นายกรัฐมนตรี กล่าวลงพื้นที่แม่สอด อยากให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเกิดขึ้นในปี 58 - 59 พร้อมให้สิทธิพิเศษนักลงทุนในพื้นที่ ไม่กังวลกระแสกดดัน สปช. คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ถามกลับนักการเมืองที่ผ่านมาเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ถึงแหยง คปป. แต่ไม่กังวลประชามติ ไม่ผ่านก็ทำใหม่ อีกด้านต้องยกเครื่องจัดระเบียบจุดผ่านแดนใหม่ ใครมีผลประโยชน์เจอโทษทันที เหน็บพวกวิจารณ์คดีบึ้มราชประสงค์ บอกไม่ใช่หนังซีเอสไอ จับได้เร็วทุกคดี พ้อทหารไม่มีเพื่อนเป็นนักธุรกิจ เลยไม่มีรางวัลนำจับ
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและศูนย์ประชุมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลนครแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า จากการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ และต้องการทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เพราะหากเราคิดเอง สั่งเอง ใช้กฎหมายเองโดยที่ประชาชนไม่เข้าใจก็ไปไม่ได้ และวันนี้ต้องการมาแสดงเจตนารมณ์ และให้เห็นตัวตนว่ามีความจริงใจ จริงจังในการเดินหน้าประเทศโดยใช้เวลาที่มีอยู่น้อยนี้มาทำ แต่ที่สำคัญ ต้องถามว่ามีความพร้อมหรือยัง แต่ตนพยายามแก้ปัญหาที่ติดขัดอย่างน้อยก็อยากให้เกิดขึ้นในปี 58 - 59 ที่ตนยังอยู่ ไม่ได้ต้องการเป็นชื่อเสียง แต่ต้องการให้เป็นโครงการนำร่องได้ต่อไป วันนี้มีการวางแผนงานไว้หมดแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะมาลงทุน ซึ่งขณะนี้มีบริษัทต่างชาติสนใจประมาณ 76 ราย ซึ่งจะต้องดูว่าจะมีการจัดสิทธิประโยชน์อย่างไร นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ดิน ที่จะต้องคุยกับชาวบ้านว่าจะได้อะไรบ้างและเคลียเรื่องนายทุนต่าง ๆ และที่สำคัญ ที่หลวงไม่สามารถซื้อขายได้อยู่แล้ว ผิดกฎหมาย และเราจะไม่ไปซื้อจากคนเหล่านี้ และจะบังคับเอาคืนทั้งหมด เพราะเป็นพื้นที่หลวง จึงต้องมาพูดคุยกัน ไม่เช่นนั้นการลงทุนก็ไปไม่ได้ ยืนยันว่า รัฐบาลนี้จะดูแลประชาชนภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ เพราะการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากกระทบกับประชาชนทั้งประเทศ
“ปัญหาอยู่ที่บุกรุกที่หลวง เสร็จแล้วขายต่อ ถ้าขายที่หลวงผมไม่รับผิดชอบ ขายไม่ได้อยู่แล้ว ผิดกฎหมาย ต้องคืนทั้งหมด ยังไงก็ขายต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นการจัดหาที่ดินจะไม่ซื้อที่ดินจากที่ผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นเอามาคืนเสีย มาคุยกับผู้ว่าฯ ว่าจะเอายังไง ต้องเอาทั้งหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์มาใช้ด้วย และต้องสอนให้คนอยู่กับธรรมชาติให้ได้ ผมประกาศให้ยึดให้หมด ที่ขายไปแล้วกี่เจ้า ผมไม่รู้ แต่ยึดที่มาก่อน ไปเคลียร์เอาเอง อุตส่าห์หาที่ให้คนยากจน พออยู่ได้ 1 - 2 ปีก็ขายต่อไปบุกเบิกใหม่อีก เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องดูแลคนเหล่านี้ให้มีที่อยู่ ให้มีอาชีพอยู่ได้ จึงอยู่ที่ความซื่อสัตย์ของทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนที่มีความกังวลเรื่องสิทธิประโยชน์ว่าจะได้รับเฉพาะชาวต่างชาติ หรือต่างพื้นที่เท่านั้น ตนได้สั่งการให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวแล้วเพื่อให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนในพื้นที่ด้วย และจะสร้างแรงจูงใจให้แก่นักลงทุนให้ได้ทั้ง 3 ส่วน คือต่างชาติ ต่างพื้นที่และท้องถิ่น เพื่อยกระดับในพื้นที่นี้ได้ และอนาคตจะทำให้เกิดกิจการและกิจกรรมที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ จะต้องเน้นเรื่องการท่องเที่ยวและบริการ ที่เน้นชุมชนเป็นหลัก ชาวบ้านได้ผลประโยชน์จากการท่องเที่ยว ซึ่งตนได้สั่งการไปยัง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว ทั้งนี้ยืนยันจะดูแลคนในพื้นที่มากที่สุดและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของประเทศมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ด้านแรงงานทั้งต่างด้าวและแรงงานไทยได้เน้นย้ำให้มีการดูแลเรื่องสาธารณสุข และดูแลคนเหล่านี้ และต้องเตรียมแรงงานฝีมือของไทยด้วย ซึ่งจะมีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานใน จ.ตาก เนื่องจากอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดนด้วย ทั้งนี้พึงพอใจสำหรับการติดตามงานวันนี้ มีข้อเสนอดี ๆ ซึ่งรัฐบาลจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดต่อไป
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนักการเมืองออกมาแสดงความเห็นให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า ถามเขาซิว่าเขาเดือดร้อนอะไรจากตรงนี้ เดือดร้อนเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์ใช่หรือไม่ เขาบอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แล้วที่ผ่านมา เป็นประชาธิปไตยเป็นแบบที่เขาทำหรือไม่ เขาสัญญาหรือไม่ว่าเขาจะทำ ถ้าเขาสัญญาว่าเขาจะทำมันก็คงมีไม่ได้ แต่ถ้าเขาไม่สัญญาแล้วมาตีรวนอย่างนี้ ตนว่ามันก็ไม่ถูก คิดซิ อย่าฟังตนอย่างเดียว ตนเข้าข้างใครไม่ได้อยู่แล้ว ต้องไปดูหลาย ๆ หมวด จะมาบอกว่าไม่ดู ดูไม่รู้เรื่องไม่ได้ ท่านต้องมีอิสระในการตัดสินใจ ผ่านไม่ผ่านก็เรื่องของท่าน ถ้าไม่ผ่านก็ต้องร่างใหม่ ถ้าผ่านแล้วไม่มีอะไรเป็นหลักประกัน มันก็จะเกิดขึ้นอีก เลือกมาซิจะเอาอย่างไร
เมื่อถามว่า จะเป็นการขยายความขัดแย้งหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใครขัดแย้งกับใคร สื่อมวลชนจึงกล่าวว่า นักการเมืองกับ สปช. นายกรัฐมนตรีถามกลับว่า เขาขัดแย้งได้หรือ ตนเชิญเขามาร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้นแล้ว เขาบอกว่าไม่มา เขาบอกเขามีส่วนได้ส่วนเสีย เขาให้เกียรติ กมธ. ยกร่างฯ พอถึงเวลานี้ร่างออกมาก็บอกว่าไม่ได้เชิญเขามาร่าง ไปค้นคำพูดของเขามาซิ ทุกคนที่พูดออกมา
เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ในชั้นการโหวตของ สปช. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ห่วง เป็นเรื่องชะตากรรม ท่านเป็นผู้กำหนดอนาคตเอง เพราะท่านเลือกชะตากรรมของท่านเอง ตนพร้อมจะไปนั่งดู และไม่มีใครทำอะไรให้ท่านอีกแล้ว พอแล้ว ก็ตีกันไม่เลิกแล้วกัน อย่างนี้มันจะเลิกกันหรือไม่เล่า เลิกหรือไม่ตนขอถามซิ รัฐธรรมนูญยังออกมาเลย ยังไม่อะไรทั้งสิ้นเลยก็เตรียมตีกันแล้ว ท่านอย่ามาลงโทษตน ไปลงโทษคนที่จะตีกันนู่น ถามว่าที่ผ่านมาได้ทำอย่างที่ตนทำหรือไม่ ทำหรือเปล่า ไม่ได้ทำแล้วท่านอยากให้เขาทำหรือไม่ อยากให้เขาทำแล้วถ้าเขาไม่ทำท่านจะทำอย่างไร ต้องมีใครไปกำกับเขาบ้างหรือเปล่า ก็แค่นั้นแหละ
เมื่อถามถึงการที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะขอแถลงข่าวคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญบ้าง หลังจากที่มูลนิธิมวลมหาประชาชนได้ออกมาแถลงข่าวก่อนหน้านี้เรื่องร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่อง ไม่เกี่ยว เดี๋ยวตนดูอีกที ให้ คสช. พิจารณา ตนไม่ได้เข้าข้างใครอยู่แล้ว ตนถามว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองมันสงบ ทุกคนพยายามจะขอนี่ ไอ้นี่ไม่ได้ สรุปว่ามันยังไม่จบใช่หรือไม่ มันยังรบกันไม่เลิกใช่หรือไม่ ไปดูตรงนั้น เพราะว่าถ้าท่านได้รัฐบาลใหม่ เรื่องเก่าจะตีกันอีกหรือเปล่า สัญญาหรือไม่ว่าจะเลิกตีกัน สัญญาหรือไม่ว่าจะยอมรับกติกาประชาธิปไตย จะยอมรับผลการเลือกตั้ง สัญญาหรือยัง อย่ามาดีแต่พูดกับตนตอนนี้
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองออกมาสัญญาใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่เรียกร้อง จะเรียกทำไมผมสั่ง ผมมีอำนาจนี่ บางอย่างมันต้องใช้อำนาจ ให้อำนาจมานานแล้ว เป็นรัฐบาลมาก็นานแล้ว ผมทำตามคำสั่งเขามานานแล้วด้วย วันนี้ผมเป็นกรรมการ”
เมื่อถามว่า แปลว่า นายกฯ จะสั่งให้ฝ่ายการเมืองออกมาสัญญากับประชาชนใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ผมไม่สั่ง เขาบอกเขามาจากประชาชนใช่หรือไม่ เขาจะทำเพื่อประชาชนใช่หรือไม่ เขาจะเลือกตั้งโดยประชาชนใช่หรือไม่ ท่านไปถามเขาสิ ท่านเป็นผู้ใช้อำนาจไม่ใช่หรือ ท่านเป็นเจ้าของอำนาจไม่ใช่หรือ ใช่หรือเปล่า ใช้อำนาจให้ถูกสิ ไปใช้กับเขา มาไล่ผมทุกอย่างเลยหรืออย่างไร ทำอะไรกันไม่เป็นหรืออย่างไร คิดไม่เป็นหรืออย่างไร คิดกันบ้าง ไม่ได้โมโหอะไรเลยเนี่ย”
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงเรื่องการทำประชามติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไม่ได้ห่วงหรอก ไม่ผ่านก็ทำใหม่
นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีวางระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ จากสืบสวนผู้ต้องสงสัยที่จับได้ ว่า ผลการสอบสวนจะสามารถรู้ต้นสายปลายเหตุของผู้ก็เหตุอย่างไรนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีการสอบสวน ถ้ายังสืบไม่ถึงแล้วเขายังไม่ตอบ จะให้ทำอย่างไร หรือจะให้ไปซ้อม รัดคอ บีบคอเขาหรืออย่างไร โดยระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบ ด้วยมาตรการที่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเวลานี้เขาปฏิเสธไม่ได้ จากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ดีเอ็นเออะไรต่าง ๆ และทางตำรวจก็แถลงแล้ว ว่า คนที่จับได้ยังไงก็ต้องเกี่ยวข้องกับระเบิดที่แฟลต เพราะดีเอ็นเอติดอยู่แต่จะโยงไปตรงเหตุระเบิดที่ราชประสงค์หรือเปล่า ตำรวจกำลังสอบต่อ ถ้าไม่ใช่คนนี้ก็ต้องมีอีกคนหนึ่ง ส่วนผลการสืบสวนสอบสวนก็ค่อย ๆ ดี และเจอมาเรื่อย ๆ
“ถ้าอยากให้การสอบสวนเสร็จเร็ว ไปดูหนังเรื่องซีเอสไอ จับผู้ร้ายได้หมด ทุกอย่างจะทำได้หมด โธ่... ต่างชาติยังทำไม่ได้ กี่คดีที่ยังจับไม่ได้ ทำไมไม่ดูเขาบ้างมันก็ธรรมดา เครื่องมือเราทันสมัยหรือยัง เราก็พยายามพัฒนาประสิทธิภาพอยู่นี่ไง ฉะนั้น ขอให้ช่วยกัน อย่าติติงกันมากนักอย่าใจร้อน วันนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ทุกวัน ทุกช่อง โอ้ มันเก่งกว่าตำรวจอีกเว้ย ไอ้นั่นต้องอย่างนี้ สงสัยอย่างนั้น ทำไมไม่เป็นตำรวจซะ แต่มาเป็นพิธีกร วิเคราะห์กันเป็นบ้าเป็นหลัง ทำให้สังคมสับสน ตำรวจเขามีวิธีการสอบสวนอยู่ จะเชื่อมโยงยึดโยงด้วยสาเหตุอะไร อย่าเพิ่งไปสรุปมากนัก ถ้าสรุปอย่างนี้ ไอ้ผู้ร้ายเกิดมันไม่ใช่ขึ้นมาก็ดีใจ ว่ารอดแล้ว ไม่เกี่ยว มันไม่ใช่” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ในจุดผ่านแดนต่าง ๆ จะต้องมีการจัดระเบียบใหม่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีช่องโหว่ ในการข้ามแดนผิดกฎหมาย นายกฯ กล่าวว่า กำลังจัดระเบียบอยู่ ซึ่งต้องมีมาตรการเครื่องไม้เครื่องมือเพิ่มเติม และทำด่านใหม่ หากแรงงานจะเข้ามาในประเทศไทย ต้องผ่านระบบการตรวจสอบ หากจะออกบัตรให้อยู่ได้เป็นปีต้องพิสูจน์สัญชาติ วันนี้เป็นภาระเราจดทะเบียนแรงงานต่างชาติ ทั้งหมดประมาณ 6 ล้านคน มาจากประเทศไหนก็ไม่รู้ ซึ่งประเทศเขาต้องพิสูจน์สัญชาติของเขาเอง แต่หากพิสูจน์สัญชาติไม่จบ ก็ต้องออกใบแทน ตรงนี้อาจเป็นแหล่งผลประโยชน์ วันนี้ได้สั่งไปแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นเจ้าหน้าที่ต้องโดนย้ายแล้วทำโทษทันที
เมื่อถามว่า จุดผ่านแดนไทย - กัมพูชา ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายของผู้กระทำความผิดทั้งหลาย ที่จะหลบหนีออกต่างประเทศ นายกฯ กล่าวว่า มันไปทุกที่ เพราะตรงนั้นไปง่ายและใกล้ ไม่มีภูเขา ตรงนี้ถือว่าใกล้ชายแดนที่สุด มีทั้งรถยนต์ รถไฟไปถึงได้ นอกนั้นก็เป็นป่า ไม่มีทหารไปยืน ห่างเป็นตารางเมตร มันก็มีช่องทางผ่านที่ถูกกฎหมายผิดกฎหมาย ก็ต้องไปเฝ้า ช่องแบบนี้เกิดทุกวัน ปิดตรงนี้ไปตรงนู้น เหมือนกับสื่อโซเชียลมีเดียนั่นแหล่ะ แล้วมาด่าตนเข้ามาควบคุมไม่ได้ เรื่องสิทธิท่านจะเอาทุกอย่างไม่ได้ ทั้งความั่นคง ความสะดวก ความปลอดภัย ความสบาย ไม่มีใครเขาให้หรอกทั้งโลกเขาไม่ทำ ประเทศใหญ่รวย ๆ ดี ๆ ที่ตนไปมา โทรศัพท์ยังไม่มีเท่าบ้านเรา แค่นี้บ่นต่อไม่ได้อะไรไม่ได้ ประเทศที่เขาผลิตโทรศัพท์มาขายท่านทั้งหมด และระบบต่าง ๆ ต่อโทรศัพท์ไม่ได้แบบนี้หรอก แต่ของเราต้องดีที่สุด ติดต่อได้ ไม่มีใครมาบังคับขู่เข็ญ ความลับส่วนตัวเยอะ มันไม่ได้หรอก
เมื่อถามว่า ทางตำรวจมีเงินรางวัลนำจับ แล้วในส่วนของทหารที่มาร่วมจับจะมีการพิจารณาให้เงินรางวัลด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูเรื่องงบประมาณ บางทีมันไม่ได้ เงินรางวัลดังกล่าวไม่ใช่ของตำรวจทั้งหมด แต่เป็นนักธุรกิจให้มา เพราะตำรวจจะมีเพื่อเป็นนักธุรกิจมากพอสมควร แต่ทหารไม่ค่อยมีเพื่อนแบบนั้น ทหารจน ส่วนกำลังใจนั้น ตนให้ใจกับทหาร ซึ่งเขาก็ภูมิใจในการทำหน้าที่ และถ้าหัวหน้าชุดทหารที่ร่วมปฏิบัติการกับตำรวจซึ่งรู้จักกันมานาน อยากได้เงินรางวัล ให้มาเอากับตน จะให้สักก้อนสักหมัดนึง ทหารจะน้อยใจไม่ได้ ทหารไม่ใช่คนขี้ใจน้อย ถ้าตนใจน้อยก็ไม่มาเจอกับพวกสื่ออยู่แล้ว ทหารไม่ใช่คนขี้ใจน้อย ทหารอดทน แต่ความอดทนก็มีจำกัดในบางครั้ง