“บิ๊กตู่” เหน็บสื่อเอาแต่เขียนข่าวโจมตีการซื้ออาวุธ ประเทศไทยคงเจริญแบบสิงคโปร์ไม่ได้ ชื่นชม 50 ปีสามารถสร้างชาติให้ก้าวหน้า ขณะที่ไทยเกิดมา 700-800 ปีแล้วยังทะเลาะกันไม่เลิก เผยหารือ “บิ๊กป้อม-พรเพชร” ถึงแนวทางในการเดินหน้าปฏิรูปในระยะต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการเดินทางไปร่วมงานวันชาติที่ประเทศสิงคโปร์ว่า ได้เห็นถึงความก้าวหน้าและความเจริญของสิงคโปร์ ซึ่งผู้สื่อข่าวคงไม่ได้มองเรื่องนั้น เพราะมุ่งแต่เขียนข่าวโจมตีเรื่องการซื้ออาวุธ ดังนั้นจะให้ประเทศไทยเจริญแบบสิงคโปร์ คงเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ในงานได้มีการแสดงทางทหารทั้งกำลังรบทางบก เรือและอากาศ ทั้งที่ประเทศเขามีอาณาเขตไม่มากนัก สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของศักยภาพที่เป็นอาวุธที่หมายรวมถึงอำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตนด้วย เป้าหมายคือการรักษาทรัพยากร และรักษาความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เราก็ต้องพิจารณาในการทำให้บ้านเมืองปลอดภัย ไม่ใช่การมีอาวุธเพื่อไปรบกับประเทศอื่น เพราะอาวุธนั้นไม่ได้มีเพื่อการรบ แต่เพื่อสร้างสรรค์ความร่วมมือ
“แต่ก็ชอบนำเรื่องอาวุธมาโจมตีกัน ในขณะที่ทุกคนก็ต้องการทุกอย่าง อยากให้ประเทศเจริญ ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติหน้า สิงคโปร์ใช้เวลาแค่ 50 ปี โดยแบ่งช่วงเวลาเป็น 5 ยุค 5 สมัย ในยุคแรกยากลำบากมาก ประชาชนยากจน แต่ในที่สุดเขาก็รวมชาติได้ เป็น one nation จนกระทั่งเขากลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ส่วนประเทศไทยเลยจุดนั้นมาแล้ว ก็ยากที่จะกลับมาเริ่มใหม่ถ้าคนไทยยังไม่ร่วมมือกัน ลองไปคิดย้อนดูถึงกรุงรัตนโกสินทร์ว่าเราตั้งมา 200 กว่าปีแล้ว เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ก่อกำเนิดประเทศไทยก็รวมเป็น 700-800 ปี เรายังทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ เราคงเทียบเขาไม่ได้ โดยเฉพาะทางทหารอาวุธของเราก็ซื้อใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีเงิน และยังถูกสร้างภาพว่าจะมีการทุจริต เอาเงินเข้ากระเป๋ากัน ทั้งที่เป็นการซื้อแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ไม่มีทางที่เงินจะไปเข้ากระเป๋าใครได้ หากมีการทุจริตจริงก็ไปตรวจสอบมา แต่ถ้าซื้อแล้วก็เท่ากับว่าผ่านการตรวจสอบและกลั่นกรองไปแล้ว แต่นี่ไปขุดคุยเรื่องเก่า ไอ้ไม้จีที 200 ซึ่งเรื่องนี้มีการตรวจสอบมาแล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามทว่า เหตุที่ประเทศสิงคโปร์พัฒนามากเพราะมีผู้นำที่อยู่ในอำนาจต่อเนื่อง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะถามเรื่องนี้ทำไม จะมาหาเรื่องให้ตนไปเกี่ยวข้องกับเรื่องต่อทอดอำนาจหรือมีผลประโยชน์อีกใช่หรือไม่ อยากถามว่าตนได้ประโยชน์ตรงไหน เพราะทุกวันนี้ก็ทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งแก้ไขปัญหาและบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งยังต้องเตรียมอนาคตของประเทศ ทั้งนี้ ตนคิดว่าคนไทยแตกแยกกันมันก็เหมือนกับลูกโป่งที่ปล่อยลมจนหมดแล้ว เมื่อสมัยโบราณเขาอยู่ในกรอบ และค่อยๆ ปล่อยลม มันก็จะกลายเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากลถาวร แต่ตอนนี้ปล่อยลมกันหมดเลย โดยทุกคนไม่ได้คิดว่ากฎหมายอยู่ที่ไหน เอาความรู้สึกมาทำงาน หากเป็นแบบนี้ก็อยู่ไม่ได้ ไม่ว่าจะจัดตั้งมากี่คณะก็ทำไม่ได้
“วันนี้ผมมาหารือกับท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กับประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งไม่ได้มาหารือกันว่าจะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ แต่คุยกันว่าการปฏิรูปในระยะต่อไปจะทำกันอย่างไร และที่ผ่านมาปีหนึ่งเป็นช่วงระยะต้น และจะทำอยู่ในระยะที่ 2 โดยจะนำสิ่งที่ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ดำเนินการ มาดูว่าจะดำเนินการได้แค่ไหน แต่ผมไม่อยากจะให้รื้อกันทั้งระบบ หรือรื้อโน่นรื้อนี่ ยืนยันว่าไม่ได้อยากจะอยู่ต่อ แต่ถามว่าทำไมต้องทำให้พวกท่านด้วย อย่างที่บอกว่าประเทศไทยอยู่เหมือนไก่ในเทศกาลตรุษจีน ไปไหนไม่ได้ พอถึงเวลาก็ถูกเชือดหมด ดังนั้นเราควรจะเอาสิ่งที่ไปเห็นมา มาพัฒนาประเทศให้มีศักยภาพ ทางด้านความมั่นคง ทั้งกำลังรบทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน”
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวในโซเชียลมีเดียที่ระบุถึง คสช. สั่งคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า “อย่างที่ผมบอก ถ้าไม่อ่านพวกนี้เลยก็โง่ ถ้าเชื่อมากก็บ้า”