00 นับจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค. และวางระเบิดที่สะพานสาธร เมื่อวันที่ 18 ส.ค.มาจนถึงวันนี้ ก็ล่วงมากว่าสัปดาห์แล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ แม้หลายคนจะเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ เวลายิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่มันก็จะยิ่งเกิดผลเสีย เพราะนั่นเท่ากับว่า "ผลกระทบในทางลบ" จะย้อนกลับมาถึงตำรวจไทย ที่นำโดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และ ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ถึงฝ่ายความมั่นคง ที่นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม และสุดท้ายเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องกระทบในเรื่องความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าเต็มๆ !!
00 อย่าลืมว่า คดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ มีคนต่างชาติเสียชีวิต และที่สำคัญคดีลอบวางระเบิดแบบนี้แม้ว่าจะไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไหน เป็นก่อการร้ายข้ามชาติหรือไม่ ก็ยิ่งเป็นที่จับตามองกันทั่วโลก สังเกตได้จากหลังเกิดเหตุ ก็มีมหาอำนาจหลายชาติต่างเสนอตัวเข้ามาช่วยสืบสวนคลี่คลายคดีมากมาย แม้ว่าบางชาติอาจมาในแบบ "หวังดีประสงค์ร้าย" แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของคดี ดังนั้น มีทางเดียวก็คือ ต้องเร่งจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากจับไม่ได้ หรือใช้เวลานานออกไปเรื่อยๆ ความไม่เชื่อมั่นที่มีหลังจากเกิดเหตุที่ราชประสงค์ ก็จะเกิดขึ้นต่อไป จะกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว เพราะเมื่อยังจับไม่ได้ ก็ไม่มีหลักประกันว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นอีกเมื่อไหร่ ที่สำคัญก็คือ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย ร้ายแรงมากที่สุด
00 ดังนั้นเชื่อว่าคราวนี้ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงจะต้องทำงานกันหนักเพื่อที่จะจับกุมคนร้ายมาให้ได้ และไม่ว่าผลออกมาแบบไหนคือ "จับได้" หรือ "ไม่ได้" ก็ต้องมีคนรับผิดชอบเต็มๆ นั่นคือ ฝ่ายตำรวจก็คือ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่กำลังจะเกษียณฯ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม งานนี้ถึงบอกว่าทุกคนที่ว่าล้วนมี "เดิมพันสูง" เพราะเมื่อมีตำแหน่งที่ได้มา ก็ต้องมีความรับผิดชอบตามมาด้วย ไม่ใช่เอาไว้แบกบนบ่าไว้โก้ๆ แน่นอน ซึ่งรับรองว่าทุกคนรู้ดี เพราะมีทั้งรัฐบาลต่างชาติ สื่อต่างชาติ คนไทยและสื่อไทยต่างเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด ถึงได้บอกว่า "ยิ่งนานยิ่งเครียด" !!
00 เริ่มเดินเครื่องกันทันทีสำหรับครม.ชุดใหม่ โดยเฉพาะ "หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ" สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หลังจากเข้ารับทราบนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ก็เปิดเกมรุก เปิดใจกับสื่อที่ทำเนียบฯ ทันที โดยแย้มว่าจะเสนอ "แผนการทางเศรษฐกิจ" ชุดใหม่เข้าครม.โดยเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะหลังจากที่นัดหารือกับพวกสภาหอการค้า สภาอุตฯ และสมาคมธนาคารฯ ในวันที่ 27 ส.ค.ไปแล้ว โดยเรียกว่า "แผนปรับโครงสร้างประเทศ" ครั้งใหญ่ จะเน้นการลงทุนในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ที่สำคัญเฉพาะหน้าคือ การกระตุ้นช่วยเหลือ "รากหญ้า" ให้ลืมตาอ้าปากได้ก่อน !!
00 ก็ถือว่า "ไอเดียดี" น่าจับตาเพราะเป็นการกระจายการลงทุนออกต่างจังหวัดให้เป็นรูปธรรม กระจายความเจริญ ซึ่งแน่นอนว่าผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ "การมีเงินจับจ่าย" ของชาวบ้านในชนบท ทำให้เศรษฐกิจหมุนไปได้ ที่ผ่านมา"หมุนไม่ไป" เพราะรากหญ้า "ไม่มีเงินหมุน" เนื่องจากราคาพืชผลเกษตรตกต่ำทุกตัว ดังนั้นถ้าทำได้จริง "ไม่ได้โม้" ก็น่าจะตีโจทย์แตก พอมีความหวัง !!
00 พูดถึง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ มองในความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าน่าจะเป็น "ความหวังสุดท้าย" ที่ถูกดึงมาเล่น ถ้าพลาด หรือผลออกมาแบบ "ท่าดีทีเหลว"อีก ก็หมายความว่าทุกอย่าง "จบเห่" ซึ่งไม่ใช่แค่ สมคิด คนเดียว ยังส่งผลไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนด้วย นี่อาจเป็นเดิมพันสุดท้ายแล้วก็ได้ !!
00 อย่าลืมว่า คดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ มีคนต่างชาติเสียชีวิต และที่สำคัญคดีลอบวางระเบิดแบบนี้แม้ว่าจะไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไหน เป็นก่อการร้ายข้ามชาติหรือไม่ ก็ยิ่งเป็นที่จับตามองกันทั่วโลก สังเกตได้จากหลังเกิดเหตุ ก็มีมหาอำนาจหลายชาติต่างเสนอตัวเข้ามาช่วยสืบสวนคลี่คลายคดีมากมาย แม้ว่าบางชาติอาจมาในแบบ "หวังดีประสงค์ร้าย" แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของคดี ดังนั้น มีทางเดียวก็คือ ต้องเร่งจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากจับไม่ได้ หรือใช้เวลานานออกไปเรื่อยๆ ความไม่เชื่อมั่นที่มีหลังจากเกิดเหตุที่ราชประสงค์ ก็จะเกิดขึ้นต่อไป จะกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว เพราะเมื่อยังจับไม่ได้ ก็ไม่มีหลักประกันว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นอีกเมื่อไหร่ ที่สำคัญก็คือ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย ร้ายแรงมากที่สุด
00 ดังนั้นเชื่อว่าคราวนี้ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงจะต้องทำงานกันหนักเพื่อที่จะจับกุมคนร้ายมาให้ได้ และไม่ว่าผลออกมาแบบไหนคือ "จับได้" หรือ "ไม่ได้" ก็ต้องมีคนรับผิดชอบเต็มๆ นั่นคือ ฝ่ายตำรวจก็คือ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่กำลังจะเกษียณฯ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม งานนี้ถึงบอกว่าทุกคนที่ว่าล้วนมี "เดิมพันสูง" เพราะเมื่อมีตำแหน่งที่ได้มา ก็ต้องมีความรับผิดชอบตามมาด้วย ไม่ใช่เอาไว้แบกบนบ่าไว้โก้ๆ แน่นอน ซึ่งรับรองว่าทุกคนรู้ดี เพราะมีทั้งรัฐบาลต่างชาติ สื่อต่างชาติ คนไทยและสื่อไทยต่างเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด ถึงได้บอกว่า "ยิ่งนานยิ่งเครียด" !!
00 เริ่มเดินเครื่องกันทันทีสำหรับครม.ชุดใหม่ โดยเฉพาะ "หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ" สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หลังจากเข้ารับทราบนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ก็เปิดเกมรุก เปิดใจกับสื่อที่ทำเนียบฯ ทันที โดยแย้มว่าจะเสนอ "แผนการทางเศรษฐกิจ" ชุดใหม่เข้าครม.โดยเร็วที่สุด คาดว่าน่าจะหลังจากที่นัดหารือกับพวกสภาหอการค้า สภาอุตฯ และสมาคมธนาคารฯ ในวันที่ 27 ส.ค.ไปแล้ว โดยเรียกว่า "แผนปรับโครงสร้างประเทศ" ครั้งใหญ่ จะเน้นการลงทุนในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ที่สำคัญเฉพาะหน้าคือ การกระตุ้นช่วยเหลือ "รากหญ้า" ให้ลืมตาอ้าปากได้ก่อน !!
00 ก็ถือว่า "ไอเดียดี" น่าจับตาเพราะเป็นการกระจายการลงทุนออกต่างจังหวัดให้เป็นรูปธรรม กระจายความเจริญ ซึ่งแน่นอนว่าผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือ "การมีเงินจับจ่าย" ของชาวบ้านในชนบท ทำให้เศรษฐกิจหมุนไปได้ ที่ผ่านมา"หมุนไม่ไป" เพราะรากหญ้า "ไม่มีเงินหมุน" เนื่องจากราคาพืชผลเกษตรตกต่ำทุกตัว ดังนั้นถ้าทำได้จริง "ไม่ได้โม้" ก็น่าจะตีโจทย์แตก พอมีความหวัง !!
00 พูดถึง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ มองในความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าน่าจะเป็น "ความหวังสุดท้าย" ที่ถูกดึงมาเล่น ถ้าพลาด หรือผลออกมาแบบ "ท่าดีทีเหลว"อีก ก็หมายความว่าทุกอย่าง "จบเห่" ซึ่งไม่ใช่แค่ สมคิด คนเดียว ยังส่งผลไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนด้วย นี่อาจเป็นเดิมพันสุดท้ายแล้วก็ได้ !!