“วีระ” สับ “ผบ.ตร.” ดีแต่โม้ แนะปลด เซ่น “ถอดยศทักษิณ” เผยภาพ ตลอดสัปดาห์ “ทักษิณ” ไม่สน คนใกล้ชิด ทยอยลงรูปทำกิจกรรม “เลี้ยงหลาน” สอดคล้องคนใกล้ชิด ชี้นายใหญ่ ขย่มรัฐบาลหมดมุก หยิบประเด็นถอดยศเล่นงาน “สรรเสริญ” ย้ำไร้ธงถอดยศ แจงมีผู้ร้อง ก็ต้องพิจารณาตามระเบียบเงื่อนไขกฎหมายที่มีอยู่
วันนี้ (10 ส.ค.) มีรายงานว่า นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้โพสต์รูปภาพและเขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีใจความว่า
“คำสั่งนายกฯประยุทธ์ไม่มีความหมาย ผบ.ตร. เมินไม่ใส่ใจเรื่องการถอดยศทักษิณ นายกฯก็ยื้อเวลาต่อด้วยการเล่นละครให้ รมว.ยุติธรรม เข้ามารับเรื่องต่อ ว่า จะถอดยศหรือไม่ถอดยศ ทั้งที่ข้อมูลรายละเอียดและความเห็นของคณะทำงานของ สตช. เขาก็สรุปออกมานานแล้วว่าถอดยศทักษิณได้ ส่งให้ผบ.ตร. ทำการถอดยศ แต่สมยศกลับโยกโย้เก็บเรื่องการถอดยศทักษิณเข้าลิ้นชักไม่ทำอะไร จะรอให้เกษียณอายุราขการไปก่อน แล้วโยนให้ ผบ.ตร. คนใหม่เข้ามารับเผือกร้อนต่อ ทำอย่างนี้รัฐบาล คสช. น่าจะปลดสมยศออกไปก่อนเลย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ไม่รู้นายกฯกลัวสมยศเรื่องอะไร สมยศกำความลับอะไรของ คสช. ไว้หรือ จึงไม่กล้าปลดสมยศ ความจริงถ้า คสช. ไม่จริงใจหรือไม่กล้าถอดยศทักษิณ ก็บอกประชาชนออกมาตรง ๆ ไม่ต้องเล่นโยนกันไปโยนกันมา เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมาในอดีต โธ่ รัฐบาล แข็งนอก อ่อนใน ดีแต่พูดโม้ไปวัน ๆ แค่เรื่องถอดยศทักษิณยังทำไม่ได้ แล้วยังกระสันจะอยู่ต่ออีก 2 ปี ใครบ้างที่อยากให้รัฐบาลอยู่ต่อยกมือหน่อย” นายวีระ ระบุ
มีรายงานด้วยว่า ตลอดสัปดาห์ที่รัฐบาลเตรียมพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เฟซบุ๊ก AMI NANI Fanclub (หลานของ พ.ต.ท.ทักษิณ) กลับมีการเคลื่อนไหวตลอดทั้งสัปดาห์เช่นกัน โดยมีการเผยแพร่ภาพอดีตนายกรัฐมนตรี ทำกิจกรรมกับคนในครอบครัวในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ อุ้มหลาน 2 คน เป็นต้น สอดคล้องกับกระแสข่าวที่อ้างว่า เป็นแหล่งข่าวใกล้ชิดอดีตนายกฯ ออกมาระบุว่า “อดีตนายกฯ ปลงแล้วกับเรื่องลาภยศสรรเสริญต่าง ๆ เพราะได้เป็นมาทุกตำแหน่งแล้ว ตอนนี้ห่วงแต่สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทย ซึ่งชาวบ้านลำบากมาก อยากให้รัฐบาลไปสนใจแก้ไขให้ชาวบ้านดีขึ้นดีกว่า เพราะปัญหาปากท้องเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องของถอดยศของตนเอง หรือว่ารัฐบาลไม่มีอะไรทำและกลัวคนจะลืมเรื่องนี้”
“อดีตนายกฯ บอกว่า หากจะถอดจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องพิสดารอะไร ตนเองก็ถูกดำเนินการต่าง ๆ มาเกือบทุกรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ขนาดจ้างล็อบบียิสต์ต่างประเทศไม่ให้ต่างชาติออกวีซ่าให้ก็ทำมาแล้ว เพื่อไม่ให้ตนเดินทางไปไหนได้ ถ้าจะถอดยศก็ไม่ต้องทำขั้นตอนมากให้วุ่นวาย แค่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้า คสช. ด้วย สามารถใช้อำนาจรัฐประหารมาตรา 44 ลงนามในคำสั่งถอดยศได้ทันที และขอขึ้นทูลเกล้าฯ เท่านั้นก็จบแล้ว ทั้ง ผบ.ตร., รมว.ยุติธรรม หรือสภานิติบัญญัติ ก็ไม่มีอำนาจเทียบเท่านายกฯ อีกแล้วในเวลานี้ ท้ายที่สุดถ้าประเทศไทยไม่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้เป็นมาตรฐานเดียว จะเกิดความขัดแย้งในประเทศยังมีต่อไป” แหล่งข่าวคนใกล้ชิดอดีตนายกฯ กล่าว
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีธงหรือต้องการชี้นำไปในทางหนึ่งทางใด ทุกอย่างขึ้นกับข้อเท็จจริงแห่งการกระทำและข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้ ขณะที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาร่วมกันว่าที่สุดแล้ว การดำเนินการจะออกมาในลักษณะใด ด้วยเหตุผลอะไรและข้อกฎหมายใด
“เรื่องการถอดยศอดีตนายกฯดำเนินไปตามขั้นตอนมาโดยตลอด เมื่อมีผู้ร้องก็มีการพิจารณาตามระเบียบเงื่อนกฎหมายที่มีอยู่ ไม่ใช่เรื่องของการดำเนินการช้าไป เร็วไป หรือคิดทำร้ายใคร ช่วยเหลือใครทั้งสิ้น อยากเรียนว่าการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไม่สามารถใช้อารมณ์ความรู้สึก หรือความต้องการของคนใดคนหนึ่งเป็นที่ตั้งได้ ทุกอย่างมีกฎระเบียบและทุกคนควรเคารพกฎกติกานั้น เพื่อความสงบสุขของส่วนรวม” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศชาติต้องการพลังความสามัคคีของทุกฝ่าย เรากำลังจะก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ที่ไร้พรมแดนมากขึ้น การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายประการในประเทศ ซึ่งทุกคนต้องพร้อมรับภาวะการเปลี่ยนแปลงนั้น หากประเทศต้องมาเสียพลังกับการสร้างความสับสนวุ่นวาย และพยายามก่อกวนทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล จะยิ่งส่งผลเสียต่อการเตรียมพร้อมของประเทศ อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายเลิกเล่นการเมืองแต่หันมาใส่ใจพัฒนาบ้านเมืองของเราในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้