รมต.สำนักนายกฯ เผยพบความเคลื่อนไหวการเมืองแต่ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุวุ่นวาย รัฐบาลมุ่งแก้ปัญหาด่วน ไม่ชี้นำรัฐธรรมนูญ-ปฏิรูป มองตัวเลขไฟใต้ดีขึ้น แต่ความรู้สึกประชาชนยังไม่ค่อยสบายใจ แจง “ประวิตร” ปรับมาตรการดูแล คุยสันติสุขดีขึ้น รับในพื้นที่แบ่ง 2 ส่วน
วันนี้ (6 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองขณะนี้ว่า ยังพบว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่ แต่ยังไม่เห็นสิ่งบอกเหตุหรือสัญญาณที่จะกระทบต่อภาพรวมของประเทศ หรือทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ และอนาคตของประเทศเท่านั้น ส่วนข้อเสนอให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งในอีก 2 ปีจะเป็นปัจจัยในการเคลื่อนไหวหรือไม่นั้น นายสุวพันธ์กล่าวว่า ขณะนี้มีเพียงการโต้แย้ง และแสดงความคิดเห็นที่มีอยู่แล้ว โดยรัฐบาลก็เดินหน้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่มีจำนวนมาก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญ หรือการปฏิรูป เป็นเรื่องของคนที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ทั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีการชี้นำ
เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ให้รัฐบาลอยู่ต่อ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า จะอยู่ต่อได้อย่างไร เพราะในที่สุดรัฐบาล จะอยู่ได้หรือไม่ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญตามโรดแมป ถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติก็เห็นชัดตามโรดแมปแล้วว่าจะมีการเลือกตั้ง เมื่อถามถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีความเห็น แต่เรื่องดังกล่าวเป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่จะเสนอว่าจะให้บ้านเมืองเดินหน้าไปอย่างไร ซึ่งสุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับเสียงข้างมากของ สปช. และเสียงของประชาชนในการทำประชามติ
นายสุวพันธุ์กล่าวถึงกรณีการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า หากพิจารณาจากตัวเลขถือว่าดีขึ้น แต่ถ้าพิจารณาในเรื่องความรู้สึกของประชาชนก็ยังไม่ค่อยสบายใจ เพราะมีการก่อเหตุรุนแรงต่อพระสงฆ์ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน มีการปรับเพิ่มมาตรการ และเร่งรัดให้ดูแลรักษาความปลอดภัย ขณะเดียวกันการพูดคุยสันติสุขก็เดินหน้าไปได้ดี และมีสัญญาณที่ดีขึ้น
นายสุวพันธุ์กล่าวต่อว่า ในพื้นที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มที่เห็นด้วยกับสันติวิธี และมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยที่พยายามใช้ความรุนแรงอยู่ แต่เครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ก็ไม่เห็นด้วย และคัดค้านการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ ซึ่งทั้งหน่วยงานความมั่นคง และภาคประชาสังคมต้องช่วยกัน ส่วนที่มีการก่อเหตุต่อครู และพระสงฆ์นั้น เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มเป้าหมายที่มีการป้องกันต่ำ ก็มักจะเป็นกลุ่มที่ถูกกระทำจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยจากสันติวิธี จึงต้องร่วมกันหยุดยั้งซึ่งขณะนี้มีมาตรการด้านการข่าวและพยายามสืบหาสถานการณ์ความไม่สงบล่วงหน้า และเพิ่มการดูแลความปลอดภัยมากขึ้น