xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” วอนอย่าตั้งแง่ สปท.มีแต่ทหาร โอดชีวิตขาดทุน ลั่นรัฐบาลใหม่ไม่เคารพกติการับไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรีเผยประชุม ครม.- คสช. พิจารณาโรดแมป ถ้าทำได้เร็วก็จะทำให้เร็ว เน้นประชาธิปไตย และบ้านเมืองปลอดภัย ส่วนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กำลังจัดกลุ่ม มีทั้งข้าราชการเกษียณ และนักการเมือง วอนอย่ามองว่ามีแต่ทหาร ครวญตัวเองขาดทุนทุกวัน มีแต่คนป้ายสี - ต่อต้าน แย้มกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หยิบ สปช. บางส่วนร่วมด้วย ระบุเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าเป็นคนเดิม รับได้ถ้าปรับปรุงตัวเอง แต่ถ้าไม่ยอมรับกติการับไม่ได้

วันนี้ (15 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี และ คสช. ซึ่งการแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ในวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ใช้เวลายาวนานที่สุด โดยใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง 7 นาที โดยได้กล่าวว่า การประชุมวันนี้วาระแรก คือ การประชุมร่วม ครม.- คสช. ซึ่งตนได้ทำความเข้าใจว่าต่อไปนี้จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไรต่อไป เนื่องจากระยะเวลาตามโรดแมปต้องขยายออกไปอีก 20 เดือน ซึ่งในความจริงก็คาดหวังว่าจะให้น้อยกว่านั้น การใช้เวลาต่าง ๆ ให้ลดน้อยลง ตนได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายมาพิจารณาดูแล้วก็มีหลายอย่างที่ลดลงได้ไม่มากนัก แต่บางอย่างก็ลดลงได้

อย่างไรก็ตาม ก็ขอยืนยันเสมอว่า ถ้าสามารถทำให้เร็วได้ก็จะทำให้เร็ว จะไม่มีการดึงไว้ในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ ประเด็นสำคัญตนได้บอกไปว่า ให้ช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไร ให้บ้านเมืองมีความปลอดภัย โดยจะต้องมีทั้ง 2 อย่าง คือ เรื่องประชาธิปไตย และการทำให้บ้านเมืองมีความปลอดภัย มีการเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงในวันข้างหน้า โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปต้องทำให้เกิดความชัดเจนให้ได้ ด้วยรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับนี้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะวันข้างหน้าก็จะมีคนมาใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ในการบริหารประเทศอยู่แล้ว จึงถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ซึ่งตนได้ให้แนวทางไปแล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในเรื่องสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ตนได้แถลงนโยบายของตนไปว่าจะจัดกลุ่มไหนได้บ้าง ซึ่งเคยได้พูดก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งข้าราชการประจำที่รู้ว่าแต่ละกระทรวงทำงานกันอย่างไร กลุ่มข้าราชการที่เกษียณอายุไปแล้ว ซึ่งเขาจะรู้ปัญหาดีว่าปัญหาอยู่ตรงไหน กลุ่มนักการเมือง พรรคการเมืองก็ต้องเข้ามา ซึ่งได้มอบหมายให้มีการติดต่อไปบ้างแล้ว ก็มีการเสนอตัวเข้ามาพอสมควร ซึ่งตนจะพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งถ้าเข้ามาก็ต้องยอมรับในกติกาตรงนี้ ในการปฏิรูปไม่ใช่เข้ามาแล้วก็มาสร้างความขัดแย้งขึ้นอีก เมื่อมีหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อย ซึ่งในส่วนของกลุ่มการเมืองนี้ ถ้าใครอยากสมัครก็ขอให้สมัครเข้ามา นอกจากพรรคการเมืองและนักการเมืองก็ยังมีกลุ่มการเมืองอีก ตอนนี้เยอะแยะไปหมด ก็ต้องเชิญเข้ามา ซึ่งก็น่าจะครบถ้วน

นอกจากนี้ ก็จะมีกลุ่มในส่วนผู้ที่รู้กฎหมาย ต้องเข้ามาเป็นตัวแทนอยู่ใน สปท. กลุ่มนักวิชาการ ที่รู้เรื่องหลักการทางวิชาการทั้งหมด เพื่อที่จะได้รู้ว่าเรื่องการปฏิรูปควรเป็นอย่างไรในอนาคต ซึ่งเท่าที่ศึกษาการปฏิรูปมีการตั้งแต่สมัย ร.5 เริ่มจากการปฏิรูประบบราชการแผ่นดิน ปฏิรูปการใช้แรงงานต่าง ๆ ซึ่งประเทศไทยเราปฏิรูปมาตั้งแต่สมัยนั้น และยังไม่เคยปฏิรูปอะไรอีก และใช้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินมาตั้งแต่สมัย ร.5 วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่เพิ่มกระทรวงเท่านั้นเอง แต่ยังขาดการบูรณาการข้ามกระทรวง การใช้งบประมาณข้ามกระทรวงในกิจการงานเดียวกัน ซึ่งตนเห็นว่าจะต้องมีการบูรณาการ ทั้งเรื่องแผนงานโครงการ เจ้าหน้าที่ตั้งแต่การจัดทำงบประมาณ และการใช้จ่ายงบประมาณ กระจายความทั่วถึง และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทั่วประเทศ ไม่ลงเฉพาะพื้นที่หรือกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เพราะจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ

ในส่วนของ สปท. จะต้องมีกลุ่มของผู้ที่จะต้องรู้เรื่องแผนงาน และการจัดทำโครงการ เพราะความจริงยุทธศาสตร์ชาติเป็นคนละส่วน จะพูดเฉพาะกว้างและหลักการว่าประเทศชาติจะต้องเดินอย่างไรใน 6 เรื่อง ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และเรื่องต่าง ๆ เพื่อจะได้เป็นร่มให้กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 นอกจากนี้ ก็ยังต้องมีกลุ่มงานด้านความมั่นคง ซึ่งจะมีทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ทั้งที่เกษียณแล้ว และยังไม่เกษียณ เพราะตนมองว่างานด้านความมั่นคงเป็นบ่อเกิดของความมีเสถียรภาพ และเดินหน้าด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ ในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และจะต้องมีกลุ่มของ สปช. เดิม ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก็จะต้องนำเข้ามา เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องกับประเด็นในการปฏิรูปและมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ สปท. ชุดใหม่ ซึ่งสุดท้ายตนอยากให้เป็นไปในทิศทางแนวเดียวกัน ถ้าทุกคนยังไม่เข้าใจกันก็จะเกิดปัญหาแบบเดิม ไม่ว่าจะ 3 - 4 ครั้ง ก็จะเป็นแบบเดิม ดังนั้น วันนี้จึงจำเป็นต้องเอาคนที่รู้อยู่แล้ว รู้งาน รู้เรื่องการปฏิรูปเอามารวมกันให้ได้ รวมถึงนักการเมืองที่ต้องเป็นคนใช้รัฐธรรมนูญในการบริหารราชการแผ่นดินก็ต้องเข้าใจตั้งแต่แรก ซึ่งตนได้ให้นโยบายไปแล้วทั้งหมด และคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว

“ก็อย่ามองว่ามีแต่ทหาร มีแต่พวก เพราะทหารบางคน ผมยังไม่รู้จักเลย เพราะอยู่คนละเหล่าทัพกัน บางคนก็เกษียณไปตั้งนานแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้เอาแต่พวก อยากถามว่า ถ้าเป็นทหารต้องเป็นพวกกันทั้งหมดหรืออย่างไร วันนี้มันเป็นพวกไม่ได้หรอก บ้านเมืองในวันนี้ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งเป็นของทุกคน เราก็ต้องเอาตัวแทนมาทั้งหมด ผมไม่ได้ต้องการมีอำนาจ หรืออะไรต่าง ๆ ทุกวันนี้ผมขาดทุนลงทุกวัน เพราะผมไม่เคยได้ผลประโยชน์อะไรอยู่แล้ว มีแต่ขาดทุนในเรื่องของชื่อเสียง ที่ถูกทำลายโดยคนที่มาใส่ร้ายป้ายสีผมเยอะพอสมควร มีทั้งคนที่ต่อต้าน ชอบพูดในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่อง ซึ่งผมก็ขี้เกียจโมโห นอกจากนี้ ยังขาดทุนในเรื่องของชีวิตและความปลอดภัยและยังขาดทุนในเวลาที่ผมจะได้ไปพักผ่อนเวลาก็น้อยลงเรื่อย ๆ จากการทำงานแบบนี้ความกดดันก็สูงและยังไม่รู้ว่าจะได้พักผ่อนเมื่อไหร่ ตรงนี้ผมคิดว่าผมขาดทุน แต่ผมก็จำเป็นต้องทำ รักษาสถานการณ์เดินหน้าประเทศและแก้ปัญหาของประเทศให้ได้ ผมคิดแต่เพียงว่าผู้ที่ได้กำไรต้องเป็นประชาชน ที่จะได้รับกำไรจากสิ่งที่ผมได้ขาดทุนไป ซึ่งผมได้พูดกับรัฐมนตรีทุกคนให้เข้าใจว่าผมคิดแบบนี้ และขอให้ทุกคนคิดแบบผมได้หรือไม่ ซึ่งทุกคนก็ตกลงและยอมที่จะขาดทุน 3 - 4 อย่างที่บอกไป ทั้งฐานะทางสังคม คนรักก็เยอะ คนเกลียดก็มาก ซึ่งมันไม่มีความพอดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าตนอยู่เฉย ๆ ปล่อยบ้านเมืองไปอย่างที่ผ่านมาก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 ก็ไม่รู้ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น จะดีหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ แต่ผมคิดว่ามันไม่ดี วันนี้สิ่งที่อยากขอร้อง คือ ให้ทุกคนสร้างความเข้าใจว่าวันนี้บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์อะไร โดยเฉพาะ กรธ. ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ ซึ่งทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ ถ้าทุกคนคิดว่าผมทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจก็สนับสนุนตน ถ้าคิดว่าตนมีนอกมีในจะว่าอะไรตนก็รับทั้งหมด ไม่รู้จะทำอย่างไร ตนอยากจะบอกว่าตนไม่ได้อะไรเลย เพียงแต่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชนระดับหนึ่งที่เขาไว้วางใจ และตนก็เอาส่วนนี้มาชดเชย ส่วนที่ถูกตำหนิต่อว่า ก็สามารถมาหล่อเลี้ยงจิตใจของตนให้อยู่ต่อได้ เพราะตนต้องทำเพื่อเขา วันนี้ตนจึงอยากขอร้องพรรคการเมือง และนักการเมืองต่าง ๆ และสื่อช่วยทำความเข้าใจกับสังคมว่า เรายังจะเผชิญกับสถานการณ์แบบเก่าก่อน 22 พ.ค. 57 หรือย่างไร ซึ่งวิธีการที่จะทำให้ปลอดภัย ทุกคนก็ต้องไปช่วยกันคิด ส่วนตนจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ ถ้ายังตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องทำงานต่อไปในการบริหารแผ่นดินให้ได้ เพื่อไม่ให้ติดขัด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนเรื่องคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กำลังหารือกันอยู่ต้องมีนักกฎหมายด้วย ที่ผ่านมา เอาคนจาก สปช. ใน 250 คน มาร่างรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญที่เขียนมาอาจจะไม่ค่อยสมบูรณ์ ไม่ค่อยได้รับการยอมรับ เพราะมันต้องผ่านคน 250 คน ไม่ใช่ทำกัน 36 คน แล้วผ่านไปทำประชามติเลย ฉะนั้น รัฐธรรมนูญต้องกลับไปถามในคำตอบข้อที่หนึ่งว่าควรจะทำอย่างไร จะเป็นเหมือนเดิม เหมือนเก่า หรือเหมือน กมธ. ยกร่างฯ ที่ว่ามาทั้งหมดอะไรทำให้เกิดการปฏิรูป อะไรที่ทำให้รัฐบาลหน้ามีความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน อะไรที่ทำให้บ้านเมืองไม่เสียหาย ไม่มีการละเมิดธรรมาภิบาล นั่นคือ สิ่งที่ท่านต้องกังวลกับตน และคิดแบบตนคิดถ้าคิดแต่เพียงว่าเลือกตั้งมีรัฐธรรมนูญ อำนาจเป็นของประชาชนมันก็เหมือนเก่าจะทำอะไรไม่ได้

“เราเป็นอย่างนั้นมานานหลายสิบปีหลายรัฐบาล มันก็ทำไม่ได้ ปฏิรูปอะไรไม่ได้หากถึงวันนั้น เมื่อผมไปแล้วผมไม่กลับมาอีกแล้วนะ ก็ทำกันไปสิฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากจะทิ้งไว้ให้ทุกคนคิด คือ ทำอย่างไรประเทศจะเดินหน้า ในอนาคต และวันหน้าสื่อแส่ ก็เสนอแต่สิ่งที่ดีของประเทศไทย ถ้ายังมีเรื่องราวร้ายกาจนำเสนออยู่ทุกวันคงไม่มีใคร เชื่อมั่นประเทศไทยหรอก เขาเคยชมความมีเสถียรภาพของรัฐบาลวันนี้กลับมาอีกแล้ว เริ่มมีความไม่แน่ใจ ในการเมืองของประเทศไทย ผมถามว่า มาจากใครก็มาจากคนไทยทั้งชาตินั่นแหล่ะที่ทำให้เป็นอย่างนั้น เพราะทุกคนมองอย่างเดียวประชาธิปไตย เมื่อไหร่เลือกตั้ง แล้วท่านเคยรู้ไหมว่าใครจะเป็นนายกฯ ใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้าน มีใครนอกจากที่ท่านไม่รู้จักมาอีกไหม ถ้าเขากลับเข้ามากัน ผมไม่ได้รังเกียจนะ ถ้าเขามีการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ไม่ทำเรื่องที่เสียหายอย่างที่เป็นมาก่อน ผมก็รังเกียจเขาไม่ได้ ขณะเดียวกัน คนที่ไม่เคยยอมรับกติกาเลยทั้งหมดแล้วกลับเข้ามาใหม่ ผมรับไม่ได้ มันต้องรับกติกาก่อน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้จะทำปฏิรูปในระยะที่หนึ่ง และการที่ประเทศไทยจะเดินไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งเป็นกระบวนการหนึ่งที่นำไปสู่กระบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น เป็นการเริ่มต้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของหัวใจการบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้น ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมาบริหารประเทศต้องมีธรรมาภิบาล บังคับใช้กฎหมายอย่างเที่ยงธรรม นั้นคือ ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง และหนึ่งปีที่ตนอยู่จะหนึ่งปีเท่าไรก็ไม่รู้ เสร็จเมื่อไรก็เมื่อนั้น นั่นแหล่ะตนจะทำในสิ่งนี้ รัฐบาลใหม่มีเวลา 4 ปี เขาควรจะมาอยู่ใน 5 ปีแรกนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อเราเขียนว่ายุทธศาสตร์ชาติควรจะเดิน 20 ปี ตามที่วางไว้ระยะละ 5 ปี ตนอยู่ 1 ปีแรก 4 ปีต่อมา รัฐบาลต่อมาทำ ถ้าอยู่ต่อก็เป็น 4 ปีของเขา โดยมีหนึ่งปีที่เชื่อมต่อระหว่างกัน จะได้เก็บปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ มาทบทวนแล้วทำกัน ตนคิดแบบนี้ และไม่เคยคิดให้ตัวเองเลย คิดอนาคตว่าจะทำอย่างไร วันข้างหน้าถ้าแก้ไขเรื่องรายได้อาชีพการศึกษา คนก็สามารถคิดเองได้โดยไม่ต้องมีใครนำ คนไทยพร้อมเพรียงแต่ขาดคนนำในทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่สอนให้คนเอาแต่เงินโดยที่ไม่มีการพัฒนาตนเอง มีใครคิดแบบนี้บ้าง หรือพูดแค่ให้คนเชื่อมั่นศรัทธาแล้วไม่ทำ ไปหามา อย่ามาไล่แต่ตนคนเดียว

เมื่อถามว่า ขั้นตอนการดำเนินการสรรหร กรธ. และ สปท. ต้องใช้เวลากี่วัน นายกฯ กล่าวว่า ก่อนวันที่ 5 ต.ค. ทำไมหรือ จะรีบไปเรียกคนมาสมัครหรือยังไง แต่รายชื่อรอบแรกก่อนที่ตนจะเดินทางไปต่างประเทศต้องมีรายชื่ออกมาแล้ว ได้สั่งเอาไว้หมดแล้ว และจะกลับมาตัดสินอีกทีเมื่อเดินทางกลับมา

เมื่อถามว่า จะกระชับขั้นตอนของร่างรัฐธรรมนูญอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้เริ่มเลย มีหลายอย่าง หลายขั้นตอน ที่หารือกันในที่ประชุม ครม. ว่า การใช้เวลา 4 เดือนไม่ได้ง่าย การร่างรัฐธรรมนูญ นำของเก่ามาเทียบเคียงกัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ก็คล้าย ๆ กับการร่างใหม่ แต่จะพยายามเอาข้อมูลเดิมมารวมด้วย จากที่ระบุว่าจะใช้เวลาร่างรัฐธรรมนูญ 6 เดือน อาจจะเหลือ 4 เดือน อะไรที่ใช้เวลา 4 เดือนอาจจะเหลือ 3 เดือนครึ่ง ก็ลดได้อยู่แค่นั้น แต่ประเด็นสำคัญ คือ การจัดทำรัฐธรรมนูญให้ผ่านประชามติ ทำให้เหมือนทำเนียบจารีตประเพณีลงในสมุดข่อย รู้กันหรือไม่จะให้เขียนวันนี้เสร็จพรุ่งนี้หรืออย่างไร สิ่งที่ช้าที่สุดเขียนสมุดข่อยด้วยลายมือคน ถ้าเขียนผิดก็ผิดแล้วก็ทำใหม่ สมุดข่อมันเขียนง่ายหรืออย่างไร แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ตนอยู่ยาวหรือไม่ได้อยู่ยาว เป็นเรื่องของเทคนิคการทำงานและขั้นตอน ตนบอกว่าถ้าประเทศชาติสงบมีความเข้มแข็ง เศรษฐกิจดีกว่านี้ ประเทศชาติดีกว่านี้ ชาวนาไม่เดือดร้อนอย่างนี้ ตนไปพรุ่งนี้เลย ถ้าใครคิดว่าทำได้ก็มาทำ เอาแค่ที่มาพูดอย่างตนพูดก็มา

เมื่อถามว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะนำเอาคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปรองดองและปฏิรูปประเทศ(คปป.) ใส่ไว้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญเก่ายังไมได้เอามาคิดเลย เรื่องนี้ก็ยังไมได้คิด คปป. ให้รัฐบาลทำอยู่ ให้ไปเทียบกับที่ สปช. ทำมา ซึ่งมี 6 เรื่อง ความมั่นคง เศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ สร้างความเข้มแข็งของประเทศ การพัฒนาคน และทรัพยากรมนุษย์ ประมาณนี้ซึ่งเขียนอยู่ในกรอบกว้าง ๆ แต่กิจกรรมเป็นเรื่องที่แตกย่อยออกไป รัฐบาลหน้าก็นำหัวข้อเหล่านี้ขึ้นมาทำเท่านั้นเอง ตนแค่ต้องการให้การปฏิรูปเป็นแบบนี้เพราะตนคิดมา ซึ่งได้ถามผู้รู้แล้วและไม่ได้ผิดตรงไหน ถ้าเราไม่มีกรอบพัฒนาประเทศด้วยยุทธศาสตร์ใหญ่ แผนพัฒนาประเทศก็เดินไม่ได้อยู่ดี เขียนมาให้ตาย ตั้งสภาพัฒนาฯมาตั้งกี่ปี จ้างคนมาเท่าไหร่ เสียเงินเดือนมาเท่าไหร่ แต่รัฐบาลไม่ได้เอามาปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติประเทศเจริญไปนานแล้ว ต้องวางแผน 1 ปี 5 ปี ทำอะไรบ้าง เช่น การยกระดับรายได้ให้มากขึ้นจากปีละ 30,000 บาท เป็น 300,000 บาท

เมื่อถามว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ผ่าน ได้เตรียมการแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บอกแล้วว่าต้องทำให้ผ่าน และไม่มีแนวทางอะไรทั้งสิ้น เพราะตนไม่ได้คาดหวัง แล้วเดี๋ยวก็จะมาบอกว่าเตรียมแผนไว้อีก แต่ถ้าสมมติว่า มีขั้นตอนที่จำเป็นต้องปรับรัฐธรรมนูญชั่วคราวก็ต้องปรับให้เดินหน้าให้ได้ แต่อย่างไรตนไม่รู้ เมื่อถามย้ำว่าการปรับแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของอนาคตใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราต้องเผชิญอนาคตร่วมกัน ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้ตนเผชิญคนเดียว


กำลังโหลดความคิดเห็น