คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง สอบพยานคดีจดหมายน้อย “ดิเรกฤทธิ์” ใกล้เสร็จเหลือลงมติฟันธง “หัสวุฒิ” ใจดีสั่งกลับไปนั่งเลขาศาลปกครอง ชี้ให้ข้อเท็จจริงแล้ว หวั่นกระทบงาน
วันนี้ (16 ก.ค.) สำนักงานศาลปกครองได้มีคำสั่งประธานศาลปกครองสูงสุดที่ 23/2557 ลงนามโดย นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด เรื่อง ให้ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองปฏิบัติหน้าที่ โดยระบุว่า ตามที่ได้มีคำสั่งประธานศาลปกครองสูงสุดที่ 13/2557 วันที่ 12 พ.ค. 2557 ให้ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ไปปฏิบัติหน้าที่ในงานวิชาการตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมายและกำกับดูแลงานของสำนักงานศาลปกครองเฉพาะหลักสูตรนักบริหารการยุติธรรมทางปกครองระดับสูง และหลักสูตรกฎหมายปกครองสำหรับผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2557 เป็นต้นไป เพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดทำหนังสือสนับสนุนการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่การบริหารราชการของสำนักงานศาลปกครองนั้น
คำสั่งประธานศาลปกครองสูงสุด ระบุอีกว่า บัดนี้ ข้าราชการดังกล่าวได้ให้ข้อเท็จจริงตามขั้นตอน และกระบวนการสอบข้อเท็จจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และโดยที่งานในภารกิจของสำนักงานศาลปกครองจำเป็นที่จะต้องมีการสั่งการ และกำกับดูแลเชิงนโยบายและการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด ภายใต้สถานการณ์ของบ้านเมืองในปัจจุบัน ดังนั้น เพื่อให้การบริหารราชการของสำนักงานศาลปกครองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาการปกครอง มาตรา 78 จึงให้ยกเลิกคำสั่งประธานศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว และให้ นายดิเรกฤทธิ์ เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ทำหน้าที่รับผิดชอบการบริหารราชการของสำนักงานศาลปกครองตามที่กฎหมายกำหนด ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. 2557 เป็นต้นไป
รายงานข่าวจากศาลปกครอง แจ้งว่า การสอบสวนของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ในกรณีดังกล่าวนั้น ก.ศป. ได้เชิญ นายดิเรกฤทธิ์ รวมทั้งพยานบุคคลผู้เกี่ยวข้องมามาสอบสวนข้อเท็จจริงจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปได้ว่าขั้นตอนสอบสวนและการรวบรวมหลักฐานเอกสารต่างๆ น่าจะมีความเพียงพอต่อการพิจารณาแล้ว จึงเชื่อว่าเร็วๆ นี้ ก.ศป. คงมีการประชุมกันอีกครั้งเพื่อลงมติในกรณีดังกล่าว ว่า นายดิเรกฤทธิ์ มีความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ รวมทั้งต้องพิจารณาว่านายดิเรกฤทธิ์ หรือผู้เกี่ยวข้องมีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คำสั่งประธานศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว ได้มีการทำสำเนาส่งไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในสำนักงานศาลปกครอง เนื่องจากถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหาร