นายกรัฐมนตรี ควงภริยา เปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ขอสื่ออธิบายการดูแลทรัพยากรน้ำ ป่าไม้ ความเป็นมาของการเปรียบเทียบ ในหลวง คือ น้ำ สมเด็จพระราชินี คือ ป่า ขณะเดียวกัน วอนเสนอข้อมูลที่มีสาระ รับทุกวันนี้สังคมต้องใช้สื่อโซเชียล ถ้าไม่ตามก็โง่ เชื่อทุกอย่างก็บ้า ย้ำไม่คิดยกเลิก ค่านิยม 10 ประการ จอมพล ป. แค่เพิ่มบางข้อเท่านั้น
ที่ทำเนียบรัฐบาล เช้าวันนี้ (27 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจัดนิทรรศการและสื่อ สารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยช่วงหนึ่งของการชมนิทรรศการ นายกรัฐมนตรีได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักในการใช้ชีวิต โดยกล่าวกับเยาวชน ว่า เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาใช้ได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือคนรวย เราต้องรู้จักคิด มีเหตุผลในการใช้เงินให้คุ้มค่า เริ่มต้นด้วยการออม และใช้ในสิ่งที่มีความจำเป็น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยาได้ลงนามถวายพระพรในใบโพธิ์ทองแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน” และนำไปติดไว้ที่ต้นโพธิ์ทอง ซึ่งหลังจากนี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีก็จะนำใบโพธิ์ทองทั้งหมดไปหล่อเป็นพระพุทธรูปต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี และภริยา ได้ให้ความสนใจการทำผ้าไหมมัดหมี่ ซึ่งเด็กชายป้องทอง ศรีสมุทร หรือ น้องเคน อายุ 10 ปี เป็นชาวบ้านหนองสูง จ.มุกดาหาร ซึ่งมากับคุณยายได้มาสาธิตในการมัดหมี่ลายนาคหัวโพ๊ะ และทอหูก (การทอผ้าไหมพุ่งกระสวย) ซึ่งเป็นศิลปะชั้นสูงของชาวอีสาน โดยนายกรัฐมนตรีและภริยาได้ชื่นชม และกล่าวว่า อยากให้มีเด็กที่มีความรู้ ความสามารถในเรื่องการมัดหมี่ ทอหูก ให้มากกว่านี้ เพื่อสืบสานประเพณี วัฒนธรรม และศิลปะของไทยต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาทกับนักเรียน นักศึกษาที่เข้าร่วมงานตอนหนึ่งว่า ขอให้ทุกคนตระหนักถึงความพอเพียงเพื่อลูกหลานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกัน สื่อจะต้องมีคุณภาพและความรับผิดชอบ ไม่ใช่เสนอแต่บันเทิงอย่างเดียว เพราะมันอันตรายต้องรายงานทั้งสาระ และความบันเทิง และต้องติดตามโซเชียลมีเดียด้วย เพราะหากไม่ตามจะโดนหาว่าโง่ แต่ถ้าฟังแล้วเชื่อไปหมดจะโดนหาว่าบ้า นอกจากนี้ อยากให้ลูกหลานตระหนักถึงประวัติศาสตร์ของประเทศให้ได้ ขณะเดียวกันสิ่งที่ยังเป็นปัญหา คือ ความเข้มแข็งและความยากจนของประเทศ ซึ่งไทยมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในโลก เพราะหยิบจับอะไรก็เป็นเงิน เช่น การขับจักรยานยนต์รับจ้าง การเก็บเงินค่าเข้าสถานที่สำคัญ ที่เมื่อมีการปล่อยปละละเลยก็มีรายได้ แต่พอเข้มงวดมากขึ้น ก็ทำให้รายได้ของประเทศลดลง ซึ่งรัฐบาลพยายามให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด แต่ยอมรับว่าระยะแรกก็ทำได้ยาก
นายกฯ ยังได้กล่าวถึงการดูแลทรัพยากรน้ำและป่าไม้ โดยขอให้สื่ออธิบายถึงความเป็นมาของการเปรียบเทียบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ น้ำ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ ป่า โดยต้องอธิบายว่า น้ำคือสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเริ่มในหลายด้าน ทั้งชลประทาน และการอนุรักษ์แหล่งน้ำต่าง ๆ ส่วนป่าหมายถึง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับอนุรักษ์น้ำ เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้นและมีฝน ซึ่งคำว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ น้ำ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ ป่า ไม่ใช่คำคล้องจองเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนไทยเป็นคนละเอียดอ่อน ช่างติ ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่เป็นเรื่องใหญ่ไปอีก แต่ก็ขอให้ไปใช้ในเรื่องสำคัญที่จะต้องแก้ที่ระบบการศึกษา เพราะเด็กสมัยนี้ไม่มีจินตนาการ ไม่มีการสร้างการคิดที่ต่อเนื่อง นโยบายของรัฐบาลนี้ นักเรียนต้องมีความสุข ครูต้องมีความสุข ไปหาวิธีมาให้ได้ภายใน 2 ปี ที่ตนยังอยู่ ขณะเดียวกัน เยาวชนจะต้องหาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร หาให้เจอให้มีภูมิความรู้แล้วค่อยวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะปั่นป่วนกันไปหมด ข่าวสารต้องติดตาม แต่ต้องรู้ให้จริง อย่าไปสนใจนักเรื่องการปรับ ครม. อย่างรายการคืนความสุข ตนอุตส่าห์พูดแทบตาย ยังปิดทีวีหนี
อย่างไรก็ตาม การปลูกข้าว 10 ปี ที่ผ่านมา ยังไม่มีการปรับแก้โครงสร้าง ทั้งความต้องการและการผลิต เกษตรกรพยายามปลูกข้าวให้ได้ปีละ 5 - 6 ครั้ง จนสุดท้ายทำให้ข้าวไม่มีคุณภาพ ไปเน่าอยู่ในโกดัง จึงต้องจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด หากไม่แก้ก็ต้องวนมาแบบเดิม ขณะนี้รัฐอยู่ระหว่างการออก พ.ร.บ. การเช่าที่นาและการบริหารจัดการน้ำ
“ค่านิยม 10 ประการไม่ได้ยกเลิกของจอมพล ป. เลย เพียงแต่เพิ่มบางข้อ รัฐบาลไม่ได้อะไร แต่ได้กับตัวเองทั้งนั้น ยากไหม 12 ข้อ ทำแล้วมันตายไหม คนมันจะว่าอยู่ทุกวัน ไอก็ว่าแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว