สะพัด! บัวแก้วส่งหนังสือเวียนแจง “กงสุล - ทูตไทย” ทั่วโลก ปมถอนพาสปอร์ต “จาตุรนต์ ฉายแสง” แล้ว คาดปมขัดคำสั่ง คสช. ที่ไม่เข้ารายงานตัว ในการกระทำการยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ เจ้าตัว งง! ไม่แน่ใจ กต. ใช้อำนาจตามกฎหมายใด ยกเลิกหนังสือเดินทาง
วันนี้ (2 ก.ย) มีรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำหนังสือเวียนแจ้งให้ สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ไทยที่ประจำการทั่วโลก ได้ทราบถึงการยกเลิกพาสปอร์ตทุกเล่มของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีต รมว.ศึกษาธิการ ภายหลังมีกระแสข่าวว่า กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการยกเลิกหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตแบบบุคคลทั่วไป (เล่มสีแดง) ของนายจาตุรนต์ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ส่งหนังสือเพื่อยื่นคำร้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินงานยกเลิกพาสปอร์ต เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ซึ่งขณะนี้มีผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในหนังสือระบุถึงสาเหตุการยกเลิกพาสปอร์ตของนายจาตุรนต์ ในเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่ นายจาตุรนต์ เป็นผู้ต้องหาคดีขัดคำสั่ง คสช. ที่ไม่เข้ารายงานตัว ในการกระทำการยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความไม่สงบ หรือละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 กรณีการร่วมปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ
ขณะที่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เบื้องต้นตนยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะยังไม่ได้รับแจ้งจากทางกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ หากเป็นไปตามข่าวจริง ตนก็คงจะต้องไปขอทราบเหตุผลว่ายกเลิกด้วยเหตุอะไร และคงต้องดำเนินการเพื่อให้ได้สิทธิกลับคืนมา นอกจากนี้ ตนไม่แน่ใจว่ากระทรวงการต่างประเทศใช้อำนาจตามกฎหมายใด ในการยกเลิกหนังสือเดินทางของตน และใช้อย่างถูกต้องหรือไม่
ก่อนหน้านั้น นายจาตุรนต์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเหตุผลการคว่ำรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง ว่า สปช. ส่วนใหญ่น่าจะรู้ว่าร่างรัฐธรรมนูญที่จะนำหายนะมาสู่ประเทศชาติเช่นนี้ คงจะถูกคว่ำในขั้นประชามติ น่าแปลกว่าทำไมไม่คว่ำเสียเอง
ถ้าปล่อยให้ร่างอุบาทว์นี้ผ่านไปแล้วไปตกในขั้นประชามติ สปช. ชุดนี้จะหนีความรับผิดชอบทางการเมืองพ้นหรือ
ผมเจอประชาชนมาบอกว่า ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ พวกเขาก็อยู่ต่อสิ ให้ผ่านไม่ดีกว่าหรือ ผมบอกไปว่า ถ้าผ่าน พวกเขาจะยิ่งอยู่ต่อไปอีกนาน
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้น่าจะผ่านประชามติยากกว่าฉบับปี 50 มาก เพราะมีเนื้อหาเผด็จการชัดแจ้งและเป็นการต่ออายุ คสช. ไม่มีกำหนด ทั้งยังแก้ไม่ได้ด้วย
เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งหมดหวังที่จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนี้ในขั้นตอนลงประชามติ สปช. ผ่านได้ ประชาชนก็ช่วยกันคว่ำได้ครับ
เห็น พลเอก ประยุทธ์ ออกมาชี้แจงความจำเป็นของการมี คปป. และบอกว่าไม่มีการสืบทอดอำนาจ คงต้องบอกว่าช่างไม่กระดากปากเอาเสียเลย ไหนบอกว่า ‘อย่าชี้นำ’
ตกลงว่า คสช. ชี้นำได้ และฝ่ายที่สนับสนุนเท่านั้นที่สามารถแสดงความเห็นได้ คนที่เห็นต่างห้ามพูด ทั้ง ๆ ที่บอกว่าร่างนี้ดีเลิศประเสริฐศรี
ถ้าอย่างนี้ให้ สปช. ผ่านร่าง แล้วแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวให้ใช้บังคับได้เลย จะทำประชามติให้เสียเงินเสียทองไปทำไม
ตามร่างนี้ คสช. จะสืบทอดอำนาจต่อไปอีกนาน คุณประยุทธ์จะไปเป็นประธาน คปป. หรือไม่ ยังไม่มีใครบอกได้ ขึ้นกับว่าเวลานั้นยังมีอำนาจทางทหารหรือไม่
ผู้มีอำนาจทางทหารจะเป็นประธาน คปป. ซึ่งจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหมือนหัวหน้า คสช. เวลานี้
ก่อนนี้มักมองกันว่า ร่างนี้มุ่งสร้างกลไกมาคุมนายกฯ และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ดูโดยรวมแล้วจะพบว่าเขาตั้งใจจะตั้งรัฐบาลคนนอกด้วย
คือ ผู้ไม่มาจากการเลือกตั้งเป็นทั้งรัฐบาล และ คปป. พร้อมกันเลย และยังมีอำนาจเหนือฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
จะสังเกตได้ว่า มีกลไกที่ไว้ค้ำจุนรัฐบาล และจัดการกับฝ่ายค้านได้อย่างสบายมือ เช่น รัฐบาลขอความไว้วางใจและการถอดถอน ส.ส. ฝ่ายค้านได้โดยรัฐสภา
ในอดีต ทึ่มักเรียกกันว่าเผด็จการรัฐสภานั้น หลาย ๆ ครั้งมักพูดเกินจริงไป แต่การให้รัฐสภาถอดถอนส.ส. ฝ่ายค้านได้ นี่แหละเผด็จการรัฐสภาตัวจริง
ส่วนการให้ ส.ว. ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง (โดย ครม.) ชุดนี้มีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญทั้งหลาย นอกจากไม่ชอบธรรมแล้วยังเป็นการสืบทอดอำนาจแบบหนึ่ง
ร่างรัฐธรรมนูญนี้จึงเป็นร่างเพื่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. ที่จะปกครองประเทศแบบเผด็จการต่อไปอย่างไม่มีกำหนดและเมื่อใช้บังคับแล้วจะไม่มีใครแก้ได้
หาก สปช. ผ่านด้วยขาดจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี ประชาชนก็ต้องร่วมมือกันคว่ำในขั้นลงประชามติ ไม่ต้องห่วงว่าคว่ำแล้วเขาจะอยู่ยาว ไม่คว่ำจะยาวกว่า
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงได้เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องภายในอำนาจหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาเห็นว่า ถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาบางส่วนที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัย หรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย ประกอบกับกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนสวบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ,326 และ 328 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (3) (5)
กระทรวงการต่างประเทศได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เข้าข่ายที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 21 (4) และข้อ 23 (2) จึงได้ประกาศยกเลิกหนังสือเดินทาง เลขที่ U957441 และเลขที่ Z530117 ของพันตำรวจโท ทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2558