มีคำพูดเปรียบเปรยแบบกัดเจ็บจี๊ดๆ ว่า “อย่างับเอาไว้เยอะ ถ้าไม่มีปัญญาเคี้ยวให้หมด” หรือเตือนว่า “คนเราต้องรู้จักข้อจำกัดของตัวเอง” เช่น อย่าคุยโขมงโฉงเฉง จะทำโน่นทำนี่ แหกตาชาวบ้าน สุดท้ายไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ทุกวันนี้ชาวบ้านยังถ่างตาดูว่านโยบายปราบทุจริต คอร์รัปชันตามคำประกาศลือลั่นของคุณท่านนั้นประสบผลสำเร็จอย่างไรบ้าง น่าใจหาย เพราะหลายอย่างสร้างความหวังแบบหรูเริด นานๆ ไปกลายเป็นเหมือนไฟไหม้ฟาง
วูบโน่น วูบนี้ ก็หายวับ ไม่เหลือแม้แต่ควันไฟ ตัวอย่างเช่นความคึกในการทวงถามพื้นที่ป่าอุทยานซึ่งถูกบุกรุกโดยนายทุน สร้างรีสอร์ต ป่าสวนยางและสารพัดโครงการ เริ่มแรกได้แรงเชียร์จากชาวบ้านเยอะ ช่วงนี้เงียบฉี่ทุกทิศ
ไม่มีข่าวปรากฏให้เห็นความสำเร็จในการจับกุมแหล่งใหม่แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่พื้นที่ถูกบุกรุกทั่วประเทศครอบคลุมหลายแสนไร่ โดยเฉพาะในบริเวณเขาใหญ่ วังน้ำเขียว ป่าต้นน้ำลำธารในแหล่งท่องเที่ยว ไม่มีใครอธิบายว่าทำไม
ชาวบ้านได้แต่ปลง “สงสัยคงเจอตอขนาดใหญ่ เป็นพวกเดียวกัน มีอยู่เยอะเกินกว่าจะจัดการได้” ดังนั้น จึงเหลือเพียงกรณีตัวอย่างเช่นสนามแข่งรถที่โคราช พื้นที่บ้านจัดสรรโครงการพระจันทร์เต้นระบำ และนั่นนี่โน่นประกอบฉาก
คำคุยโวว่าไม่มีใครใหญ่อยู่เหนือกฎหมาย อิทธิพลล้นฟ้าแค่ไหนเจอ คสช.มาตรา 44 ก็ต้องฝ่อสิ้นสภาพ ชาวบ้านได้เห็นข้อพิสูจน์แล้วว่า “ไม่จริง”
มาตรา 44 ใช้เล่นงานเด็กแว้น เรือประมง และกลุ่มคนไร้เส้นสายเท่านั้น หรือถ้ามีการใช้จริงก็ถูกสงสัยว่าเป็นการปูทางเพื่อเตะเนื้อสุกรเข้าปากสุนัขหิว
ความไม่เอาจริงในการใช้อำนาจ ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธา ชาวบ้านเห็นการเลือกทำ และเลือกไม่ทำ จะเป็นเพราะว่าเจอตอ เป็นพวกเดียวกัน จึงเกิดอารมณ์ปรองดองสมานฉันท์ แหกเขี้ยวยิ้มให้กันจนปากแทบฉีกถึงใบหู
กรณีการปราบทุจริต คอร์รัปชันก็เช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของการเอาจริงเอาจังเทียบเท่าพลังผายลมของสุนัขแก่ๆ ยามบ่ายหน้าร้อนเท่านั้น
วันอาทิตย์ใช้บริการแท็กซี่ คนขับอารมณ์ตลกร้าย หัวร่อเสียงแค่นๆ เล่าให้ฟังว่า “เพ่ๆ จริงอย่างที่เค้าว่าเลย เดี๋ยวนี้ไม่มีใต้โต๊ะแล้ว...แม่งวางบนโต๊ะเลย” คงจะจริง ในยุคที่คนทั้งประเทศต้องเสียค่าโง่ซ้ำซาก คนโกงไม่ติดคุก
คุณท่านทำเอาชาวบ้านหัวเราะไม่ออกเมื่อพูดเหมือนทวงบุญคุณว่าเจ้าหน้าที่ได้ต่อรองให้พวกผู้รับเหมากรุณาลดดอกเบี้ยให้ จนเหลือ 9 พันล้าน แต่ชาวบ้านอยากรู้ว่า “ค่าโง่” จะทำให้ใครฉลาด กล้าไปจับไอ้ตัวโกงหรือไม่
นี่ยังไม่พูดถึงค่าโง่จำนำข้าว 9 แสนล้านบาท ยิ่งกว่าโคตรอภิมหาโง่!
คนไร้อารมณ์ขันหัวเราะเสียงแหบโหยเหมือนคนสิ้นหวังว่า “พวกคุณอย่าไปหวังว่าพวกมันจะทำอะไรเพื่อบ้านเมือง มันไม่ทำอะไรกับพวกโกงบ้านกินเมืองหรอก... พวกมันไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรหรอก เพราะพวกมันรวยแล้ว”
โดนเค้นหนักๆ ว่า “พวกมัน” คือใคร ตอบง่ายๆ “ก็พวกมัน” นั่นแหละ
ดังนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนคาดเดาเอาว่า “พวกมัน” นั้นคือใคร ดูแล้วน่าจะเป็นพวกไม่ยอมรับใต้โต๊ะ แต่ “รับบนโต๊ะ” นั่นเอง
คำอ้างว่า “พวกมันรวยแล้ว” คงไม่รวยแบบธรรมดาระดับ 10 หรือ 100 ล้าน น่าจะหลายร้อยหรือพันๆ ล้าน ภายใต้หลักคิดที่ว่าถ้าจะเสี่ยงต้องให้คุ้ม
เวรกรรมของบ้านเมืองเช่นเคย! ดังนั้น บ้านเมืองต้องมีคนรู้ทันเยอะๆ และต้องกล้ามากกว่าปกติ โดยเฉพาะในยุคคุมเข้ม ปิดปากห้ามคนโวย ห้ามชุมนุมแม้จะทำเพื่อบ้านเมือง เช่น ไล่คนจ้องโกง หรือคัดค้านโครงการงาบหนัก
วันก่อนคุณท่านพูดออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่าเรื่องถอดยศคุณเหลี่ยมนั้นจะต้องตั้งกรรมการสอบอีกรอบเพื่อความแน่นอน แล้วโยนเรื่องไปให้กระทรวงยุติธรรมจัดการ ทั้งๆ ที่คุณท่านเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ทำให้มากเรื่อง มีขั้นตอนเพิ่มซะงั้นแหละ ดูเหมือนมีเจตนาดี เอาจริง แต่คนรู้ทันสงสัยว่าจะเป็นการโยกเรื่องจาก “ซอมยอส ณ กาสิโน” เพราะได้กักไว้นานแล้ว จะดูน่าเกลียดมากถ้าต้องดองเรื่องนานจนถึง ผบ.ตร.คนใหม่
เรื่องนี้น่าจะเอาไปทดสอบความกล้าหาญของผู้เข้าข่าย ผบ.ตร.คนใหม่ หลังจากเอา 5 รองฯ มาแสดงวิสัยทัศน์ให้ดูเรื่องเยอะ น่าเชื่อถือ
พุทโธ่! บอกไปเลยว่า “นี่พวกคุณ 5 คน ถ้าใครกล้าถอดยศทักษิณ คนนั้นจะได้เป็น ผบ.ตร.” แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครของจริง กล้าเสี่ยง และใครปอดแหก
ยิ่งดูกระบวนการยื้อเรื่องถอดยศคุณเหลี่ยม ก็ยิ่งหมดหวังในอนาคตของบ้านเมือง กะอีแค่ถอดยศคนหนีคุกคนเดียวก็ทำไม่ได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ 3 เหล่าทัพถูกมองว่าสิ้นความน่าเกรงขาม แบบนี้จะทำอะไรได้
มีเสียงเตือนแล้วว่าการยื้อยาวนี้ เพื่อรอวันเวลาแผนนิรโทษกรรม
คนทั้งประเทศตกเป็นเหยื่อมหกรรมหลอกต้มซ้ำซากโดยกลุ่มคนมีอำนาจ ทั้งมาโดยการเลือกตั้งซื้อเสียงและมาโดยอำนาจปืน คืนวันเสาร์เห็นงานมงคลสมรสลูก 2 นักการเมือง รู้สึกสยดสยองเมื่อเห็นคนไปร่วมงาน
เป็นข้อพิสูจน์ว่าการเมืองสามานย์ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรจริงๆ
ทุกวันนี้ชาวบ้านยังถ่างตาดูว่านโยบายปราบทุจริต คอร์รัปชันตามคำประกาศลือลั่นของคุณท่านนั้นประสบผลสำเร็จอย่างไรบ้าง น่าใจหาย เพราะหลายอย่างสร้างความหวังแบบหรูเริด นานๆ ไปกลายเป็นเหมือนไฟไหม้ฟาง
วูบโน่น วูบนี้ ก็หายวับ ไม่เหลือแม้แต่ควันไฟ ตัวอย่างเช่นความคึกในการทวงถามพื้นที่ป่าอุทยานซึ่งถูกบุกรุกโดยนายทุน สร้างรีสอร์ต ป่าสวนยางและสารพัดโครงการ เริ่มแรกได้แรงเชียร์จากชาวบ้านเยอะ ช่วงนี้เงียบฉี่ทุกทิศ
ไม่มีข่าวปรากฏให้เห็นความสำเร็จในการจับกุมแหล่งใหม่แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่พื้นที่ถูกบุกรุกทั่วประเทศครอบคลุมหลายแสนไร่ โดยเฉพาะในบริเวณเขาใหญ่ วังน้ำเขียว ป่าต้นน้ำลำธารในแหล่งท่องเที่ยว ไม่มีใครอธิบายว่าทำไม
ชาวบ้านได้แต่ปลง “สงสัยคงเจอตอขนาดใหญ่ เป็นพวกเดียวกัน มีอยู่เยอะเกินกว่าจะจัดการได้” ดังนั้น จึงเหลือเพียงกรณีตัวอย่างเช่นสนามแข่งรถที่โคราช พื้นที่บ้านจัดสรรโครงการพระจันทร์เต้นระบำ และนั่นนี่โน่นประกอบฉาก
คำคุยโวว่าไม่มีใครใหญ่อยู่เหนือกฎหมาย อิทธิพลล้นฟ้าแค่ไหนเจอ คสช.มาตรา 44 ก็ต้องฝ่อสิ้นสภาพ ชาวบ้านได้เห็นข้อพิสูจน์แล้วว่า “ไม่จริง”
มาตรา 44 ใช้เล่นงานเด็กแว้น เรือประมง และกลุ่มคนไร้เส้นสายเท่านั้น หรือถ้ามีการใช้จริงก็ถูกสงสัยว่าเป็นการปูทางเพื่อเตะเนื้อสุกรเข้าปากสุนัขหิว
ความไม่เอาจริงในการใช้อำนาจ ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธา ชาวบ้านเห็นการเลือกทำ และเลือกไม่ทำ จะเป็นเพราะว่าเจอตอ เป็นพวกเดียวกัน จึงเกิดอารมณ์ปรองดองสมานฉันท์ แหกเขี้ยวยิ้มให้กันจนปากแทบฉีกถึงใบหู
กรณีการปราบทุจริต คอร์รัปชันก็เช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของการเอาจริงเอาจังเทียบเท่าพลังผายลมของสุนัขแก่ๆ ยามบ่ายหน้าร้อนเท่านั้น
วันอาทิตย์ใช้บริการแท็กซี่ คนขับอารมณ์ตลกร้าย หัวร่อเสียงแค่นๆ เล่าให้ฟังว่า “เพ่ๆ จริงอย่างที่เค้าว่าเลย เดี๋ยวนี้ไม่มีใต้โต๊ะแล้ว...แม่งวางบนโต๊ะเลย” คงจะจริง ในยุคที่คนทั้งประเทศต้องเสียค่าโง่ซ้ำซาก คนโกงไม่ติดคุก
คุณท่านทำเอาชาวบ้านหัวเราะไม่ออกเมื่อพูดเหมือนทวงบุญคุณว่าเจ้าหน้าที่ได้ต่อรองให้พวกผู้รับเหมากรุณาลดดอกเบี้ยให้ จนเหลือ 9 พันล้าน แต่ชาวบ้านอยากรู้ว่า “ค่าโง่” จะทำให้ใครฉลาด กล้าไปจับไอ้ตัวโกงหรือไม่
นี่ยังไม่พูดถึงค่าโง่จำนำข้าว 9 แสนล้านบาท ยิ่งกว่าโคตรอภิมหาโง่!
คนไร้อารมณ์ขันหัวเราะเสียงแหบโหยเหมือนคนสิ้นหวังว่า “พวกคุณอย่าไปหวังว่าพวกมันจะทำอะไรเพื่อบ้านเมือง มันไม่ทำอะไรกับพวกโกงบ้านกินเมืองหรอก... พวกมันไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรหรอก เพราะพวกมันรวยแล้ว”
โดนเค้นหนักๆ ว่า “พวกมัน” คือใคร ตอบง่ายๆ “ก็พวกมัน” นั่นแหละ
ดังนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนคาดเดาเอาว่า “พวกมัน” นั้นคือใคร ดูแล้วน่าจะเป็นพวกไม่ยอมรับใต้โต๊ะ แต่ “รับบนโต๊ะ” นั่นเอง
คำอ้างว่า “พวกมันรวยแล้ว” คงไม่รวยแบบธรรมดาระดับ 10 หรือ 100 ล้าน น่าจะหลายร้อยหรือพันๆ ล้าน ภายใต้หลักคิดที่ว่าถ้าจะเสี่ยงต้องให้คุ้ม
เวรกรรมของบ้านเมืองเช่นเคย! ดังนั้น บ้านเมืองต้องมีคนรู้ทันเยอะๆ และต้องกล้ามากกว่าปกติ โดยเฉพาะในยุคคุมเข้ม ปิดปากห้ามคนโวย ห้ามชุมนุมแม้จะทำเพื่อบ้านเมือง เช่น ไล่คนจ้องโกง หรือคัดค้านโครงการงาบหนัก
วันก่อนคุณท่านพูดออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่าเรื่องถอดยศคุณเหลี่ยมนั้นจะต้องตั้งกรรมการสอบอีกรอบเพื่อความแน่นอน แล้วโยนเรื่องไปให้กระทรวงยุติธรรมจัดการ ทั้งๆ ที่คุณท่านเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ทำให้มากเรื่อง มีขั้นตอนเพิ่มซะงั้นแหละ ดูเหมือนมีเจตนาดี เอาจริง แต่คนรู้ทันสงสัยว่าจะเป็นการโยกเรื่องจาก “ซอมยอส ณ กาสิโน” เพราะได้กักไว้นานแล้ว จะดูน่าเกลียดมากถ้าต้องดองเรื่องนานจนถึง ผบ.ตร.คนใหม่
เรื่องนี้น่าจะเอาไปทดสอบความกล้าหาญของผู้เข้าข่าย ผบ.ตร.คนใหม่ หลังจากเอา 5 รองฯ มาแสดงวิสัยทัศน์ให้ดูเรื่องเยอะ น่าเชื่อถือ
พุทโธ่! บอกไปเลยว่า “นี่พวกคุณ 5 คน ถ้าใครกล้าถอดยศทักษิณ คนนั้นจะได้เป็น ผบ.ตร.” แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครของจริง กล้าเสี่ยง และใครปอดแหก
ยิ่งดูกระบวนการยื้อเรื่องถอดยศคุณเหลี่ยม ก็ยิ่งหมดหวังในอนาคตของบ้านเมือง กะอีแค่ถอดยศคนหนีคุกคนเดียวก็ทำไม่ได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ 3 เหล่าทัพถูกมองว่าสิ้นความน่าเกรงขาม แบบนี้จะทำอะไรได้
มีเสียงเตือนแล้วว่าการยื้อยาวนี้ เพื่อรอวันเวลาแผนนิรโทษกรรม
คนทั้งประเทศตกเป็นเหยื่อมหกรรมหลอกต้มซ้ำซากโดยกลุ่มคนมีอำนาจ ทั้งมาโดยการเลือกตั้งซื้อเสียงและมาโดยอำนาจปืน คืนวันเสาร์เห็นงานมงคลสมรสลูก 2 นักการเมือง รู้สึกสยดสยองเมื่อเห็นคนไปร่วมงาน
เป็นข้อพิสูจน์ว่าการเมืองสามานย์ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรจริงๆ
