xs
xsm
sm
md
lg

ก.ศป.ต้องเคลียร์ให้ชัด ก่อนเกิด “วิกฤต” ศาลปกครอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

หัสวุฒิ วิทิตวิริยกุล
รายงานการเมือง



บรรยากาศภายในศาลปกครองยังคงขมุกขมัวอืมครืมต่อไปกับสถานะของ “หัสวุฒิ วิทิตวิริยกุล” ประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ถูก คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) เสียงข้างมาก สั่งพักราชการ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย

ในความเป็นจริง ตัว หัสวุฒิ เอง แม้จะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมมาตั้งแต่ต้น แต่ก็ยอมรับในกระบวนการของ ก.ศป. เพราะหลังจากที่มีมติเสียงข้างมาก ให้พักราชการ และตั้งกรรมการสอบสวนในกรณี “จดหมายน้อยฝากตำรวจ” เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้แต่อย่างใด

หากแต่ระยะเวลาในการสอบสวนทางวินัยนั้นกลับล่วงเลยมานานกว่า 6 เดือน โดยที่ไม่มีข้อสรุปใด ๆออกมา จึงเป็นเหตุที่ หัสวุฒิ ต้องออกมาแถลงเรียกร้องขอความเป็นธรรมเป็นครั้งแรก เมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมตั้งคำถามไปถึงการดำเนินการของ ก.ศป. เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาตอบคำถาม

วันที่ หัสวุฒิ ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมนั้น ก็เป็นวันเดียวกับที่มีการประชุม ก.ศป. ซึ่งนอกจากจะไม่มีคำชี้แจงใด ๆ ออกมาแล้ว ที่ประชุม ก.ศป. ยังสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยหัสวุฒิ เพิ่มเติมในการกรณีเบิกเบี้ยเลี้ยงในระหว่างการเดินทางไปร่วมพิธียกยอดฉัตรทองคำที่ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นห้วงเวลาเดียวกับที่หัสวุฒิมีภารกิจที่ จ.พิษณุโลก

ก่อนที่หลายวันต่อมา ก.ศป. จะชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ออกมาในรูปแถลงการณ์ของสำนักงานศาลปกครอง โดยยืนยันกระบวนการต่าง ๆ ดำเนินการโดยชอบตามกฎหมายทุกประการ

แต่ฝ่าย หัสวุฒิ ก็ได้ออกมาแถลงข่าวอีกครั้งภายหลังจากการเข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมและรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมพยานหลักฐานสนับสนุน กับคณะกรรมการสอบสวนวินัย กรณีจดหมายน้อย เมื่อวานนี้ โดยเห็นว่า การชี้แจงของ ก.ศป. ไม่ตรงประเด็น และยังเป็นการชี้นำให้สาธารณชนเกิด

ความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าการกระทำของ ก.ศป. ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายปกครองแล้ว ทั้งยังไม่ได้อธิบายเหตุผลให้เกิดความชัดเจน และแสดงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามประเด็นเรียกร้องไป

พร้อมกันนี้ หัสวุฒิ ก็ได้โยนประเด็นคำถามไปถึง ก.ศป. อีกครั้งรวมแล้ว 5 ประเด็นด้วยกัน

ประเด็นแรก กรณีที่ ก.ศป. เสียงข้างมากได้มีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวนและพักราชการ ตามเสียงข้างมากของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชี้มูลความผิด เหตุผลที่ว่าคือ การที่ หัสวุฒิ ไม่ออกมาแถลงข่าวปฏิเสธต่อสื่อมวลชนตามที่มีคณะตุลาการเรียกร้อง ถือเป็นเหตุผลที่มาจากความรู้สึกและอคติ มากกว่าการอ้างอิงจากพยานหลักฐาน
                 
        หัสวุฒิ จึงมองว่า ก.ศป. เสียงข้างมากมีเจตนาซ่อนเร้นบางประการ

ประเด็นที่ 2 การที่ ก.ศป. เสียงข้างมากมีมติสั่งพักราชการ โดยไม่รอรับฟังความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน ทั้งที่ในข้อ 12 ของระเบียบ ก.ศป. ว่าด้วยวิธีการสอบสวนและสิทธิของตุลาการศาลปกครอง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง พ.ศ. 2544 กำหนดให้คณะกรรมการสอบสวนเป็นผู้เสนอความเห็นว่า สมควรจะพักราชการตุลาการผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่ แต่กลับมีมติให้พักราชการทันที
 
จึงมีคำถามว่าการกระทำของ ก.ศป. ไม่มีมาตรฐาน และเลือกปฏิบัติหรือไม่

ประการที่ 3 เมื่อมีการสั่งพักราชการหัสวุฒิ แล้ว ก.ศป. กลับไม่เร่งรัดให้กระบวนการสอบสวนแล้วเสร็จโดยเร็วตามเวลาตามข้อ 11 ของระเบียบ ก.ศป. ฉบับเดียวกันกำหนด คือ ภายใน 30 วัน และขยายได้รวมแล้วไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ หรือเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2558 ที่สุดคณะกรรมการใช้เวลาในการสอบสวนทั้งสิ้นนานกว่า 4 เดือน โดยอ้างว่า การสอบสวนมีอุปสรรคบางประการ โดยไม่ได้อธิบายชัดเจนว่าอุปสรรคบางประการ
 
ถือเป็นการกระทำที่ล่าช้าเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด “จนผิดปกติ” และกระทบสิทธิ หัสวุฒิในฐานะผู้ถูกกล่าวหาโดยตรง

ประการที่ 4 สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การสอบสวนล่าช้า เนื่องจากประธานและเลขานุการคณะกรรมการสอบสวนฯได้ใช้อำนาจส่วนตัวระงับการดำเนินการสอบสวนไว้ก่อนโดยไม่เคยมีมติที่ประชุม และเสนอเรื่องให้ ก.ศป. คัดค้านกรรมการสอบสวนวินัย ซึ่งเป็นผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถึง 2 ครั้ง ซึ่ง ก.พ. ก็ได้มีหนังสือแจ้งยืนยันส่งกรรมการผู้แทนจาก ก.พ. คนเดิมถึง 2 ครั้ง เหมือนมีความพยายามในการประวิงเวลาให้ล่าช้าออกไป

ประเด็นที่ 5 เมื่อคณะกรรมการสอบสวนฯดำเนินการแล้วเสร็จ โดยมีมติเสียงข้างมาก 3 - 2 สรุปผลว่า หัสวุฒิไม่มีมูลความผิด และเสนอเรื่องเข้าสู่การประชุมของ ก.ศป. ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2558 แต่ ก.ศป. เสียงข้างมากกลับมีมติให้เรียก หัสวุฒิมารับทราบข้อกล่าวหาและพยานหลัก

ฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาอีก ทั้งที่ได้สรุปผลการสอบสวนไปแล้วว่าไม่ผิด ก่อนที่จะยกเลิกหลังมีเสียงทัดทานจาก ก.ศป. เสียงข้างน้อย แต่แล้วในการประชุมเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2558 กลับมีมติให้คณะกรรมการฯเรียก หัสวุฒิ มาพบเช่นเดิมอีก
                  
        มองได้ว่าผลการสอบสวนไม่เป็นไปตาม “ธง” ที่ ก.ศป. ตั้งไว้ จึงพยายามประวิงเวลาต่อไป

“หัสวุฒิ” มองว่า การประวิงเวลาต่อไปก็เพื่อรอให้ “ไพบูลย์ เสียงก้อง” ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ที่เป็นเสียงข้างมากในคณะกรรมการสอบวินัยที่เห็นว่าคดีไม่มีมูลหมดวาระ เนื่องจากจะเกียษณอายุในปลายเดือนกันยายนนี้

เมื่อ ไพบูลย์ เกษียณก็จะเปิดโอกาสให้มีการตั้งบุคคลอื่นมาทำหน้าที่กรรมการสอบสวนแทนซึ่ง หัสวุฒิ มองว่าต้องการเปลี่ยนแปลงเสียงโหวตเปลี่ยนกลายจากเดิมที่ชี้ว่าไม่มีมูลความผิด กลับมามีความผิดตาม “ธง” ที่ตั้งไว้
 
ต้องติดตามว่า “เกมการเมือง” ในศาลปกครองจะเป็นไปอย่าง หัสวุฒิตั้งข้อสังเกตหรือไม่ โดย ก.ศป. จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 23 กันยายนนี้ ซึ่งหากเรื่องต่าง ๆ ลงล็อก ตามที่วางแผนไว้อาจมี “เซอร์ไพร์ส” ถึงขนาดมีมติเห็นตามเสียงข้างน้อย และไล่ หัสวุฒิออกจากราชการก็เป็นได้

“เป็นความพยายามที่จะกำจัดผมให้พ้นจากองค์กรนี้ ถ้าสอบเอาผิดเรื่องจดหมายน้อยไม่ได้ ก็จะเอาเรื่องอื่น ซึ่งมีหลายเรื่องมาสอบ พูดง่าย ๆ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกลก็เอาด้วยมนต์คาถา หรืออาจจะมีการจ้างคนมายิงผมก็ได้ แต่ผมไม่กลัวหรอก”

คำพูดแบบคำต่อคำของหัสวุฒิ ที่เชื่อว่าเป็นเจตนาไม่สุจริต ประพฤติมิชอบ และกลั่นแกล้ง เพื่อมุ่ง “ยึดอำนาจ” ในการดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ของใครบางคน

เรียนผูกต้องเรียนแก้ ก่อนจะถึงวันที่ 23 กันยายน ก.ศป. จึงควรยุติปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กรศาลปกครองอย่างเร่งด่วนที่สุด โดยการออกมาชี้แจงประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกตให้เคลียร์คัตชัดเจนที่สุด
                    
ก่อนที่จะความอึมครึมในตอนนี้จะก่อตัวเป็น“วิกฤต”อย่างที่กังวลกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น