xs
xsm
sm
md
lg

ประยุทธ์-สมคิด ทีมใหม่-ทีมสุดท้าย ท่าดีทีเหลวอีกก็จบเกม !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

“ผมตั้งใจไว้ว่าจะทำเป็นทีม ร่วมมือกันทุกกระทรวง ไม่มีการแบ่งแยกกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เพราะปัญหาของประเทศสัมพันธ์กันหมด เชื่อว่า ผมจะได้รับความร่วมมือที่ดีมาก นอกจากนี้ นายกฯ ได้ฝากให้ช่วยสานต่อ และติดตามในสิ่งที่ท่านเคยสั่งการไปแล้ว หากมีสิ่งใดให้ปรึกษากับ ครม. ได้ โดยเฉพาะ ครม. เศรษฐกิจ นายกฯ ยินดีจะช่วยสนับสนุนทุกประการ

“สาเหตุของปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซาและชะลอตัวมาจาก 2 สาเหตุ คือ 1. ปัจจัยภายนอก มาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา หลายประเทศเริ่มมีปัญหา แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกเป็นเหตุที่เกิดขึ้นระยะสั้น เมื่อดีขึ้นจะคลายตัวลง และ 2. ปัจจัยภายใน ขณะนี้ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำทำให้เกิดปัญหาค่าครองชีพของคนรากหญ้า อำนาจซื้ออ่อนแอกำลังซื้อจึงมีไม่ค่อยเพียงพอนัก และพอมาเกิดเรื่องความไม่เชื่อมั่น เพราะมีข่าวเศรษฐกิจที่ไม่ดีออกมาตลอดเวลาทำให้การลงทุนในประเทศไม่ขยับเท่าที่ควร”

“ผมอยากให้เราเชื่อมั่นในพื้นฐาน และศักยภาพของประเทศ รัฐบาลจะเร่งรีบเข้าไปแก้ในจุดอ่อน และสร้างรากฐานสำหรับอนาคตต่อไป ดังนั้น จึงเรียนนายกฯ ไปว่าในระยะสั้นจะทำอย่างไรที่จะลงไปช่วยเหลือรากหญ้า โดยเฉพาะเกษตรกรที่อยู่ในต่างจังหวัด ให้เศรษฐกิจพื้นฐานขับเคลื่อนได้ ซึ่งมีมาตรการที่ฟอร์มกันอยู่ จะพยายามเสนอเข้า ครม.ให้เร็วที่สุด ซึ่งจะพอประทังให้กิจกรรมเศรษฐกิจท้องถิ่นและภูมิภาคขับเคลื่อนไปได้ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจโดยทั่วไปเริ่มหมุนได้”

“และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นไม่ใช่เรื่องเฉพาะหน้า แต่มาจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่การแข่งขันเฉพาะผลผลิตที่ผลิตได้และส่งออกเริ่มของเราเริ่มจะแข่งขันไม่ค่อยได้ แม้พื้นฐานเชิงโครงสร้างเราจะดีอยู่ แต่ว่าหลายสิ่งจะต้องได้รับการปฏิรูปและพัฒนายกระดับขึ้นไปให้ได้ ยกตัวอย่างสินค้าที่เคยผลิตและมีมูลค่าต่ำจะต้องยกระดับให้ได้ การลงทุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่จะต้องเกิดขึ้น ไม่ได้หมายความแค่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ แต่รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนภายในประเทศ ในอนาคตข้างหน้าการเติบโตจากภายนอกที่ช่วยเราให้ส่งออกอย่างเดียวจะไม่ใช่อย่างเดิม ดังนั้น การเติบโตและการเจริญต้องมาจากการลงทุนภายในประเทศ ลงทุนในท้องถิ่นและต่างจังหวัดซึ่งจะสัมพันธ์กับการที่รัฐบาลลงทุนในเขตอุตสาหกรรมทั้งหลายเพื่อให้ความเจริญเติบโตกระจายออกไปในภูมิภาค สามารถสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจที่มาลงทุนในเขตเหล่านั้นได้ ถึงจะไปแข่งขันกับโลกภายนอกได้ ส่วนในด้านต่างประเทศจะประสานงานกับต่างประเทศเพื่อร่วมมือกันในการเจรจาการค้าทั้งหลายเพื่อให้เกิดผลพลอยได้ในทุกมิติ”

“ขอย้ำว่า ภารกิจไม่ใช่แค่กระตุ้นเศรษฐกิจ การกระตุ้นเป็นแค่การทำช่วงสั้นเพื่อประคองไม่ให้คนยากจนลำบาก แต่หัวใจสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านที่จะทำให้ประเทศสามารถแข่งขันได้ภายในอนาคตข้างหน้าจะพยายามใช้เวลาช่วงที่มีอยู่ปีเศษ ๆ เริ่มแก้ไขและปฏิรูปเลย ไม่ต้องรอ และจะประสานกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า อะไรทำก่อนให้ทำเลย เพราะเวลามีค่อนข้างน้อย หวังว่าทุกอย่างจะไปได้อย่างที่ต้องการ จะพยายามทำให้ดีที่สุด อยากให้คนไทยมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย ยิ่งไม่เชื่อมั่นเท่าไรจะยิ่งทำให้ทุกอย่างซบเซา ถ้าเราไม่เชื่อมั่นในประเทศของเราก็ยากที่จะพัฒนาต่อไปได้”

“สมัยปี 2540 ช่วงนั้นรากหญ้ายังสบาย ๆ การส่งออกยังดี ช่วงนั้นเป็นคนรวยที่ลำบาก แต่ครั้งนี้กลับกัน ไปดูในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทใหญ่ ๆ มีผลประกอบการดีและแข็งแรง เพราะประสบการณ์ในอดีตทำให้เขารู้จักระวังตัว แต่ครั้งนี้รากหญ้าลำบาก ถ้าปล่อยให้รากหญ้าลำบากนานเกินไป ข้างบนก็จะลำบากไปด้วย ดังนั้นต้องสัมพันธ์และช่วยกัน

“สำหรับการลงทุนในอนาคตข้างหน้าไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ อยากให้มีการลงทุนในภูมิภาค ท้องถิ่น เรามี 76 จังหวัด ต้องทำให้ 76 จังหวัดเข้มแข็งด้วยตัวของเขาเอง ไม่ใช่ทุกมิติไปอยู่ที่การส่งออกหมดและกระจุกอยู่ใน กทม. ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว แต่เนื่องจากวิธีการส่งออกนั้นเร็ว ได้เงินตราต่างประเทศเข้ามาเร็ว ผลสุดท้ายคือ ท้องถิ่นไม่เจริญ เกิดความแตกต่างสูง ตรงนี้จะแก้ไขกันไป ทุกอย่างเป็นเรื่องของการร่วมมือระหว่างภาครัฐ ประชาชน และภาคเอกชน”

นั่นเป็นวิสัยทัศน์ และแนวทางการบริหารของ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ หรือ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” คนใหม่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งและรับทราบนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนสายวันที่ 24 สิงหาคม

เท่าที่ฟังดูจากคำพูดของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ถือว่าโอเค มีความเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได่ดีไม่น้อยทีเดียว ทั้งเรื่องการทำงานที่ “ล่าช้า” ในอดีต เน้นเรื่องการส่งออก โดยไม่ได้มอง “รากหญ้า” ที่กำลัง “จนกรอบ” จากราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ การลงทุนในต่างจังหวัดยังไม่เดิน ภายในรัฐบาลแต่ละกระทรวงแต่ละหน่วยงายต่างคนต่างทำ จึงไม่ได้ผล ดังนั้น สิ่งที่เขาประกาศก็คือต่อไปนี้จะต้องเริ่มเดินเครื่องทำทันที ขับเคลื่อนกันไปพร้อมกันทั้งภาครัฐและเอกชน

ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคมนี้ เขาจะไปพบหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อรับฟังปัญหาและแก้ปัญหาเพื่อเดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชน

แน่นอนว่า นี่คือ นิมิตหมายและปรากฏการณ์ที่ดีสำหรับการเริ่มต้นการทำงาน ที่นอกจากมีเรื่องของวิสัยทัศน์ การเข้าใจปัญหาแล้วยังต้องสร้างความร่วมมือจากทุกฝ่ายแบบ “ทำงานเป็นทีม” ที่ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ ที่เพิ่งเข้ามารับผิดชอบได้ประกาศเป็นแนวทางในการทำงานในวันข้างหน้าอย่างเร่งด่วน

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากความล้มเหลวของทีมเศรษฐกินชุดเก่า จนต้องมีการดึงทีมของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามา ก็ย่อมถือว่าเป็นความคาดหวังใหม่ของประชาชนสังเกตเห็นได้จากผลสำรวจที่ออกมาตรงกันว่ามีค่อนข้างสูงไม่น้อย ซึ่งก็เชื่อว่าความคาดหวังแบบนี้ก็ย่อมหมายรวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามมาด้วย เพราะหากสามารถพลิกฟื้นขึ้นมาได้ในนาทีสุดท้ายก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถ “ไปต่อ” ได้

ความศรัทธาของประชาชนที่เริ่มลดลง แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นลงเร็ว แต่เมื่อหลายอย่างเริ่มประดังกันเข้ามาพร้อม ๆ กัน มันก็น่าหวาดเสียวเหมือนกัน แต่อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่ากับเรื่องเศรษฐกิจปากท้องอย่างที่เป็นอยู่ แม้ว่าปัจจัยสำคัญจะมาจากเรื่องภายนอก แต่หากมีฝีมือและเข้าใจปัญหาก็สามารถคลี่คลายลงไปได้
 
ดังนั้น นาทีนี้แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ต้องรอดูฝีมือและการทำงานของรัฐบาลที่มีการปรับทีมกันใหม่ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ที่นำโดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน หรือว่า “ท่าดีทีเหลว” เหมือนในอดีตอีก หากผลออกมาแบบเดิมมันก็ย่อมส่งผลกระทบไปถึง “หัวหน้าทีมใหญ่” อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะหยุดอยู่กับที่จบเกมกันแค่นี้ หรือจะได้ “ไปต่อ” ในอนาคตหรือไม่ เพราะนี่อาจเป็นความหวังสุดท้ายที่เลือกเข้ามาเสี่ยงก็ได้ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น