00 หากเรียงลำดับเหตุการณ์ก็จะพบว่า ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายต่างโหมโจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช.อย่างรุนแรง เข้มขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายพุ่งเข้าใส่ "ยอดอก" เข้าใส่จุดอ่อนเป็นหลัก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง เรื่องความล้มเหลวเรื่องความเชื่อมั่น รวมทั้งเรื่องรธน.ฉบับใหม่ โดยพูดยั่วยุให้ชาวบ้านเห็นว่า "ชาวบ้านกำลังกินของเน่า" ถัดมาก็มีการใช้เฟซบุ๊กของ"น้องปู"ถล่มซ้ำ ซึ่งการใช้ชื่อของเธอ ก็ย่อมมีแรงส่งพอสมควร อย่าน้อยก็ในหมู่บรรดามวลชนที่สนับสนุน ส่วนบรรดาลิ่วล้อในพรรคเพื่อไทย ก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อนายส่งสัญญาณแรง ก็ต้องแรงตามอยู่แล้ว
00 ลำดับถัดมา เมื่อเกิดเหตการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายย่อมออกตัวแรงมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่อาการออกมาในแบบ "หวังดีประสงค์ร้าย" ทั้งเรื่องความไม่สงบ ความไม่น่าเชื่อถือ และก็มามุกเดิม เรื่องกดดันให้รีบเลือกตั้ง ที่ใช้คำเท่ๆว่า "คืนอำนาจให้ประชาชน" รวมไปถึงล่าสุดได้เสนอร่วมสมทบ "เงินรางวัลนำจับ" คนร้าย หากนำไปสู่การจับกุมได้เอาไปเลย 7 ล้านบาท แม้ว่ามองเผินๆว่า นี่คือความปราถนาดีเป็นแรงกระตุ้นในการจับกุม แต่ถ้ามองในแง่ร้ายก็ได้ว่านี่คือการ "หยาม" หน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาล และคสช. ที่นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เพราะเชื่อมั่นว่า "คงคว้าน้ำเหลว" ตามเคย เหมือนกับหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่จนถึงบัดนี้ยังจับกุมไม่ได้ หรือสาวไปได้ไม่ไกล
00 นั่นเป็นเรื่องของ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย ที่ออกมาโรงขย่มหนักข้อขึ้นทุกวัน เนื่องจากได้โอกาสก็ต้องถล่มให้จมดิน และอย่าว่าหยั่งโง้นหยั่งงี้เลย ถ้าตัดเอาเรื่อง "วาระซ่อนเร้น" ของคนพวกนี้ออกไป แล้วพิจารณาถูกข้อกล่าวหาโดยรวมต่อรัฐบาลและคสช. ทุกเรื่องล้วนปฏิเสธไม่ได้ อย่างเรื่องการลอบวางระเบิดที่ราชประสงค์ "ฝ่ายข่าวกรอง" ก็ไม่มีข้อมูลในมือเลย !!
00 ขณะเดียวกันเมื่อหันมามองความเคลื่อนไหวของฝ่ายมะกันบ้าง เริ่มตั้งแต่การไปแสดงความเคารพต่อศาลพระพรหม ที่บริเวณสถานที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุไม่นานนักของ แพทริก เมอร์ฟี่ อุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย โดยรวมก็ถือว่า โอเค แต่ที่ผิดสังเกตก็คือ การเคลื่อนไหวในวันถัดมาที่เขาเดินทางเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และกดดันให้ไทยรีบเลือกตั้ง อ้างว่าเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน แบบนี้ถือว่า "ไม่สวย" และเมื่อพิจารณาจากทั้งสองส่วนและมาเชื่อมต่อกัน มันก็ดูแล้ว "ทะแม่ง" พิกล !!
00 อย่างไรก็ดี ทั้งหลายทั้งปวงการแก้ปัญหาที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ หนึ่งตำรวจและฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลและคสช. ต้องจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากคราวนี้ยังจับกุมไม่ได้ ความเชื่อมั่นของประชาชน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะหดหายไปทันที รวมไปถึงการแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง เวลาที่เหลืออยู่รัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว เพราะหากแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นทันที !!
00 ต่อเนื่องกันเรื่องการปรับครม. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มองดูแลต้องการเน้นที่ "ทีมเศรษฐกิจ" ที่เปลี่ยนหัวหน้าทีมมาเป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ขณะเดียวกันก็ขยับ "เพื่อนๆน้องๆ" ในกองทัพไป "ขึ้นหิ้ง" นั่งในตำแหน่งรองนายกฯ เสียส่วนใหญ่ ก็ถือว่างานนี้เป็น"เดิมพัน" ครั้งสุดท้าย ถ้ายังไม่ดีขึ้น อย่าว่าจะคิด"อยู่ยาว"เลย แค่วันเดียวก็ไม่สมควร แต่ตอนนี้ก็ต้องให้กำลังใจ ขอให้ทำให้สำเร็จ เพราะนั่นหมายถึงผลดีก็มาถึงชาวบ้านด้วย !!
00 ลำดับถัดมา เมื่อเกิดเหตการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายย่อมออกตัวแรงมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่อาการออกมาในแบบ "หวังดีประสงค์ร้าย" ทั้งเรื่องความไม่สงบ ความไม่น่าเชื่อถือ และก็มามุกเดิม เรื่องกดดันให้รีบเลือกตั้ง ที่ใช้คำเท่ๆว่า "คืนอำนาจให้ประชาชน" รวมไปถึงล่าสุดได้เสนอร่วมสมทบ "เงินรางวัลนำจับ" คนร้าย หากนำไปสู่การจับกุมได้เอาไปเลย 7 ล้านบาท แม้ว่ามองเผินๆว่า นี่คือความปราถนาดีเป็นแรงกระตุ้นในการจับกุม แต่ถ้ามองในแง่ร้ายก็ได้ว่านี่คือการ "หยาม" หน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาล และคสช. ที่นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เพราะเชื่อมั่นว่า "คงคว้าน้ำเหลว" ตามเคย เหมือนกับหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่จนถึงบัดนี้ยังจับกุมไม่ได้ หรือสาวไปได้ไม่ไกล
00 นั่นเป็นเรื่องของ ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย ที่ออกมาโรงขย่มหนักข้อขึ้นทุกวัน เนื่องจากได้โอกาสก็ต้องถล่มให้จมดิน และอย่าว่าหยั่งโง้นหยั่งงี้เลย ถ้าตัดเอาเรื่อง "วาระซ่อนเร้น" ของคนพวกนี้ออกไป แล้วพิจารณาถูกข้อกล่าวหาโดยรวมต่อรัฐบาลและคสช. ทุกเรื่องล้วนปฏิเสธไม่ได้ อย่างเรื่องการลอบวางระเบิดที่ราชประสงค์ "ฝ่ายข่าวกรอง" ก็ไม่มีข้อมูลในมือเลย !!
00 ขณะเดียวกันเมื่อหันมามองความเคลื่อนไหวของฝ่ายมะกันบ้าง เริ่มตั้งแต่การไปแสดงความเคารพต่อศาลพระพรหม ที่บริเวณสถานที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุไม่นานนักของ แพทริก เมอร์ฟี่ อุปทูตรักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย โดยรวมก็ถือว่า โอเค แต่ที่ผิดสังเกตก็คือ การเคลื่อนไหวในวันถัดมาที่เขาเดินทางเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และกดดันให้ไทยรีบเลือกตั้ง อ้างว่าเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน แบบนี้ถือว่า "ไม่สวย" และเมื่อพิจารณาจากทั้งสองส่วนและมาเชื่อมต่อกัน มันก็ดูแล้ว "ทะแม่ง" พิกล !!
00 อย่างไรก็ดี ทั้งหลายทั้งปวงการแก้ปัญหาที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ หนึ่งตำรวจและฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลและคสช. ต้องจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากคราวนี้ยังจับกุมไม่ได้ ความเชื่อมั่นของประชาชน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะหดหายไปทันที รวมไปถึงการแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง เวลาที่เหลืออยู่รัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว เพราะหากแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นทันที !!
00 ต่อเนื่องกันเรื่องการปรับครม. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มองดูแลต้องการเน้นที่ "ทีมเศรษฐกิจ" ที่เปลี่ยนหัวหน้าทีมมาเป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ขณะเดียวกันก็ขยับ "เพื่อนๆน้องๆ" ในกองทัพไป "ขึ้นหิ้ง" นั่งในตำแหน่งรองนายกฯ เสียส่วนใหญ่ ก็ถือว่างานนี้เป็น"เดิมพัน" ครั้งสุดท้าย ถ้ายังไม่ดีขึ้น อย่าว่าจะคิด"อยู่ยาว"เลย แค่วันเดียวก็ไม่สมควร แต่ตอนนี้ก็ต้องให้กำลังใจ ขอให้ทำให้สำเร็จ เพราะนั่นหมายถึงผลดีก็มาถึงชาวบ้านด้วย !!