“อภิสิทธิ์” ระบุร่าง รธน.ส่อสร้างความขัดแย้งในหลายประเด็น แถมไม่มีเรื่องการปฏิรูป ยุ สปช.คว่ำเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น เตือนหากปล่อยให้ไปถึงการทำประชามติ จะยิ่งเกิดความสับสนวุ่นวายมากขึ้น ย้ำ คปป.ตัวก่อปัญหาทำประเทศติดหล่ม ชี้ บ้านเมืองจะเดินไปได้ต้องใช้รธน.เต็มร้อย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)บางคนเตรียมส่งร่างรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยประเด็นร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากไม่มีคำปรารภ ว่า ตนคิดว่าไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นหลักการทักท้วง เพราะเคยทำแล้วครั้งหนึ่งในปี 2540 ซึ่งมีบทสรุปไปแล้วว่าคำปรารภเขียนล่วงหน้าไม่ได้ เพราะต้องบรรยายกระบวนการทั้งหมดจนกระทั่งเกิดการตรารัฐธรรมนูญ จึงขอให้ดูสาระของรัฐธรรมนูญ เพราะการใส่เนื้อหาเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) อย่างกระชั้นชิดเป็นการสร้างปัญหารัฐซ้อนรัฐ ซึ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้งในอนาคต เป็นปัญหาต่อระบอบประชาธิปไตย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่เคยขัดข้องว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องถูกกำกับไม่ให้ใช้อำนาจในทางไม่ชอบ และไม่ขัดข้องที่จะมีบทบัญญัติให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งเดินหน้าเรื่องการปฏิรูป แต่สิ่งที่เขียนอยู่ไม่ได้บอกว่าการปฏิรูปคืออะไร ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ และยังมีบทบัญญัติบังคับรัฐบาลได้ เช่นกรณีมีความคิดเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ถ้ารัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้แล้วเสนอนิรโทษกรรมแบบที่เคยเกิดขึ้น รัฐบาลและสภาก็ขัดไม่ได้ ซึ่งจะเป็นปัญหาหรือแม้แต่การปฏิรูปตำรวจที่เคยเขียนไว้ดีแล้วกลับเอาออกไปหมด แต่จะเสนอเป็นกระทรวงตำรวจ ถ้ารัฐบาลจากการเลือกตั้งอยากปฏิรูป แต่เห็นว่าแนวทางนี้ไม่ใช่การปฏิรูปตำรวจก็จะไม่เกิดการปฏิรูปได้จริง แต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น เพราะจะมีความพยายามแก้รัฐธรรมนูญ ในขณะที่ คปป.ก็จะขัดขวางเพราะกระทบต่อตัวเอง แล้วใช้อำนาจที่มีมาบังคับซึ่งจะยิ่งเกิดความขัดแย้งมากขึ้น จึงอยากให้ สปช.คว่ำรัฐธรรมนูญฉบับนี้
“ร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของ สปช. ผมไม่อยากให้สปช.ผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ไม่ใช่เพราะว่าทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ แต่เป็นการปรับปรุงเนื้อหาในรัฐธรรมนูญให้ดีก่อนทำประชามติ เพราะมีหลายเรื่อง ไปได้มีแต่ปัญหาเรื่อง คปป.ซึ่งมีช่องโหว่ในอนาคต เช่น รัฐบาลในอนาคตอาจสามารถแก้ไขกฎหมายลูกในการกำหนดกติกาการได้มาซึ่ง ส.ว.และ คปป. ก็จะเกิดปัญหามาก ดังนั้นไม่ควรนำไปสู่ความขัดแย้งไปสู่จุดการทำประชามติหรือหลังเลือกตั้ง ดังนั้น สปช.ต้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนี้เลย ส่วนการปรับปรุงเนื้อหาไม่จำเป็นต้องใช้เนื้อหาตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว แค่เชิญทุกฝ่ายมาหารือพร้อมบอกเป้าหมายกับสังคมที่ชัดเจนว่า ต้องการปฏิรูปอย่างไร และจะให้มีกลไกอะไรมากำกับดูแลที่ดีกว่าทำให้เกิดรัฐซ้อนรัฐ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเสร็จได้ภายใน 2-3 เดือน จากนั้นค่อยทำประชามติ”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า แม้สังคมจะกังวลว่าบ้านเมืองจะกลับไปวุ่นวาย จะไม่มีการปฏิรูป จึงมีความพยายามคิดสร้างอำนาจรัฐซ้อนรัฐ โดยปราศจากรูปธรรมของการปฏิรูปและไม่มีกลไกที่ชัดเจนในเรื่องป้องกันการใช้อำนาจในทางที่ผิด จะยิ่งเพิ่มความวุ่นวายความสับสนและความรุนแรงในอนาคต ดังนั้นเห็นว่าคสช.ควรเปิดใจหารือสิ่งที่ตัวเองเป็นกังวล เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่น ต้องเขียนรัฐธรรมนูญที่ทุกฝ่ายอมรับทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ทางออกที่ดีที่สุดคือสปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ มีคณะกรรมการ 21 คน มาปรับปรุงเนื้อหา คงเป้าหมายการปฏิรูปการรักษาความสงบและการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นไว้ แต่ถ้าไม่รับฟังตนก็กังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในทุกขั้นตอนนับจากนี้เป็นต้นไป เพราะไม่มีทางลัด จะใจร้อนหรือคิดง่ายๆไม่ได้ เพราะปัญหามีที่มาที่ไปชัดเจน แต่ตอนนี้พูดปลายทางว่าปัญหาคือคนทะเลาะกัน โดยไม่ดูว่าความขัดแย้งมาจากต้นเหตุใด เพราะคปป.ที่เขียนขึ้นมาไม่มีรูปธรรมว่าขอบเขตการใช้อำนาจคืออะไร ต่างจากการบัญญัติในเรื่องการสกัดนโยบายประชานิยม
ดังนั้นหากสปช.ผ่านร่างนี้จะนำไปสู่การทำประชามติ จะสร้างปัญหาแน่และความรุนแรงจะมากขึ้น เพราะคนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องเคลื่อนไหว หากคสช.ไม่ให้เคลื่อนไหวก็จะเกิดปัญหาว่าจะทำประชามติทำไม ซึ่งเป็นความขัดแย้งเบื้องต้น ขั้นตอนต่อไปถ้าไม่ผ่านประชามติก็จะเกิดปัญหากับหลายฝ่ายโดยเฉพาะกับคสช. แม้ว่าผ่านประชามติก็จะเข้าสู่การเลือกตั้งที่จะต่อสู้ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงมองไม่เห็นว่าการเดินเช่นนี้จะช่วยให้ประเทศเดินไปข้างหน้า หลุดพ้นจากปัญหาเดิมได้อย่างไร ตนมองในแง่ดีว่าเป็นความพยายามที่จะคลายความกังวลของสังคมที่กลัวว่าจะไม่มีการปฏิรูปและสังคมจะไม่สงบก็ควรนำเป้าหมายนี้มาคุยกันทุกฝ่ายให้สังคมยอมรับแล้วเดินไปในทางเดียวกัน
“พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าสปช.ไม่ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะดีกว่า เพราะเมื่อไปถึงประชามติจะมีปัจจัยอื่นเข้ามา ทั้งภาวะเศรษฐกิจ ความต้องการเลือกตั้ง ยิ่งมีการพ่วงคำถาม จะทำให้เกิดความสับสนมากขึ้นก็จะเกิดความยุ่งยาก จึงอยากให้คำนึงด้วยว่ากติกานี้ต้องใช้ตลอดไป อย่าคิดว่าผ่านๆไปก่อนตอนนี้ไม่ได้ เพราะร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แตกต่างจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ซึ่งผมเคยแสดงจุดยืนว่าให้ผ่านไปก่อน เพราะยืนยันว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ใช้ได้ และไม่ใช่ต้นตอของปัญหาในขณะนี้ แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีหลายจุดที่เป็นปัญหาแน่นอน ผมไม่อยากให้มองว่าเกิดการเลือกตั้งได้หรือไม่ แต่ต้องมองว่าถ้าจะเลือกตั้งได้จะอยู่ในภาวะอย่างไร เมื่อมีการรัฐประหารแล้วสังคมตั้งความหวังให้สะสางปัญหาเดิมเพื่อเดินไปข้างหน้า แต่ผมมองมาเห็นว่าสังคมจะเดินหน้าอย่างราบรื่นได้ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สปช.จึงควรปลดสลักแล้วกลับมาตั้งหลักกันใหม่ แก้ในส่วนที่เป็นปัญหา และให้เกิดความชัดเจนในเรื่องหลักคิด เพราะทุกวันนี้เป็นเรื่องวาทกรรม ปฏิรูป ปรองดอง ประชาธิปไตย ทำให้เกิดการโต้เถียงไปมา ซึ่งนำไปสู่ความวุ่นวายเหมือนเดิม ทั้งนี้ คสช.และสปช.ต้องทำหน้าที่ของตัวเองโดยอำนาจของสปช.มีเรื่องลงมติร่างรัฐธรรมนูญเพียงเรื่องเดียวที่มีผลในทางปฏิบัติ นอกนั้นเป็นเพียงคำเสนอแนะ จึงอยากให้ดูตามเนื้อหาว่ากติกาสูงสุดของประเทศที่ร่างขึ้นมีความเหมาะสมหรือไม่ โดยอย่าไปคิดว่าคว่ำรัฐธรรมนูญและให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ”
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในอดีตรัฐธรรมนูญเพียงวรรคเดียวเป็นชนวนจนทำให้ฆ่ากันตาย เกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่ว่าดี99เปอร์เซ็นต์ แล้วจะไม่มีปัญหา เพราะกรรมการยุทธศาสตร์ที่ทำให้เกิดรัฐซ้อนรัฐจะทำให้เกิดความวุ่นวายมาก ถามง่ายๆว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์จะปฏิรูป แต่ไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินจะทำได้หรือ เพราะการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปต้องควบคู่กัน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความขัดแย้งมาก ขอให้ตั้งหลักใหม่ ถ้าจะเสียเวลาอีก 2-3 เดือนก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าพวกตนเห็นแก่ตัวอยากกลับไปเป็นผู้แทนก็คงบอกให้รีบผ่านเพื่อให้มีเลือกตั้ง แต่ตนคิดว่าไม่ใช่ เพราะไม่ต้องการกลับไปเลือกตั้งแล้วไปวุ่นวายอีก แต่ต้องการการเลือกตั้งมีประชาธิปไตยที่ดีและสมดุล
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยต่อสายตานานาชาติ ว่า นานาชาติคงมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว แต่ไม่สำคัญเท่ากับผลลัพธ์ที่มีต่อสังคมไทย ถ้าดีแต่นานาชาติไม่ชอบเราก็ไม่จำเป็นต้องตามใจนานาชาติ แต่สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่อยากให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพราะจะเกิดปัญหาตรงกันข้าม จึงอยากให้รับฟังรวมถึงกรณีที่จะพ่วงคำถามเรื่องรัฐบาลปรองดอง ตนยืนยันมาโดยตลอดไม่เห็นด้วยกับการพ่วงคำถามใดๆทั้งสิ้น เช่น ถามว่าจะปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง 2 ปี ถ้าผลออกมาว่าประชาชนเห็นชอบกับรัฐธรรมนูญ และเห็นชอบกับคำถามด้วย จะปฏิบัติอย่างไร เพราะขัดแย้งกันเอง ก็จะยิ่งวุ่นวายไปหมด ทุกคนต้องเลิกคิดเรื่องการเมืองแต่ต้องคิดว่าอะไรดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองในอนาคต
“วิธีคิดที่จะให้มีรัฐบาลแห่งชาติเพื่อแบ่งสรรผลประโยชน์ไม่ใช่การแก้ไขปัญหา เพราะต้นตอเกิดจากการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิด การจะให้ใครร่วมกันเป็นรัฐบาลไม่ใช่การแก้ไขปัญหานี้ ถ้าไม่มีการแก้ไขว่าการใช้อำนาจที่ผิดต้องถูกตรวจสอบด้วยกลไกที่เหมาะสม จึงอยากให้คิดว่าจะทำอย่างไรให้มีกติกาที่เหมาสมและยั่งยืนในอนาคต”