นายกรัฐมนตรีบอกแข็งแรงแล้ว ขาเจ็บน้อยลง เผยสัปดาห์หน้าคิกออฟมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เมืองทองธานี ใช้งบขับเคลื่อนระดับฐานราก ไม่ใช่ประชานิยม ติดขัดกฎหมายก็อาจใช้ ม.44 อย่าเพิ่งกังวลเรื่องภาษี ขอใช้เวลาเพิ่มศักยภาพ ความเข้มแข็ง ขีดอำนาจการส่งออก เร่งรัดลงทุนรถไฟ รถไฟฟ้า โดยที่ไม่เสียประโยชน์ จวกบางสื่อเขียนโดยไม่รู้ข้อมูล แฉพวกปูดเพราะประมูลสู้ไม่ได้
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้แข็งแรงขึ้นแล้ว ขาเจ็บน้อยลง สำหรับผลการประชุม ครม.ประเด็นหลักคือเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องมาตรการต่างๆ ในเมื่อเรากำหนดมาตรการเอาไว้แล้วทั้งตามมติ ครม. การเดินหน้าการขับเคลื่อน ในสัปดาห์หน้าจะคิกออฟเรื่องเหล่านี้ที่เมืองทองธานี จะมีการเชิญกองทุนหมู่บ้าน และจะมีการเตรียมการประชุมล่วงหน้าไว้ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ประชาชนรู้ว่านี่คือสิ่งที่เราจะทำจริงๆ ในเรื่องงบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานราก และสร้างความเข้มแข็งของเขาให้ได้ ไม่ใช่การทำประชานิยม เงินที่เราลงทุนไปจะเกิดประโยชน์และรายได้มากที่สุด รวมทั้งต้องดูเรื่องกฎหมายด้วย การทำอะไรก็ตามต้องใช้กฎหมาย อะไรที่ติดขัดอาจจะใช้มาตรา 44 บ้างเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายกฯ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมวันนี้คุยเรื่องเงินลงทุน เงินทุนของเอสเอ็มอี ค่าประกันการเพิ่มทุน เพื่อจูงใจให้เอสเอ็มอีทั้งหมดเข้าระบบ ที่ขณะนี้เอสเอ็มอีทั่วประเทศประมาณ 2.7 ล้านราย จำนวนนี้มีมากกว่า 2 ล้านรายที่ไม่ขึ้นทะเบียนในระบบ แต่เขาได้เสียภาษี ตอนนี้ก็ได้เพิ่มเม็ดเงินเข้าไปในธนาคารรัฐ เพื่อเร่งและสร้างแรงจูงใจ ส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้เขาได้พัฒนาประสิทธิภาพการผลิตได้ บางอย่างผลิตออกมาแล้วขายไม่ได้ ต้องมีการปรับปรุงกันอย่างไร และเรื่องมาตรการทางภาษี เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้จะใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งเป็นหลักการทั่วไปอยู่แล้วในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ผู้ที่ยังไม่เข้มแข็ง ผู้ที่ต้องมีการพัฒนาและปรับปรุง เพราะมีหลายอย่างที่ต้องสอดคล้องกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่มีการแยกเป็น 3 ประเภท 1. เข้มแข็งและขยายกิจการ 2. ไปต่างประเทศ 3. ฟื้นฟูกิจการที่กำลังจะเริ่มใหม่ จะต้องมีการซับพอร์ตทั้งหมด ถ้าคนเล่านี้ไม่เข้ามาอยู่ในระบบการสนับสนุนต่างๆ ก็ทำได้ยาก อย่าเพิ่งกังวลเรื่องภาษี อย่าไปกลัว มีหลักเกณฑ์ในการจ่ายอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้ ครม.มีการอนุมัติขั้นต้นไปแล้ว
นายกฯ กล่าวว่า เราจะใช้เวลาที่มีอยู่ในขณะนี้ในเรื่องการขับเคลื่อนประเทศ 1. สิ่งที่มันต้องถอยหลัง ที่มันต้องหยุดมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร เรามีศักยภาพพร้อมทุกอย่าง เราต้องขับเคลื่อนและเดินหน้าประเทศให้ได้ในทุกมิติ 2. ต้องเพิ่มความเข้มแข็งและพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดอำนาจความเข้มแข็งเรื่องการส่งออก เรื่องรายได้ที่จะเข้าประเทศ รวมถึงเรื่องการลงทุน เพราะในเศรษฐกิจใหม่ไม่ได้พึ่งการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียว เขาเคยทำกันหรือไม่ตนอยากจะรู้ เอสเอ็มอีเขาเคยทำกันหรือไม่ วันนี้เอสเอ็มอีเขาก็มาทำร่วมกับธนาคารรัฐ และก็ร่วมกับการบริหารของรัฐบาล มีคนเข้ามาเยอะแยะ มีการยกระดับหลายแห่ง ที่ทำทั้งหมดท่านเกี่ยวแต่เรื่องการเมือง เกี่ยวกับเรื่องมาตรา 44 เรื่องที่มันจบไปแล้วก็ไม่จบ ตนทำให้มันจบไง เรื่องที่มันเป็นความขัดแย้งให้จบไปก่อน
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการเร่งรัดการลงทุนพื้นฐานวันนี้ชัดเจนขึ้น ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า ต้องเร่งให้ได้ โดยที่เราไม่ต้องเสียประโยชน์ ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมาอะไรก็ไม่รู้งุบงิบๆ กันอยู่ มันก็เดินไม่ได้หมดนั้นแหละ มันต้องชัดเจน อะไรที่ตัดสินใจไปแล้วมันผ่านการกลั่นกรอง วิเคราะห์ มากมาย บางสื่อก็ไปเขียนอะไรไม่รู้ ไม่รู้ข้อมูลแล้วนำไปเขียน เขียนไปก็ไม่ได้ประโยชน์นี่คือปัญหาของเรา คนที่ให้ข้อมูลท่าน ท่านต้องรู้ว่าเป็นพวกไหน ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจ การลงทุน การทำสัญญา ดูสิว่าคนที่มันมาบอกท่านเป็นคนอย่างไร บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ใช้ได้ไหม ส่วนใหญ่มีการร้องเรียนจากพวกนั้นทั้งนั้นแหละ ที่มีการประมูลแข่งขันกันแล้วไม่ได้ ก็มาตีข้างนอก มันก็ทำไม่ได้ ทุกวันนี้ท่านก็ทำอะไรไม่ได้ รถเมล์ก็วิ่งไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ แล้วท่านจะเอาอะไรจากตนล่ะ ท่านก็ต้องกลั่นกรองหน่อย จะเสนอข่าวอะไรก็แล้วแต่
นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้การลงทุนพื้นฐานวันนี้มีการลงทุนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ วางอนาคตประเทศ และมีการขับเคลื่อนมากขึ้น มีการใช้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของรัฐบาล จะทำให้เข้าใจว่าเขาทำงานกันอย่างไร ก็ทำสามอย่างนั่นแหละ ความขัดแย้งก็ร่วมกับคสช. บริหารประเทศก็ร่วมกับรัฐบาล ปรองดองก็ร่วมกับกระบวนการยุติธรรม เอาคดีความเยียวยากันอย่างไร ดูเรื่องง่ายไปก่อน ยากค่อยไปว่ากันทีหลัง เพราะต้องมีการออกกฎหมาย เรื่องการปฏิรูปก็นำแผนเข้ามา อะไรที่ทำได้ก็ทำ อะไรที่จะต้องมีการบูรณาการระหว่างกระทรวง มาตรา 44 ต้องบูรณาการให้ได้ กฎหมายกระทรวงมันทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด นั่นคือแนวทางที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างต่อไปในอนาคต ถ้าไม่ทำแบบนี้มันทำไม่ได้ จะต้องมีการนำร่องให้เห็นก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปปรับ