ผ่าประเด็นร้อน
เปิดเผยออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ว่า ได้ปรับคณะรัฐมนตรีเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้นำขึ้นทูลเกล้าฯไปแล้ว ขณะนี้เพียงรอการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาเท่านั้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะยังไม่สะดวกที่จะแสดงความเห็นได้มากนัก แต่ถึงอย่างก็ได้เห็นรายงานข่าวออกมาทางสื่อออกมาตรงกัน นั่นคือ จะมีการ “เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ” กันแบบยกชุด นั่นคือ เปลี่ยนจากทีมที่เคยนำโดย “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ มาเป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่คาดหมายว่าจะมานั่งเก้าอี้รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจแทน
ขณะเดียวกัน ตำแหน่งที่คาดว่าจะต้องมาควบคู่กัน ก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะต้องเปลี่ยนจาก สมหมาย ภาษี เป็นคนอื่น ซึ่งจะอยู่ในทีมของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อีกทั้งที่น่าจับตาก็คือยังมีอีกบางกระทรวงสำคัญที่ต้องมีการ “เกลี่ย” หรือสับเปลี่ยนสำหรับ “เพื่อนพ้องน้องพี่” ในกองทัพที่ดึงมาช่วยงานตั้งแต่เริ่มมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพียงแต่ว่าคราวนี้จะเป็นในลักษณะของการ “ปรับให้ตรงกับความถนัดและความเหมาะสมมากขึ้น”
ตามโผรายชื่อบรรดารัฐมนตรีที่มาจากบิ๊กกองทัพ ที่มาช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่ คสช. ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร ที่อาจจะขยับปรับเปลี่ยนจากเดิมนั่งรองนายกฯควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อาจจะเหลือเพียงเก้าอี้รองนายกฯตำแหน่งเดียว พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อาจต้องลุกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปนั่งกระทรวงอื่น และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ก็อาจตัองลุกจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีตัวอื่น
อย่างไรก็ดี หากโฟกัสไปที่ “ทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมา ถือว่า “เป็นจุดอ่อน” ถูกวิจารณ์จากชาวบ้านและภาคเอกชนว่า “ล้มเหลว” ทั้งในเรื่องของการแก้ปัญหาปากท้อง เรื่องความล่าช้าในการกระตุ้นการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมไปถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ผล โดยในช่วงหลังยิ่งถูกกดดันและวิจารณ์อย่างหนัก จนกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนทั้งต่อตัวผู้นำ คือ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่าที่ผ่านมาในช่วงท้าย ๆ ก่อนมีการปรับคณะรัฐมนตรี จะมีการกระตุ้นการทำงานกันอย่างหนัก มีความพยายามแสดงให้เห็นว่ามีการทำงานกันเป็นทีมมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นและได้จังหวะเหมาะเมื่อรัฐบาลมีอายุครบหนึ่งปี ก็สามารถอธิบายได้ว่าถึงเวลาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อแยกพิจารณาเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่ต้องเปลี่ยนจากทีมของ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล มาเป็นทีมของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ในสายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมาตั้งแต่เริ่มก็จริง แต่เมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ส่วนตัวทั้งคู่ ถือว่า “ขบเหลี่ยม” กันมานาน แม้ว่า “ไม่ใช่แบบผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ” แต่ในวงการรับรู้กันว่า “คนละแนวทางกัน” ซึ่งบุคลิกการทำงานของแต่ละคนต่างกันไป แม้ว่าที่ผ่านมาถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่านายกรัฐมนตรีพยายามเชื่อมให้ถึงกันก็ตาม แต่ก็ยังแยกกันทำงาน โดย สมคิด นอกจากเป็นหนึ่งในกรรมการ คสช. แล้วยังดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจมานาน
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ย่อมปฏิเสธไม่ได้ การเข้ามาของ “หม่อมอุ๋ย” ล้วนมีส่วนชักนำมาจาก “พี่ใหญ่ ”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในนาม “เซนต์คาเบรียลคอนเนกชัน” แต่เมื่อยังไม่เวิร์กก็จำเป็นที่ต้อง “ปล่อยมือ” เพื่อให้ตัวเองไปดูแลงานด้านความมั่นคงที่ระยะหลังก็เริ่ม “ชักไม่มั่นคง” ขึ้นทุกทีเหมือนกัน
หากพิจารณาจากรูปการณ์ที่เห็นกันแบบนี้ แม้ว่าในภาพจะออกมาว่า จะเปลี่ยนมือให้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พร้อมทีมงานเข้ามา “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” แต่เชื่อว่าในภาพรวมคนที่ต้องกำกับแบบ “เหนือขึ้นไปอีกชั้น” ก็ต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะด้วย “เพาเวอร์” ส่วนตัวของ สมคิด ไม่มีทางครอบคลุมตัวบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจได้ทั้งหมด โดยเฉพาะกระทรวงที่มาจากบิ๊กกองทัพ แต่มองในด้านบวกถือว่าเป็นเรื่องดี ในเรื่องการประสานงานน่าจะทำได้ดีไหลลื่นกว่าเดิม เพราะที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างสมคิด กับ “พี่ใหญ่” ก็ราบรื่นดีหลายครั้งที่ระหว่างเดินทางไปเจรจาเศรษฐกิจกับจีน และญี่ปุ่น ก็มักหนีบไปด้วยแทบทุกครั้ง
ดังนั้น หากพิจารณากันในภาพรวมแล้ว ถือว่าการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม จำเป็นต้องทำเพื่อเรียกความศรัทธากลับมา เพื่อสร้างความมั่นคงในอำนาจของ คสช. ในอนาคตอีกด้วย ขณะเดียวกัน หากมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ จาก หม่อมอุ๋ย เป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จริง ก็ต้องมองว่านี่คือการ “ขอล้วง” จากพี่ใหญ่ให้ “ปล่อยมือ” โดยให้กลับไปควบคุมดูแลงานด้านความมั่นคงให้มั่นคงกว่าเดิม หากต้องการ “ลากยาว” ในวันหน้า
ขณะเดียวกัน ถ้าบอกว่าในความเป็นจริงแล้วงานนี้ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ระดับบนสุดแบบ “ตัวจริง” ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นแหละ ส่วน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ น่าจะเข้ามารับงาน “เพื่อขับเคลื่อน” บางเรื่องที่ยังติดขัดให้เดินคล่องกว่าเดิมเท่านั้น !!