หัวหน้าประชาธิปัตย์หวังรัฐบาลปรับ ครม.ปรับปรุงประสิทธิภาพงานไม่ทันใจ ไม่ตอบสนองประชาชน บอกเห็นใจงานด้านเศรษฐกิจมีปัจจัยลบ และเปลี่ยนแปลงยาก แต่รับเกิดความอึดอัด ชนบทไร้กำลังซื้อ ควรเร่งช่วย ให้มีเงินหมุนเวียน ห่วงนักการเมืองแจมเก้าอี้จะมีปัญหาเพิ่ม ขออย่ายึดโยงเรื่องคน ถ้าปรับแล้วดีขึ้นก็ต้องทำ บอกนโยบาย ศก.ยังเป็นแบบอนุรักษนิยมเกินไป แนะต้องชัดชดเชยภัยแล้งยังไง
วันนี้ (27 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า เป็นดุลพินิจของนายกฯ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่หวังว่าจะพิจารณาในเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพในเรื่องงานที่อาจจะไม่ทันใจ หรือไม่สามารถที่จะตอบสนองประชาชนได้ การจะปรับเปลี่ยนบุคคลหรือไม่เป็นปัจจัยหรือ อีกด้านคืออาจจะทบทวนแนวคิดวิธีการบริหารจัดการ ส่วนในเรื่องตัวบุคคลที่จะปรับนั้นก็อยู่ที่นายกฯ
ส่วนที่มีเสียงเรียกร้องให้ปรับทีมเศรษฐกิจ เริ่มตั้งแต่หัวหน้าทีมนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า งานทางด้านเศรษฐกิจนั้นก็เป็นงานที่น่าเห็นใจ เพราะมีปัจจัยที่เป็นลบอยู่หลายตัว และเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงยาก แต่ว่าต้องยอมรับความอึดอัด หรือความไม่พอในแง่ผลงานทางด้านงานเศรษฐกิจนั้นมี โดยเฉพาะในชนบทที่ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ และควรเร่งงานที่จะช่วยทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อ หากคาดหวังเรื่องส่งออกหรือปัจจัยอื่นไม่ได้ ก็ต้องทำอย่างไรให้ประชาชนในชนบท โดยเฉพาะเกษตรกรมีเงินหมุนเวียน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือควรเน้นมุ่งเรื่องงานในเชิงบริหาร เพื่อตอบสนองการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่เป็นความคาดหวังของประชาชนมากกว่า อย่าไปให้น้ำหนักว่าเป็นพรรคการเมืองหรือไม่ใช่พรรคการเมือง เพราะถ้ามีเรื่องนักการเมืองเข้าไปก็จะเป็นการไปเพิ่มปัญหาทางการเมืองขึ้นมาอีก ว่าทางคสช.เองก็วางตัวมาโดยตลอดว่า เป็นรัฐบาลชั่วคราวที่ไม่มีแนวคิดในการที่จะไปยื้อ ทอดอำนาจ แต่พอมีการเอานักการเมืองเข้ามา นักการเมืองบางคนบางคนอาจจะมาเป็นนักการเมืองในอนาคต ก็จะมีปัญหาเพิ่มขึ้น ตนมองว่าควรมุ่งเรื่องการบริหารจะดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่า หากมีการนำอดีตนักการเมืองมาจริงจะทำให้ศรัทธาของคสช.ลดลงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้ อย่าไปยึดเรื่องคน ให้ยึดเรื่องงานจะดีกว่า และถ้ามีความจำเป็นต้องปรับคนแล้วให้งานดีขึ้นท่านก็ต้องปรับ ถ้าเปลี่ยนคนแล้วงานยังเหมือนเดิมก็ไม่ควรเปลี่ยน
“พูดรวมๆ ลักษณะแนวนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ยังเป็นแบบอนุรักษนิยมเกินไป ไปเกรงปัญหาเรื่องประชานิยมจนเกินไป ความจริงเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องเป็นประชานิยม ยังเป็นแบบอนุรักษ์นิยม ถ้ามีวิธีการที่เหมาะสมถูกต้อง นอกจากนั้นยังมีงานบางด้านที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบจริงที่เกิดกับประชาชนระดับล่างเพราะอาจจะเป็นความเชื่อในเรื่องกลไกตลาดบ้าง สุดท้ายไม่ได้เข้ามาดูแลให้ประชาชนสามรรถที่จะมีกำลังซื้อหรือไม่ต้องไปตกในภาวะที่มีหนี้สินสูง ในเรื่องภัยแล้งรัฐบาลต้องมีความชัดเจนเลยว่า จะชดเชยประชาชนอย่างไร การไปให้รีรอหรือชะลอเป็นการไปสร้างภาระให้ประชาชนได้ หากนายกฯ จะไม่ปรับบุคคล ก็อยากให้ประกาศเลยว่าไม่ปรับ แล้วเร่งเดินหน้าทำงานต่อไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว