เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เผยมติที่ประชุมไม่รับเรื่องทนายร้องสอบจริยธรรมประธาน กมธ.ยกร่างฯ โน้มน้าว สปช.รับร่างฯ และกรณี กมธ.ลงมติรัฐธรรมนูญ ขัดแย้งกันแห่งผลประโยชน์ แถม ม.275-276 เอื้อประโยชน์ให้ตนเอง ชี้เช็กแล้วไม่เข้าข่ายเหตุไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่อยู่ในอำนาจของผู้ตรวจฯ
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติไม่รับเรื่องร้องเรียนที่นายเฉลิมศักดิ์ กาญจนศิราธิป ทนายความ ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในขณะนั้น กรณีพูดจาโน้มน้าวให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ และตรวจสอบการกระทำของ สปช.ที่เป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกรณีการลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญว่าเป็นการขัดแย้งกันแห่งผลประโยชน์ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ รวมถึงการกระทำของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในการยกร่างรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 275 และมาตรา 276 เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ สปช.ที่ดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายรักษเกชาระบุว่า เนื่องจากเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สปช. ไม่ได้มีฐานะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 4 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2552 ประกอบมาตรา 4 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2542 ที่กำหนดนิยามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หมายความถึงเฉพาะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส.หรือ ส.ว. และเจ้าหน้าที่ของรัฐ หมายถึง ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลผู้ปฏิบัติงานในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น และเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ ดังนั้นการร้องเรียนให้ตรวจสอบจริยธรรม ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน
เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวต่อว่า อีกทั้งเมื่อวินิจฉัยแล้วว่า สปช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐประเด็นที่ขอให้ตรวจสอบการกระทำของ สปช.ที่เป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญซึ่งจะพิจารณาลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในเวลานั้น และตรวจสอบการกระทำของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 275 และมาตรา 276 ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ สปช.ที่ดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินเช่นกัน เพราะมาตรา 13 (1) พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ผู้ตรวจมีอำนาจพิจารณา สอบสวนหาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนในกรณีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น
นายรักษเกชากล่าวว่า ส่วนที่ขอให้ตรวจสอบบทบัญญัติมาตรา 275 และมาตรา 276 ที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญบัญญัติขึ้นว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ สปช.ที่ดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 2/2551 เป็นแนวปฏิบัติไว้ว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ หรือกฎหมายอื่นที่มีผลใช้บังคับระดับพระราชบัญญัติที่มีการประกาศใช้บังคับแล้วเท่านั้น แต่กรณีนี้เป็นการร้องเรียนบทบัญญัติแห่งร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ร้องเรียนว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่ามีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินอีกเช่นกัน