นายไพโรจน์ มินเด็น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น ในศาลปกครองสูงสุด ในฐานะโฆษกสำนักงานศาลปกครอง กล่าวยอมรับว่า จากกรณีที่ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ได้ทำหนังสือไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สนับสนุน พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้กำกับการนั้น นายหัสวุฒิ วิทิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งลงวันที่ 12 พ.ค. ย้ายนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ในงานวิชาการ ตามที่ประธานศาลปกครองสูงสุดมอบหมาย และกำกับดูแลงานของสำนักงานศาลปกครอง เฉพาะหลักสูตรนักบริหารการยุติธรรมทางปกครองระดับสูง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. เป็นต้นไป ซึ่งเหตุผลในหนังสือย้ายดังกล่าว ระบุว่า เพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ประธานศาลปกครองสูงสุดตั้งขึ้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามขั้นตอนของทางราชการ และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่การบริหารราชการของสำนักงานศาลปกครอง
จึงอาศัยอำนาจตาม มาตรา 78 ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ให้นายดิเรกฤทธิ์ ไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ส่วนการควบคุมดูแลโดยทั่วไปในสำนักงานศาลปกครองนั้น ได้มอบหมายให้ นายไกรรัช เงยวิจิตร รองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองปฏิบัติหน้าที่แทน
นายไพโรจน์ ยังกล่าวด้วยว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้ ได้มีการประชุมและเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวมาชี้แจงหลายคนแล้ว แต่ยังไม่มีการสรุปผลเสนอต่อประธานศาลปกครองสูงสุด
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ได้มีการประชุมกรณีดังกล่าวด้วย โดยเป็นการประชุมลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ สำนักงานศาลปกครองได้เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า คณะกรรมการตุลากรรศาลปกครอง (ก.ศป.) ได้มีการนัดประชุมพิจารณาเรื่องเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจแล้ว โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้สั่งให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) รวบรวมข้อมูลกรณีที่ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิาการสำนักงานศาลปกครอง ได้ทำหนังสือไปถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สนับสนุน พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้กำกับการ ตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆ โดยขั้นตอนได้ดำเนินการหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของก.ศป. แล้ว ซึ่งก.ศป.ได้จัดระเบียบวาระการประชุมในวันที่ 14 พ.ค. จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 21 พ.ค. ซึ่ง ก.ศป. ได้ดำเนินการประชุมเสร็จเสิ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในการประชุม ก.ศป. ได้มีการพิจารณากรณีที่ 70 ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ได้ร่วมกันเข้าชื่อเพื่อขอให้มีการสอบข้อเท็จจริงว่า นายหัสวุฒิ เข้าไปมีส่วนร่วมกับกรณีดังกล่าวหรือไม่ และที่ประชุม ก.ศป. ก็มีมติตั้ง นายนพดล เฮงเจริญ นายวราวุธ ศิริยุทธ์วัฒนา และนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้
จึงอาศัยอำนาจตาม มาตรา 78 ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ให้นายดิเรกฤทธิ์ ไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ส่วนการควบคุมดูแลโดยทั่วไปในสำนักงานศาลปกครองนั้น ได้มอบหมายให้ นายไกรรัช เงยวิจิตร รองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองปฏิบัติหน้าที่แทน
นายไพโรจน์ ยังกล่าวด้วยว่า คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้ ได้มีการประชุมและเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวมาชี้แจงหลายคนแล้ว แต่ยังไม่มีการสรุปผลเสนอต่อประธานศาลปกครองสูงสุด
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) ได้มีการประชุมกรณีดังกล่าวด้วย โดยเป็นการประชุมลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ สำนักงานศาลปกครองได้เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า คณะกรรมการตุลากรรศาลปกครอง (ก.ศป.) ได้มีการนัดประชุมพิจารณาเรื่องเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจแล้ว โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้สั่งให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) รวบรวมข้อมูลกรณีที่ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิาการสำนักงานศาลปกครอง ได้ทำหนังสือไปถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สนับสนุน พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้กำกับการ ตามที่ปรากฏในสื่อต่างๆ โดยขั้นตอนได้ดำเนินการหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของก.ศป. แล้ว ซึ่งก.ศป.ได้จัดระเบียบวาระการประชุมในวันที่ 14 พ.ค. จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 21 พ.ค. ซึ่ง ก.ศป. ได้ดำเนินการประชุมเสร็จเสิ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในการประชุม ก.ศป. ได้มีการพิจารณากรณีที่ 70 ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ได้ร่วมกันเข้าชื่อเพื่อขอให้มีการสอบข้อเท็จจริงว่า นายหัสวุฒิ เข้าไปมีส่วนร่วมกับกรณีดังกล่าวหรือไม่ และที่ประชุม ก.ศป. ก็มีมติตั้ง นายนพดล เฮงเจริญ นายวราวุธ ศิริยุทธ์วัฒนา และนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เป็นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้
