นายกรัฐมนตรี ชี้กรณี สปช. คว่ำรัฐธรรมนูญ สะท้อนว่า การเริ่มต้นการปรองดองไม่เกิดขึ้น พร้อมระบุส่วนหนึ่งมาจากนักประชาธิปไตยต้องการเลือกตั้ง แต่โจมตีทั้งขึ้นทั้งล่อง เตือนพวกที่ทำมาเป็นคนดี เจอคดีทุจริตโดนหมด ปฏิเสธ สปช. สายทหารล็อบบี้ ถือว่าดูถูกมันสมอง พร้อมปัดทาบทามคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่คาดหวังกระบวนการนับหนึ่งใหม่ ประชามติเสร็จกลับบ้าน เอาฉบับปี 40 เลือกตั้งใหม่ คนที่สนับสนุนฉบับปี 50 ไม่พอใจ
วันนี้ (7 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการสรรหาคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 21 คน หลังสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า กำลังคิดอยู่ยังไม่รู้ว่าจะมีใครบ้าง ซึ่งตนกำลังหาอยู่ ตนไม่คิดคนเดียว โดยจะหารือกับคณะทำงานถึงเรื่องของความเหมาะสม ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดเก่านั้นไม่ดี แต่เมื่อเป็นบทเรียนว่าการร่างครั้งแรกโดยตนไม่ได้มองว่าดีหรือไม่ดี เป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็นประชาธิปไตย แต่มองว่าการเริ่มต้นการปรองดองไม่เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่บัดนี้
“ผมถามว่า สถานการณ์มันจะเป็นอย่างไร การปรองดองของผมคือคนใน สปช. จากทุกจังหวัด จากแดง จากเหลืองมาหมด ผมไม่ได้ห้ามใครทั้งสิ้น และคนที่มาเป็นกรรมาธิการก็มาจากกลุ่มนี้ ผมถามว่าถ้ากลุ่มนี้เข้าใจหรือไม่เข้าใจกัน จะผ่านหรือไม่ผ่าน ผมไม่สนใจ ผ่านผมก็ไม่ได้อะไร ไม่ผ่านผมก็ไม่ได้อะไร ทำงานมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ผมคิดของผมแบบนี้ ฉะนั้น สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมด ผมเรียนว่าเป็นความตั้งใจของทุกคนและต้องขอบคุณที่อุตสาห์อยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ก็ 11 เดือน ท่ามกลางความกดดัน ความขัดแย้ง ความเห็นต่างมากมาย ท่านก็อดทนขอท่านแล้วและทำมา ประเด็นของผมคือคนที่ไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง แต่ติอยู่นั้นแหล่ะ ติทุกวัน ๆ มันก็มีอารมณ์นะ ซึ่งทำให้มีความรุนแรงเกิดขึ้นในเชิงความคิด จริง ๆ แล้วเขามาด้วยกันมาจากการคัดสรรแต่งตั้ง 250 คน ปกติแล้วรัฐธรรมนูญร่างโดยคณะกรรมการไม่กี่คน แต่นี่ร่างโดยกรรมการไม่ใช่แค่ 32 คน แต่ร่างโดย 250 คน ผมถามว่ามันจบลงง่าย ๆ ได้ไหม นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้ 250 คน แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองมันควรจะเอาอย่างไร ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากนักประชาธิปไตย และพวกโลกสวยอยากให้เลือกตั้งเร็ว แต่ต้องดูว่าเขาโจมตีตั้งแต่ก่อนผ่านหรือไม่ผ่าน หากผ่านผมก็โดน ไม่ผ่านผมก็โดน และตอนนี้กำลังโดนต่อ ถ้าไม่ผ่านผมต้องลาออก ต้องเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ คนเหล่านี้พวกไหน แยกแยะให้ผมด้วย ไม่ใช่เอาทุกอย่างมาพลวันพลเก กันหมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การปรองดองคืออะไร เมื่อไหร่จะเข้าใจกันเสียที ไม่ใช่การยกโทษ เป็นเรื่องของกระบวนการ ทำให้ทุกพวกทุกฝ่ายลดระดับความรุนแรงที่เกิดขึ้น และแสวงหาทางออกร่วมกัน ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ ถ้าทำความผิดมันยกโทษให้ไม่ได้ เข้าใจไหม ไม่มีใครยกโทษให้ได้ หรือคุณจะยกให้ สังคมให้หรือไม่ ฉะนั้น วันนี้ถ้าคุณมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ที่ผ่านมาเป็นไหม เป็นแล้วเกิดอะไรขึ้น ไปถามไอ้คนที่ออกมาพูดบ้าง มันเกิดอะไรขึ้น มีคนตาย คนเจ็บ มีระเบิด และทำอย่างที่ตนทำบ้างหรือเปล่า ตนเข้ามาแบบนี้ยังทำให้เลย ทำในสิ่งที่ดี จะอยู่มากอยู่น้อย อยู่กี่วัน แต่ก็อยู่เพื่อสร้างความดีให้กับประเทศนี้ บนดินแดนที่ทุกคนหากินอยู่ทุกวันนี้ แล้วคนอื่นทำหรือเปล่า และทำอะไรกันมาบ้าง
“วันนี้มาเป็นคนดีกันทุกคนเลย ก็รอคอยแล้วกัน กระบวนการยุติธรรมมันถึงกันหมดถ้าสอบสวนเกี่ยวข้องกับใครก็โดนหมด ในคดีทุจริต อย่ามาบอกว่าไม่ทุจริตนะ ถ้าไม่ทุจริตคงไม่มีเรื่องหรอก และถ้าไม่มีเรื่องนี้ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 ผมไม่มีโอกาสเข้ามายืนตรงนี้อยู่แล้ว และเวลาผมเข้ามา สื่อก็พยายามจะเบียดตนออกไปให้ได้ และเอาไปเทียบกับคนเหล่านี้ ผมคงไม่ไปเทียบด้วย ผมไม่ใช่คนทำผิดกฎหมาย ผมผิดในฐานะที่เข้ามารับผิดชอบ ตรงนี้ผิดรู้อยู่แล้ว แต่เอาผมไปผิดเหมือนคนทุจริตผิดกฎหมาย มันคนละระดับกับผม ผมไม่พูดด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้ทาบทามคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไว้แล้วใช้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทาบทามใคร สื่อจะเป็นหรือเปล่า ไม่ทาบใครทั้งนั้น ตนเขียนเอง ตนเอารายชื่อมาคิด เพราะรู้ว่าคนนี้บ้านนี้เป็นอย่างไร วันนี้ต้องหาคนที่เป็นตัวของตัวเอง และเป็นคนที่จะต้องแสวงหาทางออกให้ได้ ในเมื่อบ้านเมืองมีปัญหาเหล่านี้ ไม่รู้จักว่ากระบวนการแสวงหาทางออกในความขัดแย้งทำอย่างไร ทำไม่เป็นหรอก มีแต่ให้คนนี้ทำ คนโน้นทำ ตนมาก็ให้ตนทำ ทำไมทำกันเองไม่ได้หรือ แล้วทำไมสื่อไม่ช่วยตน ต้องการความสงบเรียบร้อยหรือเปล่า ท่านก็ต้องลดระดับลงไปบ้าง เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ต้องเอามาขุดคุยทุกวัน สื่อทีวี เอากันใหญ่โต มันใช่เวลาไหมวันนี้ การที่ตนอยู่ทุกวัน ๆ ทำอะไรให้พวกคุณ หรือตนมานั่งเฉย ๆ นั่งกินผลประโยชน์หรือมาทุจริต ถ้าคุณไปเลือกมาแล้ววันหน้า มาทุจริต คุณอย่าไปโทษใคร วันหน้าถ้ามาโทษ ตนก็จะโทษท่านทุกคน ที่ไปเลือกไอ้คนทุจริตมา
เมื่อถามว่า ในแนวคิดของนายกฯ จะให้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับเดิมที่ร่างไว้มาเป็นแนวทาง หรือทำใหม่ทั้งหมด นายกฯ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมันจะเป็นอย่างไร ก็เป็นได้แค่นี้ จะออกมากี่มาตรา ซึ่งอันไหนที่เป็นสากลก็ต้องเป็นสากล และอันไหนที่ควรจะต้องปรับเปลี่ยนให้ตรงกับสถานการณ์ ขอถามว่าต้องการปฏิรูปหรือไม่ ถ้าต้องการก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
เมื่อถามว่า จะใช้โอกาสนี้กล่าวทำความเข้าใจกับประชาชนหรือไม่ หลังจากร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้รับการเห็นชอบจาก สปช. นายกฯ กล่าวว่า ก็พูดอยู่นี่ ทำไมต้องพูดทุกวัน ครั้งแรกครั้งสุดท้าย เรื่องรัฐธรรมนูญตนพอแล้ว
เมื่อถามว่า สปช. สายทหารโหวตไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้คนเข้าใจผิดว่ามีใบสั่ง นายกฯ กล่าวเสียงดังว่า ทำไม เขาเป็นทหารมา และเกษียณไปแล้ว ตนไปสั่งได้หรือไม่ สื่อก็มองแต่แบบนี้ ดูถูกสมองเขานะ ตนตอบอยู่นี่ ไม่ได้สั่งไงล่ะ เมื่อถามว่าแต่การที่ทหารโหวตคว่ำอาจถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปโจมตีนายกฯได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่สนใจ และสื่อจะไปขยายความให้เขาทำไม คนดีหรือเปล่าที่ไปขยายให้ สื่อมองอย่างไร ที่มาถามตน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนไทยต้องเรียนรู้ใหม่ สื่อต้องเรียนรู้ใหม่ ว่าจะทำอย่างไรในวันข้างหน้าถึงจะไม่มีความขัดแย้ง เกิดความเป็นธรรม มีความยุติธรรม ตนทำทุกวัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลอื่น มีหรือไม่มีคนอื่นจะทำแบบนี้ อย่างเช่นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีใครทำบ้าง
เมื่อถามว่า คาดหวังอย่างไรกับการร่างรัฐธรรมนูญครั้งใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้คาดหมายอะไรทั้งสิ้น ตนทำงาน และไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น รัฐธรรมนูญถ้าผ่านก็ไปทำประชามติ แล้วเลือกตั้ง เรียบร้อยแล้วตนก็จะกลับบ้าน ไม่ว่าเวลาจะยืดหรือสั้นตนไม่มีผลประโยชน์ และวันนี้ทำงานมากี่วันแล้ว
เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญไม่ผ่าน สปช. ถือว่าเหนื่อยเปล่าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วเหนื่อยเพื่อใคร มันก็ต้องอดทน สื่อก็อย่าทำให้ตนเส้นโลหิตแตกก่อนก็แล้วกัน 1. ถามว่าประเทศไทยต้องการการปฏิรูปหรือไม่ 2. เชื่อมั่นหรือไม่ว่ารัฐบาลใหม่ที่มาจากพรรคการเมืองจะทำการปฏิรูป ต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อน ซึ่งถ้าสงสัยให้กลับไปดูข้อที่ 1 ว่าก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 นักการเมืองมีความดีทั้งหมดหรือไม่ 3. วันนี้ต้องมีกระบวนการไปสู่การปฏิรูปหรือไม่ 4. แน่ใจหรือไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยหลังการเลือกตั้ง ต้องถามแบบนี้ ไม่ใช่มีโพลมาบอกว่าวันนี้คะแนนนายกฯ ตกต่ำ คะแนนขึ้น เพราะตนไม่สนใจ เพราะสนใจแค่ว่าจะทำอะไรสำเร็จได้บ้าง
“ไปดูสิว่าประชุม ครม. เขามีอะไรบ้าง เขากับผมประชุมมันต่างกันอย่างไร รู้หรือไม่ ครม. ทำอะไรให้ท่านบ้าง ไม่เคยรู้ มักเอาสิ่งที่เป็นอดีตมาเป็นปัจจุบันไปทั้งหมด ถามว่าจะหลุดจากความขัดแย้งตรงนี้ไปเมื่อไหร่ ต่างชาติเขารอท่านทั้งนั้นแหละ เขารอว่าเมื่อไหร่ไทยจะสงบสักที เขาถามผมก็บอกว่าเดินตามโรดแมปของผม ซึ่งมีรัฐธรรมนูญ ผ่านได้ก็ผ่านไป แล้วเขาก็หยุดถาม มีแต่ในประเทศนี่แหละถามอยู่นั่น ไม่เข้าใจภาษาไทยหรือยังไง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องแสวงหาความเข้าใจให้ได้ ตอนนี้มีคนอยู่แบบนี้ มีการตีกันไปมา และมักจะมีมือที่สามเข้ามา โดยต้องการให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม เรื่องรัฐธรรมนูญหากนำรัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้ อีกพวกหนึ่งก็จะดีใจ แต่พวกที่ชอบรัฐธรรมนูญปี 50 ก็ไม่ยอม ดังนั้นจึงต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่
เมื่อถามว่า มั่นใจในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่จะตั้งขึ้นมาใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไปดูคำถามข้อที่ 1. ใหม่ว่าก่อนวันที่ 22 พ.ค. เกิดอะไรขึ้น แล้วต้องการให้แก้ไขหรือไม่ ถามว่าต้องการปฏิรูปหรือไม่ ไปถามว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้งจะปฏิรูปไหม ไปถามเขาดู เพราะการผ่านรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการ 21 คนที่จะตั้งขึ้น แต่อยู่ที่ประชาชนทั้งประเทศว่า รู้ ตระหนักถึงภัยของตัวเองหรือยัง ถ้ายังตนก็ไม่เอาด้วยแล้ว เพราะช่วยไม่ได้แล้ว ต่อให้สิบประยุทธ์ ร้อยประยุทธ์ ก็ทำไม่ได้ ตนไม่ใช่วีรบุรุษ จึงไม่ต้องการทำคนเดียว แต่ต้องการให้คน 70 ล้านคน ช่วยประเทศให้หลุดพ้นเสียที เพราะถ้าเลือกตั้งวันนี้อีกฝ่ายก็จะออกมาประท้วง แล้วมาหาว่าตนต้องการสืบทอดอำนาจ ยืนยันว่า ถ้าเลือกตั้งโดยไม่ทะเลาะกันก็ว่าไปเลย
เมื่อถามว่า แสดงว่า คิดว่าหากเลือกตั้งตอนนี้ก็จะกลับมาทะเลาะกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ต้องบอก พวกท่านก็จะตอบเหมือนตน