xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” เหนียม! บอก กปปส.-ปชป.แยกกันเดิน - ป้อง “วันชัย” คว่ำรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ภาพจากแฟ้ม)
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ กปปส.แยกกันเดิน เป็นอิสระต่อกัน หลัง “สุเทพ” ตั้งมูลนิธิเคลื่อนไหว เหนียมบอกจุดร่วมคือปฏิรูป แย้มถ้ามีประเด็นตรงกันทำงานได้อยู่แล้ว ป้อง “วันชัย” คว่ำรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิ แต่เตือนดูที่เนื้อหาสาระ ถ้าเอาเรื่องการเมือง-คสช.-ทำเพื่อตัวเองไม่เหมาะสม แนะรัฐกำหนดรายละเอียดมากกว่าห่วงกรอบเวลา

วันนี้ (5 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคประชาธิปัตย์ ว่าต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง เราก็ทำหน้าที่พรรคการเมืองเท่าที่จะทำได้ ในภาวะที่ยังไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ส่วนมูลนิธินั้นเขาตั้งขึ้นมามีวัตถุประสงค์ตามที่เคยประกาศกับมวลชน คือการผลักดันการปฏิรูปการเมือง นายสุเทพก็แสดงเจตนาชัดเจนแล้วว่า จะไม่หวนกลับมาเป็นนักการเมืองในระบบพรรคการเมือง จะทำงานในภาคประชาชน

เมื่อถามต่อว่า พูดได้เลยหรือไม่ว่า กปปส.กับพรรคประชาธิปัตย์นั้นแยกกันเดิน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นอิสระต่อกันอยู่แล้ว แต่เรามีความเห็นที่เป็นจุดร่วมอยู่คือเรื่องการปฏิรูป อยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น ต่อต้านการใช้อำนาจที่ไม่ชอบ เมื่อถามย้ำว่าแต่ก็ยังมีบางฝ่ายออกมามองว่า รัฐบาลไม่ควรมีมูลนิธิฯ มาเสนอความเห็นหรือแนะนำ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเสนอความเห็นได้ การวิพากษ์วิจารณ์ให้ความเห็นมูลนิธิฯ เองเขาก็ได้ไปเรียกร้องว่าเขาจะต้องมีสถานะพิเศษอะไร เขาเคลื่อนไหวในฐานะที่เป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ต้องอยู่ภายใต้กติกาเดียวกับทุกกลุ่ม

ส่วนอนาคตเป็นไปได้หรือไม่ ที่พรรคประชาธิปัตย์กับมูลนิธิฯ จะร่วมกันขับเคลื่อนปฏิรูปบางเรื่อง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่จะต้องมาขับเคลื่อนร่วมกัน แต่ถ้ามีประเด็นที่ตรงกันร่วมกัน การทำงานของทุกองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้อยู่แล้ว

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอาจจะอยู่ต่ออีก 2 ปี ว่าควรให้เป็นไปตามกติกาที่กำหนดไว้ และดุลพินิจของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แต่ก็ต้องมีเหตุมีผลว่าการจะรับ หรือไม่รับร่างนั้นเพราะเหตุใด ความจริงแล้วควรพิจารณาไปตามเนื้อผ้า หากเห็นว่าเป็นร่างที่ดี ก็ควรเห็นชอบ แต่ถ้าเห็นว่ามีปัญหา สมควรต้องทำใหม่ก็ต้องทำใหม่ ไม่ควรไปเอาปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นถ้าคิดว่ารับแล้วจะเป็นอย่างนั้น ไม่รับแล้วจะเป็นอย่างนั้น เป็นเรื่องการเมือง หรือเป็นเรื่องสถานะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือสถานะของตัวเองก็จะไม่เหมาะสมควรพิจารณาไปตามเนื้อร่างของรัฐธรรมนูญว่ามันเหมาะสมอย่างไรมากกว่า

เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายออกมาเสนอให้นายกรัฐมนตรีอยู่ต่ออีก 2 ปี ทำการปฏิรูปให้เสร็จก่อน แล้วถึงมีเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้การนำประเด็นนี้ขึ้นมาอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งได้ คิดว่าสิ่งที่สังคมไทยต้องการคือขณะนี้นายกฯ หรือ คสช. ประกาศในเรื่องการจะปฏิรูปในกรอบเวลาอยู่ ตนคิดว่าสังคมอยากเห็นความชัดเจนว่าจากนี้ไปงานปฏิรูปที่จะเดินจะเดินในรูปไหนอย่างไร สมมติทำไปแล้ว และมีความจำเป็นต้องปรับแก้กรอบเวลา ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่หากมีการพูดลอยๆ เพียงแค่ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงกรอบเวลา โดยที่ไม่ทราบว่าการปฏิรูปที่จะทำคืออะไรจะทำให้กลายเป็นปมของความขัดแย้ง

เมื่อถามว่าการไม่ยอมเปิดเผยร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชน และทุกคนได้ทราบ เป็นการปกปิดอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ต้องผ่านประชามติคงปกปิดไม่ได้ ตนมองว่าการไม่เปิดเผยร่างให้ทุกคนได้ถือเป็นความเสี่ยงเพราะหากส่งถึงมือ สปช.แล้วไม่มีใครสามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว ถึงวันนั้นหากมีการท้วงติงก็ทำอะไรไม่ได้ ทางคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ควรเร่งเปิดเผยรายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ให้ประชาชนได้รับทราบ

“ผมขอเรียกร้องว่า ควรมีการเปิดเผยร่างรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายได้ศึกษา ก่อนที่จะส่งไปยังสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษารายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญ และจะต้องมีการเปิดเผยก่อนที่จะส่งไปถึง สปช. เพราะอาจจะมีบางประเด็นที่คนอื่นมองเห็น และอาจมีการหยิบยกขึ้นมาจะได้นำมาเพื่อปรับแก้ได้ และไม่ควรปล่อยให้เกิดกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์โดยไม่ทราบข้อเท็จจริง” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปช.ประกาศว่าจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า เป็นสิทธิของ สปช. ส่วนรัฐบาลจะต้องขยายเวลาในการทำงานหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับภารกิจในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ไม่สำคัญ แต่จะต้องกำหนดรายละเอียดภารกิจการปฏิรูปของรัฐบาลให้ชัดเจน มิฉะนั้นจะกลายเป็นการปฏิรูปเพียงวาทกรรม

เมื่อถามว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคนในรัฐบาลออกมากล่าวว่า หากมีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแล้วอาจจะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 2560 นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่นายวิษณุออกมาพูดนั้นตนเข้าใจว่าเป็นกรณีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ไม่แน่ใจว่าคว่ำตอนไหน แต่หากคว่ำตอน สปช. คงไม่นานขนาดนั้น แต่หากคว่ำตอนประชามติ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“วันนี้สังคมไม่ควรจะมาถกเถียงเรื่องกรอบเวลา แต่ควรให้ความสนใจว่า เรากำลังปฏิรูปอย่างไร สิ่งที่ทำอยู่มันจะแก้ปัญหาเดิมๆ ได้หรือไม่ ทุกคนต้องพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องกรอบเวลา แต่เวลานี้เมื่อพูดถึงการปฏิรูปเป็นการพูดลอยๆ รวมๆ ไม่มีการบอกว่าจะทำเรื่องอะไรอย่างไร อะไรที่ควรจะเสร็จในรัฐบาลนี้ ควรเอางานเป็นตัวตั้ง อย่าเอากลุ่มคน หรือเอาคนเป็นตัวตั้ง” นายอภิสิทธิ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น