด้วย ซึ่งคดีนี้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 17 มี.ค.58 โดยนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว , นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 21 ราย ที่เป็นอดีตนักการเมือง 3 คน ข้าราชการการเมือง 3 คน และที่เหลือเป็น
นิติบุคคล กับกรรมการผู้มีอำนาจในนิติบุคคล เป็นจำเลย ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 9, 10,12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ และ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งการยื่นฟ้องคดีนี้ อัยการสูงสุดขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน 35,274,611,007 บาท ซึ่งค่าปรับดังกล่าว คิดคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งตามสัญญาระบายข้าว 5 หมื่นตัน ที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา 4 ใน 8 ฉบับ
นายธนฤกษ์ กล่าวด้วยว่า ในจำนวนนี้ มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ก็ได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวแล้ว(11มิ.ย.) โดยใช้หลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้ว ตีราคาประกันนายบุญทรง 20 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
ส่วนจำเลยอื่น ศาลก็กำหนดเงื่อนไขเช่นเดียวกัน ซึ่งวงเงินประกันนั้น ก็แตกต่างกันตามเหตุผล และพฤติการณ์ความเหมาะสมของจำเลยแต่ละราย ขณะที่จำเลยที่เหลือสามารถยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวได้ จนถึงวันนัดพิจารณาครั้งแรก คือวันที่ 29 มิ.ย. ที่จะต้องนัดสอบคำให้การจำเลย
สำหรับการยื่นประกันตัว ของจำเลยคดีที่เกี่ยวพันกับโครงการจำนำข้าว และการระบายข้าวที่มีรัฐมนตรียุค รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น จำเลยที่ศาลฎีกาฯ กำหนดวงเงินประกันสูงสุด คือน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มูลค่า 30 ล้านบาท ขณะที่ นายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ ศาลตีวงเงินประกัน 20 ล้านบาท
ทั้งนี้ คดีทุจริตและฮั้วประมูลโครงการระบายข้าวแบบ จีทูจี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำหนดนัดพิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การของจำเลย ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งจำเลยทั้งหมด จะต้องเดินทางมาศาลในวันดังกล่าวด้วย ซึ่งคดีนี้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 17 มี.ค.58 โดยนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว , นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 21 ราย ที่เป็นอดีตนักการเมือง 3 คน ข้าราชการการเมือง 3 คน และที่เหลือเป็น
นิติบุคคล กับกรรมการผู้มีอำนาจในนิติบุคคล เป็นจำเลย ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 9, 10,12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ และ มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งการยื่นฟ้องคดีนี้ อัยการสูงสุดขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน 35,274,611,007 บาท ซึ่งค่าปรับดังกล่าว คิดคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งตามสัญญาระบายข้าว 5 หมื่นตัน ที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา 4 ใน 8 ฉบับ
