“คนเพื่อไทย” ออกลูกอ้อน คสช.ปล่อย “พิชัย” หลังถูกเรียกเข้าค่ายครั้งที่ 7 “ปึ้ง” วอนสงสารลูกยังเล็ก “จาตุรนต์” โพสต์ “เสรีภาพพิชัย : เสรีภาพประชาชน” ย้ำเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลไม่ต้องการฟังความเห็นต่าง “ภูมิธรรม” ยันคนทั้งพรรคเพื่อไทยไม่สบายใจ ด้าน “โอ๊ค” นำเองเติม ก.ให้พ่อ
วันนี้ (10 ก.ย.) ภายหลัง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมว.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก กล่าวยอมรับว่า คสช.ได้เชิญตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และแกนนำพรรคเพื่อไทย ไปพูดคุย เนื่องจากแสดงความคิดเห็นไม่ตรงและไม่เป็นไปตามแนวทางที่เคยตกลงกันไว้ จึงต้องเชิญมาพูดคุยอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจ โดยปฏิเสธว่าควบคุมตัวนายพิชัยไว้ที่ใด
นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “เสรีภาพพิชัย นริพทะพันธุ์ : เสรีภาพประชาชน” การจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกของคนคนหนึ่ง ความจริงก็คือ การจำกัดเสรีภาพของคนทั้งหลายในสังคม จำกัดทั้งเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลความคิดเห็น ที่ผ่านมาคุณพิชัยเสนอความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างมาก การวิจารณ์นโยบายและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นตามหลักวิชาการและหลักการบริหาร หลายๆ เรื่องพิสูจน์แล้วด้วยซ้ำว่าคุณพิชัยพูดไว้ถูกต้อง ถ้าทำตามคุณพิชัยเสียแต่เนิ่นๆ ก็คงลดความเสียหายไปได้ไม่น้อย แต่ก็น่าเสียดายไม่ฟังกัน
การจำกัดอิสรภาพคุณพิชัยเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลไม่ต้องการฟังความเห็นต่าง และไม่ต้องการให้ประชาชนรับรู้ความเห็นที่หลากหลาย ซึ่งจะส่งผลเสีย ถ้าผู้บริหารประเทศเลือกที่จะฟังแต่ความเห็นที่ตรงกับตนเองเพียงอย่างเดียวแล้ว ผู้ใกล้ชิดก็จะไม่กล้าทักท้วง ก็จะเข้ารกเข้าพงไปด้วยกัน
การปิดกั้นความเห็นต่างยังจะกระทบความน่าเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจ ต่อนโยบายและการแก้ปัญหาด้วย เพราะข้อมูลที่ให้โดยรัฐฝ่ายเดียวไม่น่าเชื่อถือ อีกอย่างหนึ่ง เราเพิ่งผ่านการที่ร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำไปหยกๆ เนื่องจากกระบวนการร่างไม่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น จะร่างใหม่ย่อมต้องเปิดกว้าง 6464 เป็นเวลานานมากและอาจยืดออกไปได้อย่างไม่มีกำหนดแน่นอน ประเทศยังจะเผชิญปัญหาอีกมาก การไม่รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายเป็นอันตราย น่าเป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมืองอย่างยิ่ง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากจะขอร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาปล่อยตัวนายพิชัย หลังออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องเศรษฐกิจ เพราะนายพิชัยมีความห่วงใยประเทศชาติ อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็เคยพูดอยู่เสมอว่ายินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย ใครที่พูดผิดนั้น ในที่สุดสังคมก็จะตัดสินเอง และในโลกประชาธิปไตยนั้นความคิดเห็นแตกต่างเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ มากว่า 1 ปีแล้ว ท่านก็เข้าใจถึงความรู้สึกของคนไทยทุกฝ่ายดี ทุกคนล้วนรักชาติกันทุกคน ให้อภัยเถอะ นายพิชัยเองลูกท่านก็ยังเล็กมาก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวนายพิชัย ด้วยความไม่สบายใจจนถึงขณะนี้นายพิชัยหายตัวไปเกิน 24 ชั่วโมง โดยไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าอยู่ที่ใด จากรายงานข่าวของสื่อมวลชนต่างๆ คาดว่าน่าจะถูกเชิญไปปรับทัศนคติเป็นเวลา 7 วัน ขอแสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ ในฐานะที่เป็นเพื่อนนักการเมืองด้วยกัน และเป็นนักการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่ผมเป็นรักษาการเลขาธิการพรรคอยู่ และอยากแสดงข้อคิดเห็นดังนี้ ผมเห็นว่า บทบาทที่ผ่านมาของนายพิชัย ได้พยายามใช้ประสบการณ์ความรู้ของตน ทั้งอาจมีคนเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เสนอข้อคิดเห็นและเหตุผล ให้กับทางออกของประเทศ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยมองว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังประสบปัญหา ซึ่งก็ตรงกับความห่วงใยของคนหลายๆ ฝ่ายในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นนักการธนาคาร นักธุรกิจสาขาต่างๆ คนทำมาค้าขาย หรือประชาชนคนยากจนทั่วๆ ไป
ทั้งนี้ ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า ทุกๆ ฝ่ายมีความกังวลห่วงใยต่อบ้านเมืองตรงกัน โดยเฉพาะการคาดการณ์เศรษฐกิจว่ากำลังวิกฤต หรือใกล้เข้าสู่ภาวะวิกฤตเต็มที และคนจำนวนไม่น้อยรวมทั้งนานาประเทศต่างเห็นร่วมกันว่า การผลักดันประเทศให้กลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน จะเป็นหนทางที่นำไปสู่เงื่อนไขสำคัญในการคลี่คลายปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
“ผมอยากเสนอข้อคิดเห็นต่อผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศในปัจจุบันว่า ในภาวะที่ประเทศกำลังมีวิกฤต การระดมความเห็นจากคนในสังคม ยิ่งกว้างขวาง ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายวิกฤต นายพิชัยเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่ายิ่งอีกคนหนึ่งของสังคมไทย ปล่อยตัวนายพิชัย และเปิดโอกาสให้นายพิชัยได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ในการเสนอแนะและมุมมองต่อปัญหาและทางออกของบ้านเมือง ประเทศจะได้ประโยชน์มากกว่า” รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าว
อีกด้าน นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวอ้างว่า มีผู้นำและรัฐมนตรีจากต่างประเทศที่เคยทำงานร่วมกันได้ส่งหนังสือมาแสดงความยินดีกับตนหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำตัดสินคดีเขาพระวิหาร โดยนักการทูตได้แสดงความยินดีและบอกว่า แนวทางคำแถลงการร่วมนั้นเป็นการปกป้องดินแดนและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาไว้ได้ ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาร่วมกันในแนวชายแดนเกิดขึ้นได้หลังจากที่หยุดชะงักมานาน ส่วนแนวทางหลังจากมีคำตัดสินจะทำอย่างไรต่อไปนั้น นายนพดลกล่าวว่า อยากให้ทั้งสองฝ่ายคุยกัน ตนคงไม่ต้องเสนอแนะใดๆ เพราะรัฐบาลนี้เขาคงรู้แนวทางอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอให้รัฐบาลแสวงหาหนทางในการพัฒนาแนวชายแดนเขาพระวิหาร เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ด้วย
วันเดียวกัน นายพานทองเเท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงลงเฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า “ทีมเพื่อนโอ๊คขอร่วมเกาะกระแส คนออนไลน์ เติม ก.ไก่ ให้นาย...ทักษิณฯ ด้วยคนครับ ต้องขอขอบคุณ ผู้ที่ริเริ่มแคมเปญเปลี่ยนโปรไฟล์เฟซบุ๊ก เป็นการรณรงค์ “เติม ก.ไก่ ให้นาย...ทักษิณฯ” เพื่อให้กำลังใจท่าน รวมทั้งขอขอบคุณพี่น้อง ในโลกออนไลน์ทุกๆ ท่านที่ร่วมเปลี่ยนโปรไฟล์ในครั้งนี้ด้วยถือซะว่าเป็นการต้อนรับท่าน เข้าสู่การเป็นประชาชนเต็มขั้น ไม่ต้องมียศถาบรรดาศักดิ์ให้แตกต่างจากชาวบ้านทั่วๆ ไป เป็นนายทักษิณ ชินวัตรนี่แหละดี จะได้ใกล้ชิดชาวบ้านมากขึ้นไปอีก
“ถอดยศทักษิณนั้นถอดง่าย แค่อ้าง ม.44 เซ็นชื่อแกร๊กเดียว ก็สามารถถอดยศพันตำรวจโท ออกจากทักษิณฯได้แล้ว แต่จะถอดนาย(ก)ทักษิณฯ ออกจากหัวใจชาวบ้าน ยิ่งถอดแรงขึ้นเท่าไหร่ นาย(ก)ทักษิณฯกลับยิ่งฝังลึกเข้าไปในหัวใจชาวบ้าน มากขึ้นทุกทีๆ กราบขอบพระคุณ ทุกกำลังใจที่มีให้นะครับ ยศฐาบรรดาศักดิ์มีไปก็กินไม่ได้ ปัญหาปากท้องชาวบ้านสิเรื่องใหญ่
ถอดยศถอดเยส เสร็จภารกิจสะใจกันไปเรียบร้อยแล้ว อย่าชักช้ารีบหันกลับมา เริ่มแก้ปัญหาปากท้องให้ชาวบ้าน ที่เดือดร้อนกันอยู่ทุกวันนี้ สักทีเถอะครับ
#นายกในดวงใจ ทีมเพื่อนโอ๊ค”