“บิ๊กป๊อก” รับนายกฯ ถกสรรหาสภาขับเคลื่อนฯ แล้ว แย้มดึง สปช.ชุดคว่ำร่าง ผนวก ขรก.เก่า-ใหม่ ร่วมเน้นเชี่ยวชาญกฎหมายเฉพาะด้าน ส่วน “พล.อ.เลิศรัตน์-คำนูณ-สมบัติ” ปัดข่าว คสช.ทาบ กรธ. ด้าน “เพื่อไทย” ย้ำแถลงการณ์จี้ คสช.แก้ รธน.ชั่วคราวเปิดทางประชาชนมีส่วนร่วมยกร่างใหม่
วันนี้ (10 ก.ย.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงคุณสมบัติหลักของผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า การพิจารณาแต่งตั้งดังกล่าวเป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะพิจารณาโดยตรง ทั้งคุณสมบัติ และความเหมาะสมต่างๆ คงไม่สมควรที่จะให้ตนกำหนด และทางนายกฯยังไม่ได้มีการหารือ หรือพูดคุย
“คิดว่าขณะนี้ท่านคงกำลังดำเนินการสรรหา ขณะที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ 200 คนนั้น ได้มีการพูดคุยบ้างแล้ว โดยอาจจะพิจารณาผู้ที่มาจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช.เดิม ข้าราชการทั้งอดีตและปัจจุบัน ที่มีความรู้ความสามารถในเเต่ละด้าน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับสายงานปฏิรูปแต่ละด้าน อย่างไรก็ตาม พอรู้เเค่กรอบคุณสมบัติกว้างๆ แต่ยังไม่มีการประชุมหรือหารือกัน คงต้องเป็นผู้ที่อยู่ในราชการส่วนนั้นๆ ถึงจะมีความรู้ไปขับเคลื่อนได้”
อีกด้านหลังจากมีกระข่าวว่า มีชื่ออยู่ในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อสานงานในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หลายคนออกมาปฏิเสธข่าว เช่น พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช กล่าวว่า ตนเองไม่มีความรู้เรื่องของ กรธ.ไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวได้ ส่วนกระแสข่าวที่ว่า คสช.ได้ทาบทามตนให้เป็น กรธ.นั้น ไม่เคยทราบเรื่องเหล่านี้มาก่อน เนื่องจากไม่ค่อยได้ติดตามข่าว พร้อมระบุว่าเรื่องดังกล่าวสื่อเขียนกันไปเอง
นายคำนูณ สิทธิสมาน กล่าวว่ายังไม่ทราบกระแสข่าวดังกล่าว และไม่ขอแสดงความเห็นในเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ คสช.ในการคัดเลือกบุคคลเข้ารับหน้าที่ อย่าเพิ่งไปสมมติคาดการณ์ต่างๆ หากได้รับการทาบทามจริง ก็คงต้องว่ากันอีกที
ด้านนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ กล่าวว่า ในตอนนี้ยังไม่ได้มีใครทาบทามและไม่ทราบข่าวดังกล่าว ส่วนในอนาคตจะเข้ารับตำแหน่งหรือไม่ ขอไม่แสดงความเห็นเนื่องจากอำนาจหน้าที่การแต่งตั้ง กรธ.เป็นของ คสช. อย่างไรก็ดี ในคณะกรรมการชุดนี้จะต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ เป็นแกนหลักในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยังต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และด้านอื่นๆประกอบด้วย เนื่องจากองค์ประกอบเหล่านี้ จะส่งผลทำให้การร่างรัฐธรรมนูญมีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น
วันเดียวกัน มีรายงานว่า พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์เรื่องความเห็นของพรรคเพื่อไทยต่อการลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ระบุว่า 1. การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบบใหม่ครั้งนี้ เกิดจากการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อ 22 พ.ค. 2557 อันนำมาซึ่งการยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 และการมีรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 คณะกรรมาธิการยกร่างก็ดี สปช.ก็ดี ล้วนมาจากการรัฐประหาร กระบวนการขั้นตอนในการยกร่างก็มาจากการกำหนดโดยกระบวนการรัฐประหาร เป็นโรดแมป ที่ คสช.กำหนดขึ้นเองทั้งหมด จากที่กล่าวว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี หรือปีเศษๆ เพื่อให้มีการเลือกตั้ง แต่ต่อมาก็ขยายออกไปเรื่อยๆ เช่นการต้องมีการลงประชามติหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบของ สปช. จนมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2558 ซึ่งหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบของ สปช. ก็จะมีคณะกรรมการร่างฯ 21 คนภายใน 1 เดือน ทำหน้าที่ร่างอีก 6 เดือน ไปทำประชามติอีก 4 เดือน ออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 6 เดือน และอีก 4 เดือนถึงจะมีการเลือกตั้ง รวมแล้วนับแต่วันที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน สปช. จะใช้เวลาอีก 21 เดือน
โรดแมปดังกล่าวจะสั่นหรือยาวไม่ได้ขึ้นอยู่กับประชาชนเลยแม้แต่น้อยหากขึ้นอยู่กับ คสช. เพียงองค์กรเดี่ยว การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดย สปช. ก็ล้วนอยู่ภายใจ้การควบคุมกำกับอของ คสช.ทั้งสิ้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่ายิ่งการเลือกตั้งที่เป็นะรรมและสุตริตล่าช้าออกไปเท่าใด ประเทศชาติและประชาชนก็ยิ่งสียหายและเสียโอกาสในทุกๆด้าน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจซึ่งจำเป็นต้องให้ระบอบการปกครองประเทศ เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยสากล โดยรับาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
2. พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการแก้ปัญหาเรื่องความแตกแยกและสร้างความปรองดองนั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่การเปิดเวลาทีให้ทุกฝ่ายพูดจากันอย่างเต็มที่ การลดอคติ การสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในการบังคับใช้กฎหมายขององค์กรต่างๆ การใช้ท่าทีที่แสดงถึงความเมตตาปรารถนาดีต่อกันของทุกฝ่ายและการให้อภัยซึ่งกันและกัน ดังนั้น การสร้างรัฐธรรมนูญใหม่หรือกติกาใหม่ต่างๆ การสร้างกลไกที่แปลกพิสดารทั้งหลายที่ผิดไปจากลักสากล เพื่อสร้างบรรทัดฐานและการตกผลึกที่เหมาะสมต่อไปโดยยึดถืออำนาจการตัดสินใจของประชาชน 3. พรรคเพื่อไทยเห็นว่าหากยังคงร่างรัฐธรรมนูญโดยคณะบุคคลที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหารภายใต้กระบวนการยกร่างที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ กระทำแบบปิดลับเหมือนเช่นที่ผ่านมา มีแต่จะสร้างความขัดแย้งจนไปสู่วิกฤตที่เลวร้าย และไม่มีหลักประกันใดๆว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่ดี เป็นประชาธิปไตยและใช้เวลายาวนาน
พรคคเพื่อไทยจึงเสนอให้ คสช.แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการยกร่างรัฐธรรมนูญเช่นการใช้กระบวนการ ส.ส.ร. หรือกระบวนการอื่นใดที่เหมาะสม และให้กระบวนการในการยกร่างเป็นไปอย่างเปิดเผย เป็นกลางภายใต้เวลาที่แน่นอน เพ่อที่จะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นที่ยอมรับและเห็นชอบของทุกฝ่าย ซึ่งจะทำให้เกิดความชอบธรรมและเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการเยียวยาและแก้ไขความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ทุกวันนี้ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงการเร่งจัดให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพื่อให้ประเทศกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด