xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ขอคนไทยร่วมกันสร้างชาติ ชูสิงคโปร์แบบอย่างใช้ความจนให้ทุกคนร่วมจัดการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรีเปิดงานศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ยกย่อง “ในหลวง-พระราชินี” ทรงริเริ่มโครงการผ่านพื้นที่ยากจนโดยไม่นึกถึงพระองค์เอง ยันรัฐพยายามทำให้คนพ้นความเหลื่อมล้ำ มีกินมีใช้ อยากให้สินค้าไทยทันสมัย แต่ไม่ทำลายของเก่า หนุนนำเสนอกิจกรรมทำไมพระองค์ทรงคิดเช่นนั้น บอกดูโขนแล้วอยากให้มีหนุมานสัก 20 ตัวมาจองถนนปูทางสู่ประชาธิปไตย ชูสร้างของใหม่โดยไม่ทำลายประวัติศาสตร์ เผยต่างชาติถามไทยสงบหรือยัง ก็บอกเลิกทะเลาะแล้วแต่ถ้ามีจะเอาโขนไปสู้ ชี้สิงคโปร์แบบอย่างเอาความยากจนให้ทุกคนร่วมจัดการ บอกถ้า “ลี กวนยู” มาอยู่คงไม่เละขนาดนี้ ขอร่วมกันสร้างชาติ



วันนี้ (10 ส.ค.) ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เมื่อเวลา 10.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ศิลปาชีพประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ครั้งที่ 4 ภายใต้ชื่อ “งาน OTOP ศิลปาชีพ ประทีปไทย สมเด็จแม่ทรงให้ ภูมิปัญญาไทย สู่สากล” พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และรองราชเลขาธิการในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คณะทูตานุทูตมาร่วมงาน

โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงริเริ่มไว้ทั้งสิ้นโดยเริ่มจากพื้นที่ยากจน พระองค์ท่านไม่เคยนึกถึงพระองค์เอง แต่นึกถึงแต่ประชาชน เงินที่ได้รับถวายก็นำให้ประชาชนผ่านโครงการต่างๆ วันนี้ทำไมเราไม่ทำอย่างพระองค์ท่าน ที่ทำให้คนมีอาชีพมีรายได้เสริมขึ้นมา วันนี้คนจนขาดกำลังใจ จึงไม่ค่อยรู้สึกถึงปัญหาชาติ เพราะความจนที่ทำให้คิดอะไรไม่ออก ดังนั้นรัฐบาลจึงพยายามทำให้คนพ้นจากความเหลื่อมล้ำ มีกินมีใช้ อยู่บนความพอเพียง มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย อย่างมีภูมิคุ้มกัน และวันนี้รัฐบาลกำลังเชื่อมต่อสินค้าโอทอปกับศิลปาชีพ โดยเริ่มจากอดีต ปัจจุบันและอนาคต อยากให้สินค้าของไทยพัฒนาการออกแบบสินค้าให้ทันสมัย สร้างความแตกต่างแต่ไม่ทำลายของเก่า และวันนี้สิ่งที่เราควรนำเสนอคือเรื่องกิจกรรมจากอดีตที่ผ่านมา และต้องนำเสนอให้คนรู้ว่าทำไมพระองค์ท่านทรงคิดเช่นนั้น นำสิ่งที่พระองค์ทรงคิด ทรงริเริ่ม ทรงให้ความรู้ ได้ริเริ่มมาจากเหตุผลอะไร

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลง ไทยมีรายได้จากการส่งออกมาก แต่เราจะพึ่งส่งออกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพึ่งสินค้าการเกษตร โดยพัฒนาให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น ซึ่งวันนี้เรามีรายได้จากการท่องเที่ยวมาช่วยหนุน มีการปรับการท่องเที่ยวแนวใหม่ “ไทยเที่ยวไทย” แต่จากการตรวจสอบพบว่าคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศตอนนี้ไม่ได้เกิดจากเงินฝืดหรือเงินเฟ้อ แต่สถานการณ์เศรษฐกิจผันผวนเพราะคนไม่กล้าใช้เงิน ไม่ใช่เพียงประเทศเรา แต่ในต่างประเทศก็เป็นเหมือนกัน ซึ่งรัฐบาลในวันนี้ก็พยายามทำให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีกินมีใช้อย่างพอเพียงตามแนวปรัชญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พยายามลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้โดยการสร้างเศรษฐกิจชุมชน เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง นำไปสู่เศรษฐกิจภูมิภาค ชายแดน และเขตเศรษฐกิจพิเศษต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงโขนชุดพิเศษจองถนน ตอนยกรบสมานฉันท์มาแสดงก่อนเปิดงานด้วยว่า หลังจากได้ดูโขนก็เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันของไทย วันนี้เราต้องการปรองดองสมานฉันท์ ในโขนมีหนุมานเพียงตัวเดียว ตอนนี้รัฐบาลก็กำลังจองถนนเพื่อไปสู่ประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน จึงต้องการหนุมานสัก 20 ตัวเพราะถนนของเราค่อนข้างที่จะขรุขระ ข้ามน้ำข้ามทะเลมา ขณะเดียวกันก็มีสัตว์ร้ายหลายตัวคอยจ้อง มีเสือร้าย ก็ต้องระมัดระวังเพราะวันนี้กำลังจองถนนอยู่ ถนนประชาธิปไตยซึ่งไม่ต้องเร่งรีบอะไรนักเพราะเป็นไปตามโรดแมปที่เราวางไว้ วันนี้อยากให้คนไทยทุกคนคิดถึงประวัติศาสตร์ในอดีตเพราะจะเป็นบทเรียนในวันนี้และวันต่อๆ ไปการสร้างอะไรใหม่ๆ เราไม่จำเป็นต้องไปทำลายประวัติศาสตร์ ไม่จำเป็นต้องทำลายสิ่งที่เคยมีอยู่ เราต้องสร้างความต่อเนื่องให้ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วานนี้ (9 ส.ค.) ตนได้เดินทางไปวันชาติสิงคโปร์ได้ดูว่า 50 ปีที่ผ่านมาเขาทำอะไรบ้างก็ค่อนข้างอึดอัด อยากให้คนไทยเป็นเหมือนเขาแต่คงย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว เพราะคนไทยเหมือนลูกโป่งที่ปล่อยมานานแล้ว แต่ของสิงคโปร์เขาค่อยๆ ปล่อยออกมาจนวันนี้ทุกอย่างเรียบร้อยมีความก้าวหน้า มีความทันสมัยแค่ระยะเวลาเพียง 50 ปีเท่านั้น ผมก็นั่งคิดว่าถ้าเราเริ่มตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ประมาณ 200 ปียังไปไหนไม่ค่อยได้ คอยแต่ย้อนกลับไปสู่ที่เก่า ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจและคิดว่าต้องกลับมาสร้างความเข้าใจกับคนในชาติใหม่ว่าเราจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันให้ได้เหมือนโขนสองฝั่งที่ได้ชมเมื่อสักครู่ที่เขาพยายามที่จะสร้างการรับรู้ให้กับพวกเรา ดังนั้นเราจะไปไหนไม่ได้ถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ต่อให้มีหนุมาน ต่อให้มีหัวหน้า คสช.สัก 10 คนก็ไปไม่ได้ทั้งหมด เพราะทุกคนมัวแต่มุ่งในสิ่งเดิมๆ ทั้งหมดดังนั้นวันนี้เราต้องกลับมาทบทวนเหมือนอย่างประเทศสิงคโปร์ที่ใช้เวลาเพียง 50 ปีจากประเทศที่ยากจนที่สุด มี คนน้อยที่สุดวันนี้มีคนถึง 5 ล้านกว่าคน แต่มีเศรษฐกิจดีระดับโลก ตอนไปพบผู้นำต่างประเทศเขาก็ไม่ได้รังเกียจและยังบอกด้วยว่าเขาอยากมาประเทศไทย และถามว่าประเทศไทยวันนี้มีเสถียรภาพและสงบสุขหรือยังตนก็ตอบเขาไปว่าประเทศไทยเลิกทะเลาะกันแล้ว แต่ถ้าทะเลาะกันอีกก็จะเอาโขนไปสู้

“ผมได้ฟังความเป็นไปและเป็นมาก็รู้สึกสะท้อนใจ เขาลำบากกว่าคนไทยมากจนยิ่งกว่าคนไทยแต่วันนั้นเขามีรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธีด้วยการใช้กฎหมาย การทำให้คนเข้าถึงความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ หาที่อยู่ที่อาศัย หาอาชีพให้ทุกคนและวางแผนว่าประเทศจะเดินหน้าไปอย่างไร สิ่งแรกที่สิงคโปร์ทำ คือ เอาความยากจนมาเป็นศูนย์รวมให้ทุกคนได้ร่วมกันจัดรัฐบาลในการทำงาน แต่ประเทศไทยกลับเอาความยากจนมาสร้างความขัดแย้งจนเกิดความแตกต่าง ดังนั้นวันนี้เราต้องเอาความขัดแย้งและความยากจนมาทำให้ทุกคนเข้าถึงทุกอย่าง ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันเพื่อวางแผนอนาคตในวันข้างหน้า ไม่ย้อนกลับไปสู่ปัญหาที่เดิม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยมีทุกอย่างถ้าอดีตนายกฯ สิงคโปร์มาอยู่เมืองไทยคงไม่เป็นแบบนี้และประเทศไทยคงเลิกทะเลาะกันมานานแล้ว ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยแบบไทยจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต ก็ขอฝากทุกคนไว้ว่าด้วยเพราะตนคงไม่ได้อยู่ที่จะทำให้ตลอดไป อย่าลืมว่าประวัติศาสตร์คืออดีตมีทั้งดีและไม่ดี อะไรที่ดีก็จงภูมิใจและทำต่อไปและต้องรักษาไว้ให้ได้ อะไรที่ไม่ได้ที่เป็นความขัดแย้งต้องเลิก อย่าไปทำ ประวัติศาสตร์มันดีตรงนี้ และไม่ใช่เอาประวัติศาสตร์มายืดเยื้อโดยการทะเลาะเบาะแว้งกันตลอดเวลา ประวัติศาสตร์เป็นตัวกำหนดว่าปัจจุบันควรจะอยู่อย่างไร ประเทศเราต้องอยู่กับปัจจุบันและต้องกำหนดว่าอนาคตเราจะอยู่อย่างไร เราต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด วันนี้เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์ของวันข้างหน้า ถ้าเราทำอะไรที่ไม่ดีในวันข้างหน้าก็จะเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่ดีเหมือนที่ผ่านมา ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน


































กำลังโหลดความคิดเห็น